สวัสดีครับผม แหม่ วันนี้ผมก็มาพบกันอีกเช่นเคย ช่วงนี้อาจจะเยอะหน่อย คงไม่เบื่อกันไปซะก่อน แบบว่าเครื่องมันผ่านมือไปมา บ่อยๆ มีเวลา และโอกาสดีๆ ก็มาถ่ายภาพ และแชร์ให้ชมกันน่ะครับ วันนี้ผมขอจับ AIS Supercombo Black Series G 4.0 มาให้ชมกัน ซึ่งก่อนหน้านี้เค้าทำตลาดโดยจับมือกับ Acer มาแล้ว และเมื่อครึ่งปีแรกที่ผ่านมาก็มีแบรนด์ Lava เข้ามาในตลาด ทำเอางงกันไปพักใหญ่ เพราะไม่มีใครรู้จักแบรนด์นี้มากนัก แต่แล้วรุ่นต่อยอดอย่าง G 4.0 ก็ออกมาแล้วครับ มาดูแกะกล่อง พรีวิวกันก่อนเลย
ขอบคุณ AIS ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบ
สำหรับ AIS Supercombo นับว่าเป็นแบรนด์จากค่ายโอเปอเรเตอร์ยักษ์เขียวของไทยเรานี่เอง ที่จับเอาแบรนด์จากต่างปประเทศหรืออาจจะเป็นผู้ผลิตจากต่างประเทศมาร่วมมือแล้ว AIS เป็นคนจัดจำหน่าย โดยหลักๆ ก็เน้นความคุ้มค่าการใช้งานเมื่อเทียบกับราคานั่นล่ะ อย่างเจ้า AIS Supercombo G 4.0 นี่ ราคาค่าตัวแค่ 2,390 บาท เท่านั้นเอง แถมแพ็คเกจ เท่าค่าเครื่อง เลยทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่ที่ยากกว่าคือสเปคนี่ล่ะ ถ้าเป็นผมก็คงคิดเยอะหน่อย แต่ทว่า เค้าเล็งเป้าหมายไว้ที่ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่แน่ก็อาจจะเป็นรุ่น พ่อรุ่นแม่ เราเลยก็ได้นะ ที่ยังใช้เครื่องรุ่นเดิมๆ ที่ยังไม่ใช่ Smartphone แต่วันี้ AIS Supercombo G4.0 เป็น Android ที่ใช้งานไม่ยาก เพราะฮิตไปทั่วทุกพื้นที่ในโลกของเราแล้วล่ะ วันนี้พามาแกะกล่อง กันครับ
สำหรับกล่องขนาดพอเหมาะ สำหรับรุ่นนี้จริงๆ แล้วเน้นเรื่องดีไซน์ที่สวยงาม เป็นขอบสีทอง และฝาหลังพลาสติกลายหนัง ดูไฮโซนะ ด้วยราคาแบบนี้ก็นับว่า น่าสนใจ
ด้านหลังมีบอกสเปคเอาไว้ครบถ้วน ชื่อรุ่นจริงๆ ที่มากับตัวเครื่องเลยก็คือ iris 500 สเปคอื่นๆ ยังต้องบอกว่าเป็นสเปคเบสิค จะมีดีก็หน้าจอที่เป็น IPS และ Android 4.4 Kitkat
ตรงนี้ล่ะที่ว่า จะเป็นจุดขายของเขาล่ะ โทรฟรี 2,400 บาท เล่นเน็ทฟรี 1GB แหม่ ก็น่าสนใจอยู่นะ
แกะกล่องออกมา จะเห็นว่าอุปกรณ์ต่างๆ มีให้ครบ ฟิล์มกันรอย เคส หูฟัง อะแดปเตอร์ สายชาร์จ
ด้านหน้า ดีไซน์เรียบๆ ด้วยขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว การแสดลผลแบบ IPS Bright Vision คือมีความสว่างของหน้าจอในระดับที่ดีกว่า เครื่องในราคาระดับนี้ ซึ่งเชื่อว่าอนาคตมีคู่แข่งที่ทำได้อีกหลายแบรนด์เลยทีเดียว กล้องด้านหน้า ยังอยู่ที่ VGA พอใช้งานได้ แต่ในปัจจุบันจริงๆ แล้วความละเอียดต้องมากกว่านี้ อย่างว่าล่ะครับ เพราะราคาในระดับนี้สเปคก็เลยถูกจำกัด แต่หากเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป ก็พอไหวนะ
ด้านหลังแปะแบรนด์ AIS3G พร้อม LAVA ที่เป็นผู้ผลิตตัวจริงด้วย ตัวฝาหลังเป็นพลาสติก ลายหนัง ทำให้ดูไฮโซ ขอบตัดเลนส์สีทอง รวมถึงรอบตัวเครื่องด้วย จะเห็นว่ารุ่นนี้เน้นที่ดีไซน์ กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล จากสเปคข้างกล่องทีชูไว้ ก็ดูเหมือนจะเยอะล่ะนะ ปกติราคาระดับนี้อาจจะไม่ถึง 5 ล้านพิกเซล
