รีวิว DT No.1 F2 Smartwatch ที่มีความเป็นนาฬิกาดิจิตอลที่อึดมากที่สุด

DT No1 F2 Review 006

หากใครยังติดเรื่องของการใช้งานในรูปแบบเดิมๆ ในยุคของนาฬิกาแบบดิจิตอลล่ะก็ DT No.1 F2 ตอบโจทย์แน่นอน แต่ไม่ใช่แบบธรรมดา มายุคนี้ก็ต้อง Smartwatch สิ ฟีเจอร์เพียบ และยังอึด ถึก ทน อย่างที่คุณไม่เคยพบเจอมาก่อน ซะด้วยสิ ผมว่าแค่ดูจากดีไซน์ก็คงจะพอรู้แล้ว งานนี้เหมาะกับคนที่เป็นขาลุยสักหน่อย เก็บแอคทิวิตี้ได้ และเหมาะกับขาลุย ปีนเขา กีฬา extreme จะวิ่ง จะปั่นก็ได้หมด ทั้งน้ำ ทั้งลม ทั้งแดด ทั้งฝน ก็ไม่ยั่น

สำหรับ DT No.1 แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ Smartwatch ที่ได้มารีวิวหลายร่น แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นของตัวเอง และ DT No.1 F2 รุ่นนี้ต้องบอกว่าเป็นการแสดงผลแบบดิจิตอล ที่มากกว่านาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอลทั่วๆ ไป หากรู้จัก G-Shock เจ้า DT No.1 F2 ก็คล้ายๆ ล่ะครับ แต่ฉลาดกว่าเยอะ เดี๋ยวมาดูฟีเจอร์กันว่าทำอะไรได้บ้าง แต่อยากกลับมาที่จุดเด่นอีกนิดนึง คือเรื่องของความอึด ถึก ทน ด้วยวัสดุที่ใช้ ด้วยเทคโนโลยี nano-injection  ทำให้เป็นนาฬิกาที่เหมาะกับ Outdoor Activity อย่างมาก งานนี้ดูสเปคกันก่อนเลย

Spec DT No 1 F2

 

DT No1 F2 Review 007

เจ้า DT No.1 F2 เป็นรุ่นที่มีความอึดและทนทานมาก ถ้าดูจากรูปทรงก็จะรู้ว่า มีการปกป้อง ทั้งตัวเรือนเอง และหน้าจอก็เป็นรอยได้ยาก เนื่องจากอยู่ลึกลงไปจากขอบของตัวเรือน

DT No1 F2 Review 000

แบตเตอรี่ใช้เป็นถ่านแบบ CR-2450 แต่งานนี้ไม่ต้องห่วง stand by ได้นานถึง 2 ปี ใช้งานเป็นปีก็ไม่ต้องเปลี่ยนถ่าน ถ้าเปลี่ยนก็ไม่ยาก ไปร้านนาฬิกาตามปกติได้เลยครับ

DT No1 F2 Review 001

ดีไซน์แบบหนาๆ แบบนี้ได้รับมาตรฐาน IP68 ดังนั้นกันน้ำกันฝุ่นไม่ต้องห่วงเลยครับ แต่เรื่องรับประกันก็อีกเรื่องนะ ส่วนปุ่มกดจริงๆ มีสองปุ่มนะครับ ตรงกลางเป็นเหมือนปุ่มแต่กดไม่ได้ แต่ก็เพิ่มความสวยงามด้านดีไซน์นั่นล่ะ

DT No1 F2 Review 004

อีกด้านนึงเป็นปุ่มเลือกโหมด และเปิดแสงที่หน้าจอ ซึ่งเป็นแสงสีเขียวถนอมสายตาอีกต่างหาก

DT No1 F2 Review 039

สายเป็นสายที่ทำมาจากวัสดุแบบ TPU ชนิดแข็ง พร้อมลายสวยงาม

DT No1 F2 Review 032

ตัวสายก็ไม่ต้องห่วงว่าข้อมือจะเล็กหรือใหญ่ เพราะมีหลายระดับมากครับ แต่ต้องบอกว่าเจ้า DT. No.1 F2 อาจจะเหมาะกับผู้ชายเสียมากกว่า

DT No1 F2 Review 031

เขี้ยวสำหรับล็อคสาย ก็แน่นหนาดีซะด้วย

DT No1 F2 Review 030

การแทรคทั้งหมดเรียกว่าแทบครบ ยกเว้นอย่างเดียวคือ อัตราการเต้นของหัวใจ ที่ไม่มีติดตัวมาด้วย

