วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีการเปิดตัว ASUS Zenfone 2 ที่จาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งผมได้ไปร่วมงานด้วย เลยพรีวิวตัวเครื่อง เท่าที่ได้ลองสัมผัสและบอกเล่าความรู้สึกที่ได้จับกันนะครับ ต้องบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้จับเจ้า ASUS Zenfone 2 ถึงจาการ์ตากันเลยทีเดียว
โดยทั้งหมดที่เปิดตัวมา 4 รุ่นนะครับ จากข่าวก่อนหน้านี้ ASUS Zenfone 2 เปิดตัวในภูมิภาคเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ อย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศราคาขายไทย ซึ่งรุ่น Top ราคาขายไม่เกิน 12,000 บาทแน่นอน ซึ่งเรียกว่าเป็นสเปคโหด ที่จะมาตัดขาแบรนด์ใหญ่ๆ อีกครั้งในรอบปีนี้ จากเมื่อปีที่แล้ว ที่ตัดขาตลาดล่างไปเรียบร้อย งานนี้ขึ้นมากินตลาดระดับกลาง และคาดว่าแรง แซงทุกแบรนด์เช่นเคย
ASUS Zenfone 2 มีอยู่ 4 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน ทั้งสเปคและราคา ผมเชื่อว่าหลายคนเล็งรุ่นต่ำสุดเอาไว้ แต่ก็มีหลายคนที่เล็งรุ่นสูงสุด ผมว่ารุ่นไหนก็แทบไม่ต่างเพราะบอดี้เหมือนกัน ต่างกันตรงสเปคแค่นั้น คนที่ซื้อเครื่องราคา 6,990 บาท อาจจะได้เปรียบในแง่ของ ราคาที่จ่ายไป แต่ได้บอดี้เหมือนรุ่นสูงสุดเลย แจ่มมาก
ASUS Zenfone 2 สเปคภาพรวมโดยจะแบ่งเป็น 2 รหัสคือ ZE551ML และ ZE550ML ต่างกันตรง CPU ที่ใช้ ความละเอียดหน้าจอและ RAM
- Platform : Android 5.0 (Lollipop)
- Color : Black/White/Red/Gray/Gold
- Dimensions : 77.2 x 152.5 x 3.9 ~ 10.9 mm (WxDxH)
- Weight 170 g
- CPU : Intel® Atom™ Quad Core Z3580 (2.3GHz), PowerVR G6430, with OpenGL 3.0 support
Intel® Atom™ Quad Core Z3560 (1.8GHz), PowerVR G6430, with OpenGL 3.0 support - Memory : 2GB/4GB LPDDR3 RAM
- Storage : 16GB/32GB/64GB eMMC Flash 5GB free lifetime ASUS WebStorage
- Memory Slot : MicroSD card (up to 64 GB)
- Modem : Intel 7262 + Intel 2230
- Connectivity Technology WLAN 802.11a/b/g/n/ac, USB, Bluetooth V4.0, NFC, Dual Micro SIM card
SIM1 Support2G/3G/4G, SIM2 Support2G, Dual SIM Dual Active - Network Standard : UMTS/WCDMA/TD-SCDMA/TDD-LTE/FDD-LTE
Data Rate:
HSPA+: UL 5.76 / DL 42 Mbps
DC-HSPA+: UL 5.76 / DL 42 Mbps
LTE Cat4:UL 50 / DL 150 Mbps
2G :
EDGE/GPRS/GSM :
850/900/1800/1900,
3G :
WCDMA :
850/900/1900/2100
TD-SCDMA: (CN/IN Only)
1900 ~ 2100
4G :
FDD-LTE: (TW)
2100MHz(1)/1900MHz(2)/1800MHz(3)/1700MHz AWS(4)/850MHz(5)/900MHz(8)/700MHz(28)
FDD-LTE: (WW)
2100MHz(1)/1900MHz(2)/1800MHz(3)/1700MHz AWS(4)/850MHz(5)/2600MHz(7)/900MHz(8)/800MHz(20)
FDD-LTE: (US)
