เมื่อวันพุธที่ 25 มีนาคม 2015 Samsung ได้จัดงานเปิดตัว Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 Edge สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับความงามที่เลอค่า รอบ Blogger ขึ้นครับ ซึ่งทำให้เหล่า Blogger IT ทั้งหลายได้มีโอกาสสัมผัส Samsung Galaxy S6 และ S6 Edge ก่อนใคร และแน่นอนว่าทีมงาน PDAMobiz ย่อมเก็บพรีวิวตัวเครื่องมาฝากเพื่อนๆ กันเช่นเคย
Samsung Galaxy S6
ขอเริ่มต้นพรีวิวตัวเครื่อง Samsung Galaxy S6 ก่อนครับ เครื่องที่ถ่ายรูปพรีวิวมานี้คือสีดำ ดูหรูหราดีมากเลย โดยในส่วนของด้านหน้านั้นดูๆ ไปดีไซน์ก็ดูคล้ายรุ่นก่อนๆ หน้าเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมมองแล้วผมว่าเจ้านี่สวยกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ผ่านมาเลย
ด้านหลังดำสนิทพร้อมความเงาวับ ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass 4 (ที่มีความแข็งแกร่งกว่า Gorilla Glass 3 1.5 เท่า) ทำให้ตัวเครื่องดูหรูมาก แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือง่ายมากเช่นกัน
มาดูตัวเครื่องด้านหน้าใกล้ๆ กันบ้างครับ รอบนี้เอากล้องหน้าที่มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่ว่ากันว่าถ่ายรูป Selfie ในที่แสงน้อยได้ดี ไว้ทางขวาของลำโพงสนทนานะ
ด้านล่างยังคงเป็นปุ่มสามปุ่มตามยุคสมัยเช่นเคยประกอบด้วย Recent Apps, Home (กด 2 ครั้งเข้ากล้อง), Back
ต่อกันที่ด้านหลังตัวเครื่องใกล้ๆ บ้างครับ กล้องหลังนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลย
ส่วนด้านล่างของด้านหลังเครื่องเรียบๆ ครับ
มาดูด้านข้างเครื่องกันบ้าง ซึ่งทาง Samsung บอกว่าวัสดุที่ใช้เนี่ยเป็น Aluminium Alloy 6013 ที่เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องบินจึงมีความคงทนสูงกว่าแบรนด์อื่นที่ใช้ Aluminium Alloy 6063 ที่มีต้นทุนถูกกว่า
เริ่มจากด้านบนมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงสนทนา ส่วนสีดำใหญ่ๆ นั่นคือ IR Blaster
ด้านซ้ายของเครื่องต้องมีปุ่ม Power เช่นเคย และใต้ปุ่ม Power ก็มีช่องใส่ซิมการ์ดด้วย แต่ไม่มีช่องใส่ Micro SD Card แล้วนะรุ่นนี้
ทางขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่มลดเสียงเช่นเคย
ด้านล่างเครื่อง มันดูคุ้นๆ นะ มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ช่องเสียบสายชาร์จ/Micro USB ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพง
ลองถือ Samsung Galaxy S6 ดู ต้องบอกว่าขนาดพอดีมือไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปครับ ส่วนตัวผมว่าหน้าจอขนาดประมาณ 5-5.2 นิ้วนี่คือกำลังดีที่สุด
Samsung Galaxy S6 Edge
ต่อกันด้วยพรีวิว Samsung Galaxy S6 Edge อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีดีไซน์โดดเด่นด้วย Edge Screen ทั้งสองด้านครับ ซึ่งตัวเครื่องที่พรีวิวนั้นคือสีทองอร่าม
ด้านหน้าด้านหลังนี่เห็นชัดเจนเลยว่าสะท้อนแสงสุดๆ และเงางามสวยงาม และแน่นอนว่าใช้กระจก Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าด้านหลังเช่นเดียวกันกับ Galaxy S6
การจัดวางตำแหน่งต่างๆ จะเหมือนกับ Samsung Galaxy S6 เสียส่วนใหญ่ แน่ล่ะก็เกิดมาพร้อมกันนี่นา แต่หน้าจอด้านข้างเป็น Edge Screen ที่มีความโค้งลงไปซึ่งผลิตจากเทคโนโลยี 3D Thermoforming ผ่านความร้อนกว่า 800 องศาและขั้นตอนกว่า 27 ขั้นตอน
ด้านล่างก็มีปุ่มสามปุ่มเช่นเดียวกัน
ดูด้านหลังใกล้ๆ บ้างครับ ตัวเครื่องสีทองนี่สวยงามมากรอบนี้ คือไม่ได้ดูเป็นทองด้านๆ แต่เป็นทองเงาๆ ซึ่งเหมาะสมกับการที่เป็นสีทอง
แน่นอนว่ากล้อง Samsung Galaxy S6 Edge ก็นูนออกมาเช่นกัน
ด้านล่างฝาหลัง โล่งเลย
ด้านข้างของตัวเครื่อง Samsung Galaxy S6 Edge ก็ทำมาจาก Aluminium Alloy 6013 เช่นกัน
แต่ด้านบนของตัวเครื่องนั้นมีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่ด้วยนะ (ไม่มีช่องใส่ Micro SD Card)
ด้านซ้ายของตัวเครื่องต้องมีปุ่มเพิ่มลดเสียงตามมสูตร
ด้านขวามีแต่ปุ่ม Power
ด้านล่างนี่เหมือนกันเป๊ะ มีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ช่องเสียบสายชาร์จ/Micro USB ไมโครโฟนสำหรับสนทนาและลำโพง
เปรียบเทียบตัวเครื่อง Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 Edge หน่อย
Samsung Galaxy S6 Edge จะอยู่ด้านบนและ Galaxy S6 จะอยู่ด้านล่างนะครับ
ตัวที่ได้ถ่ายรูปพรีวิววันนี้มาพร้อม Android 5.0.2 Lollipop
Accessories
ทั้งนี้ในงานนั้น Samsung ยังได้นำอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้แก่เคสรูปแบบต่างๆ และ Wireless Charger มาอวดโฉมในงานด้วย
ว่าแล้วก็แอบซนลองเคสฝาพับซะหน่อย
ลองถ่ายรูปในที่แสงน้อยมากๆ เทียบกับ….
ทดสอบถ่ายรูป Selfie ในที่ๆ มีแสงอันน้อยนิดด้วย Samsung Galaxy S6 เปรียบเทียบกับ iPhone 6 ดู จะเห็นว่าภาพของ Galaxy S6 สว่างกว่ามาก
กล้องหลังก็เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy S6 ให้ภาพที่สว่างกว่ามาก แต่ก็ Noise เยอะพอตัวเลย เพราสถานการณ์ที่ทดสอบคือแสงลอดเข้ามาน้อยมากจริงๆ
ลองดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้ากัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Samsung Galaxy S6 ในสภาวะแสงน้อยมากๆ ครับ ไม่ได้ปรับแต่งใดๆ นอกจากย่อขนาดลง ถือว่าทำได้ดีเลย เพราะลองกล้องหน้าตัวอื่นนี่จอดสนิท แทบไม่เห็นอะไร
อีกหนึ่งภาพถ่ายจากกล้องหน้า Samsung Galaxy S6 เช่นกันครับ กับแสงไฟสีเหลืองในโรงแรม ให้ภาพที่สว่างดีมาก
ปิดท้ายการพรีวิวตัวเครื่อง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 Edge ด้วยรูปน้องพริตตี้คนงามครับ
You must be logged in to post a comment.