สวัสดีครับ วันนี้ผมพามาพบกับ ชุดสุดคุ้มก็ไม่ผิดนัก กับค่ายโอเปอเรเตอร์ยักษ์เขียว ที่เรียกว่าประสบความสำเร็จที่สุดแล้วก็ว่าได้ ในเรื่องของเครื่อง Android ราคาประหยัด จากก่อนหน้านี้ที่เคยรีวิว Lava Star หรือ AIS Super Combo Pro 5.0 ไป ก็นึกว่าเป็นตัวเป้งแล้ว แต่กลับกลายเป็น AIS Super Combo Pro 5.5 หรือ Lava Grand รุ่นนี้ต่างหาก ซึ่งมีการอัพเกรดสเปค หน้าจอและ Android เป็น 5.0 ไปเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าใช้มาอาทิตย์นึงเต็มๆ ลองมาฟังเสียงคนใช้งานอย่างผมกันหน่อยก็แล้วกันครับ
คือแบบว่าช่วงนี้บรรดาโอเปอเรเตอร์ ออก Android มาแต่ละรุ่นโดนๆ ทั้งนั้น และค่ายยักษ์เขียวก็เช่นกัน ซึ่งเจ้า Super Combo Pro 5.5 ผมขอเรียกว่า Lava Grand ก็แล้วกัน รุ่นนี้ ราคาค่าตัว 5,290 บาท ซึ่งงานนี้ซื้อมาจ่ายเต็ม จากตัวที่แล้วมีช่วงโปรโมชั่นให้ลูกค้ากดได้ส่วนลด จาก Lava Star ที่ได้ส่วนลดพันนึงแต่มาโดนรุ่นนี้ก็จัดเต็ม แต่อย่างว่าเค้าก็คืนตังค์ให้เป็นค่าโทรเกือบเท่าค่าเครื่องนั่นล่ะครับ ถ้าใครใช้แบบเติมเงินก็คุ้มกันไปตามคอนเซ็ปท์ และผมพามาชมรายละเอียดของเจ้า Lava Grand กันครับ ว่ามันจะแกรนด์ขนาดไหน แน่นอนว่าก่อนอื่นต้องมาดูสเปคกันก่อนเลย
สเปคอ้างอิงจากเว็บ http://store.ais.co.th/en/ais-lava-pro-5-5.html นะครับ ซึ่งเป็นสเปคโดยตรงจาก AIS
เอาง่ายๆ เลยว่าจากสเปคนี่ เห็นๆ ความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนคือสิ่งที่เพิ่มขึ้น RAM 2GB ทำงานได้เร็วขึ้นแน่นอน พื้นที่ให้มา 16GB อันนี้ก็เรียกว่าแจ่มปัจจุบัน 8GB ก็เห็นจะน้อยไปเสียแล้ว ไม่เท่านั้นยังให้กล้องมา 13 ล้านพิกเซล ก็เต็มกันไปอีกด้วยราคาที่ 5,290 บาท ส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกับ Lava Star รุ่นก่อนนี้ อ้อ จะมีทีติก็คงเป็นเรื่องแบตที่เครื่องออกใหญ่แต่ขนาดแบตให้มา 2,650 mAh นั่นล่ะ
มาแกะกล่องกันดีกว่านะครับ อันนี้ต้องออกตัวว่าแกะมาแล้ว จากศูนย์ AIS เรียกว่าไม่สดซิง เพราะต้องทดสอบเครื่องก่อนเอากลับบ้าน แต่ถ้ามีปัญหาภายใน 7 วันก็เอาไปเปลี่ยนได้ แต่ก็เหมือนเคย โชคดีที่ไม่เจอปัญหา
ตัวกล่องขนาดใหญ่ตามเครื่อง โดยรอบก็ระบุบรรดาฟีเจอร์และสเปคเอาไว้ชัดเจน แต่ที่เค้าโปรโมตก็คือ Super Selfie ซึ่งสเปคกล้องด้านหน้าก็จัดให้ 5 ล้านพิกเซลนั่นล่ะครับ