2100MHz(1)/1900MHz(2)/1800MHz(3)/1700MHz AWS(4)/850MHz(5)/2600MHz(7)/900MHz(8)/700MHz(17)/800MHz(20)
FDD-LTE: (CN/IN)
2100MHz(1)/1800MHz(3)
TDD-LTE: (CN/IN)
2600MHz(38)/1900MHz(39)/2300MHz(40)/2500MHz(41) - Navigation : GPS/GLONASS/QZSS/SBAS/BDS
- Display : 5.5inches, Full HD 1920×1080,IPS Corning® Gorilla® Glass 3
- Battery : 3000 mAh Li-Polymer (non-removable)
- Camera : Front 5 Mega-Pixel, Fix Focus, Wide View, PixelMaster
Rear 13 Mega-Pixel, Auto Focus, PixelMaster - Sensor : G-Sensor/E-Compass/Gyroscope/Proximity/Ambient Light Sensor
- Note : The 18W BoostMaster adapter is included with 2.3GHz/4GB ZenFone 2 model only
สำหรับ ASUS Zenfone 2 รุ่นนี้ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นนี่ ไม่ได้ต่างจาก ASUS Zenfone รุ่นแรกสักเท่าใดนัก หน้าตาดีไซน์คล้ายเดิม แต่แน่นอนว่ามีการปรับปรุงหลายๆ ด้าน นะ ส่วนที่ผมคิดว่า ASUS มาได้จังหวะดีมากๆ เลยก็คือ Android 5.0 ซึ่งตรงนี้ล่ะที่แจ่ม เพราะทำให้การทำงานภาพรวมดีขึ้นเยอะเลย ความลื่น ความลงตัว ฟีลลิ่งในการใช้งานหน้าจอดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน
ด้วยขนาดหน้าจอที่ 5.5 นิ้ว การแสดงผลเต็มตาแน่นอน หน้าจอแบบ IPS พร้อมกระจกแบบ Gorilla Glass 3 ก็แจ่มพอแล้วใช่ไหมล่ะครับ
เรื่องความหนาความบางผมว่าไม่ใช่ประเด็น แต่ขอบบางออยู่เหมือนกันนะ ที่ 3.9 มม. แต่นั่นคือขอบ แต่ทั้งตัวเครื่องอยู่ที่ 10.9 มม. ถือว่าไม่บางแต่ก็ไม่หนา จับถนัดมือดี มือเล็กๆ อย่างผมก็พอใช้งานมือเดียวไหวอยู่นะ แต่ถ้าให้ดีก็ต้องจับสองมือล่ะ การใช้งานมือเดียวกับขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ถือว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเหมือนกัน ตั้งแต่การออกแบบตัวเครื่องไปจนถึงการใช้งานภายใน ASUS Zenfone 2 ยังคงต้องรอคำตอบจากผู้ใช้งานกันอีกที
เรื่องสเปค ที่คงอดพูดถึงไม่ได้ เพราะ intel เค้าทำมาดี จัดสเปคให้เต็ม โดยรุ่นเล็ก ราคาเบา ใช้ CPU intel Atom Z3560 ซึ่งเป็น CPU แบบ 64 Bits quad-core ความเร็ว 1.8 GHz แน่นอนว่า RAM มาที่ 2 GB ซึ่งในราคาต่ำสุด 6,990 บาท ให้พื้นที่ใช้งานมา 16 GB นี่แค่ได้ RAM ขนาดนี้ก็หาใครเทียบยากแล้วนะ แต่ถ้ารุ่นแพงขึ้นมาอีกหน่อย 8,990 บาทนี่ ก็ได้หน้าจอแบบ FullHD เพิ่มเติมขึ้นมา ส่วนรุ่น Intel intel Atom Z3580 ได้สเปค CPU มาแรงถึง 2.3 GHz แน่นอนว่าเป็น quad-core ส่วน RAM ให้มา 4GB รุ่น 9,990 บาท ได้พื้นที่ใช้งานมาที่ 32 GB ส่วน ราคาแรงสุด ก็จัดเต็ม 64 GB แค่เอาสเปคชน ก็ล้มทั้งกระดานได้แล้ว แถมในงาน ก็ยังเรียกตัวเองว่าเป็น monster ซะด้วย ไม่มีอะไรที่เรียกได้ดีกว่านี้แล้วใช่ไหมเนี่ย? flagship ยังสู้ลำบากเลย เวลานี้
