สวัสดีครับ วันนี้ผมพามาพบกับ HTC One M9+ ซึ่งรรุ่นนี้เป็นรุ่นที่หลายคนรอคอย เนื่องจากเจ้า HTC One M9 ไม่เข้ามาทำตลาดในไทย ทำให้หลายคนผิดหวังกันไป แน่นอนว่าทาง HTC ไม่ได้นิ่งนอนใจ เอารุ่นนี้มาให้แฟนๆ ได้ เฮกันในงาน Thailand Mobile Expo นี้แน่นอน ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 24,900 บาท เรียกว่าเป็น flagship ที่จะเข้ามาต่อกรกับแบรนด์ใหญ่ในต้นปีแบบนี้ โดยมีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ สีเงินขอบทอง และสีทองขอบทอง มาชมพรีวิวกันเลยครับ
ขอบคุณ HTC Thailand ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบนะครับ
สำหรับ HTC One M9 plus แล้วเป็นรุ่นต่อยอดก็ไม่เชิง เพราะว่า HTC One M9 ยังไม่ได้วางจำหน่ายในไทย และไม่มีวางจำหน่ายด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ HTC One M9+ 24 มาอยู่ในมือผมนี่ล่ะ โดยงานนี้ HTC หมายมั่นปั่นมือจะเอามาต่อกรกับบรรดาเรือธงค่ายต่างๆ ที่ทยอยออกมาตอนนี้ ราคาค่าตัวของ HTC One M9+ อยู่ที่ 24,990 บาท หรือประมาณ 25,000 บาท นั่นเอง ถามว่าราคาแรงไหม ผมว่าก็เอาเรื่องอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องของวัสดุการประกอบ งานต่างๆ ของ HTC นี่กินคู่แข่งขาดแน่นอน แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ คงต้องมาลองด้วยมือตัวเองกันอีกทีนะ
ก่อนเข้าสู่พรีวิวผมพามาดูสเปคกันก่อนเลย
เห็นสเปคแล้ว งานนี้ HTC ก็จัดเต็มให้เหมือนกัน แก้ปัญหาเรื่องจำนวนพิกเซลในรุ่นก่อน จัดเรื่องกล้องมาให้เต็ม 20 ล้านพิกเซล แถมเป็น Duo camera อีกด้วย และเลนส์เป็นแชฟไฟร์
โดยการออกแบบของ HTC ยังได้ใจอยู่ คือเป็นโลหะทั้งตัว ด้วยหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว ทำให้ขนาดตัวเครื่องไม่ได้ต่างจากเดิม เรียกว่ายังรักษาคอนเซ้ปท์ตัวเองได้ดีจริงๆ ส่วนด้านหลังนี่เป็นสีเงิน ซึ่งสีที่มีคือ สีทองขอบทอง สีเงินขอบทอง และสีเทาดำ
ด้านบนของตัวเครื่องคงเป็นจุดเดียวที่เป็นพลาสติก แน่นอนว่าเห็นแบบนี้แล้ว เจ้า HTC One M9+ ใช้เป็นรีโมทได้ด้วย
ตัวบอดี้แบบขึ้นรูปชิ้นเดียว ข้อดีก็คือความแข็งแรง แต่ข้อเสียก็คือเราจะรู้สึกร้อนง่ายไปหน่อย แต่อีกนั่นล่ะ เมื่อร้อนง่าย มันก็หายร้อนเร็วนะครับ และถึงแม้ว่าจะขึ้นรูปชิ้นเดียวก็ตาม แต่สามารถเพิ่มเมมโมรี่ได้ ซึ่งรองรับถึง 2TB ฟังไม่ผิดแน่นอน 2TB เลยครับ ตอนนี้ถ้ามีราคาคงแพงกว่า HTC One M9+ แน่นอน แต่อย่างว่ารองรับอนาคต
ขอบสีทอง ก็ดูตัดกับสีเงินดี แต่เชื่อว่าบางคนอยากจะได้ สีเงินและขอบเงิน ซึ่งอดนะครับ
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ HTC One M9+ มาพร้อมกับ CPU MediaTek Helio X10 64bit เรียกว่าเป็น CPU ใหม่สดจากค่าย MediaTek เลยทีเดียว มันแจ่มมาก แถมความเร็วยังได้มาถึง 2.2 GHz เท่าที่ได้ลองใช้งานก็มีความร้อนพอใช้ได้เลยล่ะ
เอามาเปรียบเทียบกับ HTC One รุ่นก่อนหน้าอย่าง M8, M9 และ M9+ โดยหน้าตาแทบจะไม่ต่างกัน ต่างกันตรง HTC One M9+ มี finger print สำหรับสแกนลายนิ้วมือตรงด้านหน้า แถมยังใช้กดเป็นปุ่ม home ได้อีกต่างหาก
ส่วนด้านหลัง ก็เรียกว่าต่างกันเล็กน้อย