DT No1 F2 review - feature 3

หน้าปัทม์โชว์รายละเอียดต่างๆ เรียกว่าทุกแอคทีวิตี้อยู่ในนี้ครบ โดยการกดปุ่มเลื่อน Mode เพื่อสลับไปยังโหมดต่างๆ

DT No1 F2 review - feature

ฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งวัดค่าแสง UV ได้ อันนี้แนะนำ โดยเฉพาะบ้านเรา ที่แดดแรงและร้อนมากในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ แถมวัดอุณหภูมิได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังวัดความสูงและความกดอากาศได้อีก กีฬาที่ใช้งานได้ก็ประมาณว่าพวกปีนเขาอะไรประเภทนี้ล่ะ

DT No1 F2 review - feature 1

ส่วนเรื่องของการวิ่งก็แทรคได้เช่นเดียวกัน แสดงเรื่องจำนวนก้าว และหากเราวิ่งหรือปั่นก็ใช้แทรคเรื่องระยะทางได้

แน่นอนครับว่ารองรับการใช้งานร่วมกับแอพบนระบบ Android และ iOS ได้หมด

DT No1 F2 Review 057-horz

แอพหาดาวโหลดได้ชื่อ FunDoBracelet ใน Store ทั้งสองระบบนะ ซึ่งแน่นอนว่ามีระบบการเก็บพวก log ของเราขึ้นบน account ด้วยดังนั้นอย่าลืม sign in ก่อนใช้งาน

DT No1 F2 Review 058-horz

ซึ่งโดยปกติแล้วการใช้งานก็ต้องมีการตั้งค่า รายละเอียดจุดมุ่งหมาย และโปรไฟล์ของเราตามปกติล่ะครับ เพราะว่านาฬิกาแบบฉลาดๆ ไม่ได้ดูเวลาอย่างเดียวอยู่แล้ว

DT No1 F2 Review 064-horz

รายงานการเดิน หรือวิ่ง มีสเต็ปบอกว่าเราก้าวไปเท่าไหร่ เผาผลาญพลังงานไปได้เท่าไหร่ ยังไงบ้าง

DT No1 F2 Review 063-horz

อีกอย่างที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ การแทรคการนอน ซึ่งการนอนบอกว่าหลับลึกเท่าไหร่ หลับตื้นเท่าไหร่ และเวลาที่เริ่มหลับรวมถึงเวลาที่ตื่น ซึ่งค่อนข้างตรง แต่ปัญหาก็คือ นาฬิกามีตัวเรือนที่ใหญ่ การใส่นอนเป็นเรื่องที่ลำบากเหมือนกัน

DT No1 F2 Review 040
ถามว่าตัวเรือนใหญ่ไหม ก็เปรียบเทียบกับ Gramin Forerunner 235 และ Garmin Forerunner 35 ดู แต่ความอึด ถึก ทน มันต่างกันนะ แบตก็อยู่ได้นานสุดๆ

สรุปทิ้งท้ายสักหน่อย

สำหรับ DT No.1 F2 เป็นนาฬิกา Smartwatch รูปแบบนึง ที่เน้นเอาจุดเด่นเรื่องของความเป็นนาฬิกาแบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี แต่แฝงมาด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เพียบ ซึ่งเป็นเทรนด์ของ Smartwatch ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการแทรคก้าวเดิน ระยะทาง วิ่ง การนอน การเผาผลาญในร่างกาย อุณหภูมิ แสง UV ความกดอากาศ ความสูง จับเวลาก็ได้ คือฟีเจอร์เรือนเดียวผมว่ายังไงก็คุ้ม หากเป็นคนที่ขอบดีไซน์แบบนี้ก็โดนไป อ้อ อีกอย่างนึงคือ ความอึดต้องบอกว่าเกินราคาไปเยอะ ราคาระดับสองพันบาทเท่านั้นเอง แถมตอนนี้ราคาแค่ 900 บาทซะด้วยซ้ำ แต่ว่าได้มาตรฐาน IP68 ด้วย กันน้ำกันฝุ่นแบบจัดเต็ม Smartwatch ตัวอื่นๆ ที่มีมาตรฐานนี้ ล้วนแต่ราคาแรงๆ ทั้งนั้น คือคุณภาพเกินราคาไปเยอะล่ะครับ บอกได้แต่เพียงเท่านี้ แต่ถามว่าจะให้เทียบกับบรรดา Smartwatch ที่มีขายในบ้านเรา ที่มาจากจีนเหมือนๆ กัน ผมว่าตัวนี้คุ้มกว่านะ หากสนใจคลิ้กที่ลิงค์นี้ครับ



ถูกใจบทความนี้  6