หันมาด้านหลังนี่ จะให้ไม่พูดถึงกล้องก็ไม่ได้นะ ขนาดความละเอียดกล้องที่ 13 ล้านพิกเซล แฟลช 2 ดวง ในปัจจุบันก็ถือว่าไม่เยอะ แต่เช่นเคยไม่น้อยแน่นอน อยู่ที่ว่าความละเอียดระดับนี้ จะถ่ายภาพออกมาได้ดีแค่ไหน ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ที่ ASUS Zenfone 2 มีให้นี่เพียบ ต้องยกยอดเอาไว้คุยกันรอบหน้าเลย แถมยังมีพวกอุปกรณ์เสริมออกมาให้เล่นอีกพอสมควรเลย
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนบน ASUS Zenfone 2 คือ ปุ่มกด เร่ง และ ลดเสียง ซึ่งถูกออกแบบอยู่ด้านหลัง สำหรับผู้ใช้ ASUS Zenfone เดิม เวลาใช้งานก็อาจจะไม่คุ้นเคย อันนี้แอบไปคล้ายกับ LG G2
ส่วนด้านบนและด้านล่างก็ไม่มีอะไรนอกจากปุ่มกด ปิด เปิดเครื่อง ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พอร์ท micro USB สำหรับชาร์จและไมค์ ทั้งด้านล่างและด้านบน
ลองแกะฝาหลังดูครับ ยังดีนะที่แกะฝาหลังได้ แต่ถึงแกะได้แบตขนาด 3000 mAh ก็เปลี่ยนเองไม่ได้อยู่ดี
ส่วนของซิม รองรับ 4G ในบ้านเราได้แน่นอน แต่ทว่ารองรับแค่ซิมแรกเท่านั้น ซิมที่ 2 นี่รองรับแค่ 2G แค่นั้นน่ะสิ เรียกว่าเอาไว้โทรอย่างชัดเจน แต่อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องสนใจกันเลยทีเดียว Dual SIM Dual Active หมายความว่าสามารถรับสายพร้อมกันทั้งสองสายได้เลย ไม่ต้องตั้งโอนสาย สะดวกมากจริงๆ
เอาภาพแต่ละด้านมาให้ชมกันอีกครั้ง อันนี้สีแดงเต็มๆ
และเอาด้านหลังแต่ละสีมาให้ชมกันด้วย จริงๆต้องบอกว่า แต่ละสีก็สวยงามแตกต่างกันนะ
ชอบสีไหนสุดครับ ระหว่าง สีทอง สีขาว สีเทา หรือสีแดง? เลือกได้ แต่ทว่าบางรุ่นก็เอาเข้ามาขายในบ้านเราไม่ครบทุกสีนะ
แอพที่ให้มา ก็ไม่ได้ต่างจากของเดิมนักนะครับ อันนี้คงต้องมาดูกันเป็น shot by shot
เท่าที่ผมพอจำได้นี่ ใกล้เคียงกันนะครับ เรื่องแอพที่ให้มาในเครื่อง ที่เหลือคงต้องให้เพื่อนๆ ที่ยังใช้งาน Zenfone อยู่มาเปรียบเทียบกันล่ะ
Android 5.0 อย่างที่เกริ่นว่ามาเติมเต็มให้ ASUS Zenfone 2 น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น เราจะเห็นค่ายไหนในราคาต่ำกว่า 7,000 บาท เอา Lollipop มาให้เรากินกัน? เห็นจะยากแฮะ
สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คงเป็นเรื่อง Motion เช่น ขณะหน้าจอดับสามารถเคาะหน้าจอสองทีให้หน้าจอติดได้ และยังสามารถเขียนตัวอักษรเพื่อเข้าใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าอันนี้ไม่ได้ใหม่อะไรสำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา แต่ใหม่สำหรับ ASUS Zenfone แน่นอน
พื้นทื่ใช้งานมีให้เยอะแค่ไหนก็ต้องโดนระบบจัดไปส่วนนึงแล้ว อันนี้ระบบจัดไปถึง 6.47 GB เลยทีเดียว หากเป็นเครื่องใหม่แกะกล่อง อาจจะไม่ถึงมั้ง อันนี้เดาเอา คงต้องรอได้เครื่องซิงๆ มาทดสอบกันล่ะ
คีย์บอร์ดภาษาไทยกับหน้าจอขนาดใหญ่ สบายกันไป
.