สำหรับใครที่เสียดาย HTC One M9 ที่ไม่มีขายในไทย อยากได้คงต้องหิ้วกันล่ะครับ แต่แนะนำว่าไหนๆ จะจัดแล้ว ก็เลือก HTC One M9+ ดีกว่า
ลองดูเปรียบเทียบกันหลายๆ มุมนะครับ
และเอา HTC One M9+ 2 สีมาเทียบกันสักนิด
ด้านหน้าของ HTC One M9+ จะมีลำโพงคู่หน้าเหมือนเดิม แต่ทว่าเนือ่งจากมีปุ่ม finger print เพิ่มขึ้นมาทำให้ลำโพงด้านล่างถูกแยกเป็นสองด้าน แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องพลังเสียงแต่อย่างใด ได้ Boomsound มารองรับให้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา
ทั้งสองสี ก็มีความสวยงามต่างกัน พอดีไม่ได้ตัวเครื่องสีทองมาเปรียบเทียบด้วย ขออภัยนะครับ
ดูรอบๆ ตัวเครื่องกันชัดๆ อีกนิดนึงก็แล้วกันครับ เน้นภายถ่ายตัวเครื่่อง ขอบสีทอง แต่ตัวเครื่องสีเงิน
โหมดกล้อง HTC One M9+ จัดโหมดให้เลือกถ่ายได้ 3 โหมด และสามารถดาวโหลดเพิ่มได้ภายหลังนะ
ภาพบนหน้าจอแจ่มมาก โหมดการถ่ายภาพปกติ จะเห็นว่าเราสามารถ่ถายภาพด้านหลังให้ละลายได้ เพราะ HTC One M9+ มีกล้อง 2 ตัว หากต้องการถ่ายก็ต้อกดเลือกไอคอน Switch to Duo กล้องด้านหน้า Ulrapixel ก็พอใช้งานอยู่นะ ไม่ต้องห่วงเรื่อง selfie HTC จัดเต็มให้อยู่แล้ว 20 ล้านพิกเซล สำหรับใครที่เคยบ่น โดยเฉพาะผมว่า HTC ความละเอียดภาพน้อย มาเจอ HTC One M9+ นี่ เลิกบ่นเลย
เรื่องวีดีโอ ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง รองรับ Full HD อยู่แล้ว แต่ทว่าเจ้า HTC One M9+ รองรับการถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหลังได้คุณภาพระดับ 4K เลยทีเดียว
แน่นอนว่ามาพร้อมกับ Android 5.0 Lollipop และ HC Sense 7.0 ล่าสุด สุดๆ ใช้งานลื่นสุดๆ
พื้นที่เก็บข้อมูล 32 GB ก็ถือว่าเยอะ ไม่พอก็ใส่เมมเพิ่มได้อีกต่างหาก จบข่าว ไม่มีประเด็นต่อเลยเรื่องนี้
พลังเสียงของ HTC One M9+ นี่เจอ HTC BoomSound เข้าไป นั่นไม่พอนะ รองรับ Dolby Audio อีกต่างหาก กระหึ่มมาก
ตัว Motion ก็ใส่มาให้ด้วย เช่น เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอหรือดับหน้าจอ
ตัว Finger print ที่ใช้งานง่ายดี แค่แตะเท่านั้น
ลองทดสอบดูคะแนนสักหน่อย ก็ถือว่าแรงเป็นอับดับต้นๆ ล่ะ
สำหรับ HTC One M9+ เรื่องดีไซน์ต้องให้ เต็มสูบ ตรงด้านหน้าอาจจะดูขาดๆ เกินๆ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาในการใช้งานอะไร อาจจะด้วยดูขัดตาตรง Finger Print ที่แบ่งช่องลำโพงออกเป็นสองด้าน แต่ไม่มีปัญหากับพลังเสียง โดยคิดว่าราคาค่าตัวนี่ก็ทำให้คิดกันนิดนึง อย่างว่าครับ flagship ปีนึงมีแค่หนเดียว จัดเต็มเลย ความเร็วในการใช้งานต้องถือว่าเยี่ยม รู้สึกรวดเร็ว เวลาเปิดเว็บหรือเวลาเลื่อนหน้าขึ้นลงยาวๆ ก็ลื่นปรี๊ด ไม่กระตุกเลยสักกะนิด ปัญหาเท่าที่ได้ทดสอบดูคือและกังวลก็คือเรื่องความร้อน แต่ใช้งานทั่วๆ ไปก็ไม่ได้มีความร้อนขึ้นแต่อย่างใด มีแต่ตอนใช้งานกล้องเป็นเวลานานๆ อันนี้ก็นิดนึง ด้วยบอดี้เป็นโลหะทำให้ความร้อนสะสมในเครื่องระบายออกมาอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าเย็นเร็วด้วย
ถูกใจบทความนี้ 1
You must be logged in to post a comment.