ลองแกะฝาหลังมาดูจะเห็นว่ารองรับ 2 ซิม แน่นอนว่าเป็น 3G 900/2100 MHz ดังนั้นซิมแรกนี่ใส่ค่ายอื่นไม่ได้ เพราะค่ายอื่นหลักๆ ตอนนี้เน้น 3G ที่คลื่น 850MHz ใครซื้อมาต้องดูให้ดีด้วยนะครับ เพิ่มเมมได้ แบต 1400 MHz ก็พอไหวนะ
ด้านข้างขอบตัดสีทองรับตัว ปุ่มปิดเปิดเครื่อง และเร่งลดเสียงอยู่คนละด้านกัน
ด้านบนมีทั้งช่องเสียบหูฟัง และ microUSB สำหรับชาร์จอยู่ด้วยกันเลย
เรื่องดีไซน์ จะว่าสวยงาม ก็ใช่นะ แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบสีทอง อาจจะชอบสีเงินมากกว่า เสียดายที่มีให้เลือกแค่สีเดียว
ลองเปิดเครื่องดูครับ ใช้เวลาบูทครั้งแรกสักพักนึง แบรนด์ที่แปะเอาไว้ก็ต้องเป็นผู้ผลิตอย่างแน่นอน แต่ว่าก็มี AIS3G ขึ้นมาก่อนล่ะนะ จะได้รู้ว่าเป็นเครื่องที่มาจาก AIS
UI ยังคงเป็น UI เดิมๆ เพียงแต่มี น้องอุ่นใจเป็น Theme เอาไว้ให้ชัดเจน พอเปิดมาปุ๊ปรู้ปั๊ปว่าเป็น AIS3G
ตัวแอพก็ให้บรรดาเซอร์วิสของ AIS มาอาทิเช่น AIS live TV, AIS Priviledge, AIS Eservice, KKBox สำหรับเล่นเพลง, mPay สำหรับจ่ายค่าบริการ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นจุดดีสำหรับโอเปอเรเตอร์ที่อำนวยความสะดวกให้คนใช้อย่างเราๆ กลับกันในมุมคนใช้อย่างเราๆ ต้องการพื้นที่ตัวเครื่องมากกว่า ในการที่ preinstall แอพต่างๆ มาให้ ก็จะเหลือพื้นที่ใช้งานน้อยลง
มาพร้อมกับ Android 4.4 Kitkat กับรุ่นก่อนหน้านี้ที่ 4.2 ผมว่าก็ถือว่าการทำงานโดยรวมดีขึ้นล่ะ
พื้นที่เหลือแค่ 1.27GB ไม่เยอะ ใช้งานแป๊ปเดียวก็หมดแล้ว อันนี้ล่ะจะเป็นปัญหาของผู้ใช้งานแม้ว่าจะสามารถใส่เมมเพิ่มได้ก็จริง แต่หลักๆ พื้นที่ในตัวเครื่องนี่ล่ะที่มักจะเต็มและมีปัญหาในการลงแอพหรือการใช้งานโดยรวาม
สรุปสักหน่อย
สำหรับ AIS 3G Supercombo Black Series G 4.0 (ชื่อยาวชะมัด) เป็น Android ที่มีราคาถือว่าถูกแล้ว ในตลาดขณะนี้ อาจจะไม่ใช่ถูกที่สุด แต่ก็เกือบๆ ล่ะ สเปคต้องปรับปรุง เช่น ROM 4GB น่าจะมาให้ถึง 8GB กับ RAM 512MB มันน้อยไปหน่อย แต่เรื่องดีไซน์จุดเดียวก็คงเป็นขอบทอง ที่เชื่อว่ามีบางคนไม่ชอบอาจจะเป็นขอบเงินน่าจะสวยกว่า พลาสติกลายหนังดูดี โดยรวมแล้วสเปคกับราคาก็ถือว่าคุ้มค่าด้วย 2,390 บาท และได้การใช้งานครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเครื่องรุ่นใหญ่ๆ แต่อย่างที่บอกล่ะครับ สเปคแบบนี้ หากเป็นคนทั่วๆ ไป ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นผมใช้เองก็อึดอัดล่ะ อาจจะเป็นเครื่องสำรองสำหรับโทรออก รับสายซะมากกว่า หรืออาจจะให้ลูกๆ เล่น อ้อ เค้ามีคืนค่าโทรเดือนละ 240 บาท 10 เดือนด้วยนะ เรียกว่าใช้ไป 10 เดือนเหมือนได้เครื่องฟรี ซึ่งลักษณะแบบนี้เราจะเห็นได้กับทุกโอเปอเรเตอร์ครับ แอบอยากให้ทำกับ iPhone แบบนี้จริงๆ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะขอรับ พบกันใหม่ในรีวิวอื่นๆ
You must be logged in to post a comment.