กล้อง ก็ฟังก์ชั่นถ่ายภาพเพียบ จริงๆ ผมมีภาพถ่ายเก็บมาด้วย เดี๋ยวเอามาแชร์ในตอนต่อไปนะครับ แบบว่ามันเยอะจริงๆ เรื่องกล้องเนี่ย
อยากจะแกะกล่อง แต่ก็ไม่สามารถจริงๆ อยู่ในตู้เพียบเลย เอามาโชว์เฉยๆ
และขอนำเสนอ อุปกรณ์เสริม ต่างๆ ที่ปีนี้ ASUS ขนมาเพียบ แต่เข้าไทยเพียบด้วยหรือไม่นี่ ต้องรอติดตามชมนะ
– Zenpower (10,500 mAh) ประมาณ 650 บาท
– ZenEar S ประมาณ 1690 บาท
– ZenEar ประมาณ 190 บาท
– ZenFlash ประมาณ 590 บาท
ราคาประมาณนี้เข้าไทยหรือเปล่า รอประกาศจากทาง ASUS Thailand อีกครั้ง
เอาภาพสาวๆ ในงานมาฝากกันทิ้งท้ายครับ
ทิ้งท้ายจริงๆ และครับ อันนี้แอบโหลด .apk มา ยังไม่ได้ enable 64bit นะครับ สำหรับคะแนนจาก AnTuTu ฺฺBenchmark ที่เห็น คาดว่าถ้าทดสอบแบบ 64bit คะแนนน่าจะได้มากกว่านี้
จริงๆ มีสไลด์ในงานเพียบเลยถ่ายไว้ และในงานยังมีการถ่ายภาพกลางคืน และการใช้ถ่ายภาพฟีเจอร์ต่างๆ อีกเพียบเลยครับ ซึ่งรับรองว่าใครที่คิดจะใช้ ASUS Zenfone 2 ไม่ผิดหวังเรื่องกล้อแน่นอน อีกส่วนนึงคือเรื่องมัลติมีเดียต่างๆ ก็ครบสูตรเรียกว่า ตัวเดียวจบครบหมด เรือธงค่ายไหนจะมาต่อกรด้วย ถึงจะสู้ได้ แต่พอมาเจอเรื่องราคาและ RAM ผมว่าเด้งหมดแหงมๆ ราคาระดับนี้มี intel หนุนหลังอยู่ ทำได้จริง ความรู้สึกเมื่อจับเครื่องก็ไม่ได้ว้าวมากนัก เนื่องจากวัสดุต่างๆ ก็อย่างทีเ่ห็นครับ ฝาหลังยังเป็นพลาสติก รวมถึงตัวเครื่องเองด้วย แต่ว่าโดยภาพรวมแล้ว ถือว่าโอเคนะ ใครไม่โอ ก็ไม่รู้ว่าไงแล้ว เพราะเรื่องราคานี่ล่ะ ทำให้รับได้ในบัดดล ส่วนเรื่องแอพมีให้ใช้งานตรบถ้วน และไม่สำคัญมากนัก เพราะหาลงเพิ่มเองตามสไตล์การใช้งานแต่ละคนอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการใช้งานจริงๆ ก็คงต้องรอติดตามกัน เพราะจะมีเรื่องแบตเตอรี่ และบั๊กต่างๆ ที่ยังไม่รู้ว่เมื่อวางขายและใช้งานกันจริงๆ แล้ว จะเจอปัญหาอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ แต่หลักๆ เท่าที่ลองเล่นในงาน ไม่มีอะไรในกอไผ่ สบายใจหายห่วงล่ะครับ
ขอบคุณ ASUS Thailand ที่เชิญไปร่วมงานนี้นะครับ
You must be logged in to post a comment.