แกะกล่องออกมาก็พบอุปกรณ์แบบครบๆ หูฟัง, สาย OTG, Flip cover ครบถ้วน จัดเต็ม
ด้านหน้าเห็นๆ เลยว่าโปรโมตเอาไว้ โทรฟรี 5,200 บาท เล่นเฟสกับไลน์ไม่อั้น 10 เดือน และสเปคต่างๆ เอาไว้ตอกย้ำว่า เราเลือกถูกแล้ว ฮ่ะๆ
ลองแกะพลาสติกแปะหน้าจอออกมาหน่อยก็จะเห็นด้านหน้าอย่างชัดเจน โดยหน้าจอยังคงคอนเซ็ปท์ ความสว่างในแบบที่แจ่มสุดๆ เหมือนเดิม ซึ่งอันนี้เฟิร์มว่าแจ่มจริง จนต้องลดแสงสว่างตอนใช้งานกันเลยทเีดียว สิ่งที่เราไม่เห็นก็คือปุ่มกดต่างๆ ซึ่งเจ้า Lava Grand นี่อยู่ตรงด้านล่าง แต่จะมองเห็นตอนที่เปิดเครื่องเท่านั้น
ด้านหลังครับ ขอบตัวเครื่องบนล่างเป็นสีดำ ตัดกับสีของฝาด้านหลังที่เป็นสีเทา ก็ดูสวยไปอีกแบบ และที่เห็นๆ ความแตกต่างชัดเจนหน่อยก็คือกล้อง ที่ให้มาถึง 13 ล้านพิกเซล แน่นอนว่าฝาหลังถอดได้นะ
ฝาด้านหลังแกะได้ เราจะเห็นว่าใส่ซิมได้ 2 ใบ แต่ที่สังเกตอีกคือ ซิมช่องแรกที่เป็นซิมหลักนี่ใช้ขนาดซิมแบบใหญ่ หรือขนาดปกติ ซึ่งปกติแล้วเทรนด์ปัจจุบัน จะมาเป็น microSIM กันเกือบหมดแล้ว และเครื่องก็สดมาก เพิ่งผลิตเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง
อ้อ เรื่องซิม มักจะถามว่าใส่ซิมค่ายอื่นได้ไหม ตอบเลยว่าได้ ไม่ล็อคซิม แต่ทว่าเครื่องรองรับ 3G ที่ 900/2100MHz โดยผมเคยทดสอบแล้ว ทั้งค่าย dtac และ truemove H ก็เอามาใส่ได้ แต่ทว่าบางพื้นที่ที่ไม่มีคลื่น 2100MHz ให้บริการ ก็จะกลายเป็นบอดไป เพราะไปเกาะคลื่น 850MHz ไม่ได้ คือใช้ได้ แต่อาจจะไม่ทุกที่ที่เราไปนั่นล่ะครับ ในเมืองส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา แต่ถ้าออกไปรอบนอกนี่ต้องเช็คดีๆ ดังนั้นซื้อไปก็ใช้ซิม AIS จะปลอดภัยสุด ส่วนเมมก็สามารถใส่เพิ่มเติมได้ รวมถึงสามารถตั้งค่าเป็นพื้นที่หลักได้ด้วยนะ
แบตขนาด 2,650 mAh อาจจะเป็นประเด็นเดียวที่ Lava Grand ตัวนี้พลาดไป เพราะหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว นี่กินไฟใช่เล่น
ภาพตัวเครื่องแต่ละด้านครับ จริงๆ เรื่องความบางนี่คงไม่ใช่ที่สุด อยู่แล้ว แต่โดยรวมๆ ก็จับถนัดมือดี ดีไซน์ด้านข้างรอบตัวเป็นโลหะสีเงิน มันวาว ดูสวยงาม การวางตำแหน่งปุ่มกด และพอร์ทต่างๆ ยังคงเหมือนกับ Lava Star เอาไว้ดูภาพถ่ายเปรียบเทียบกันด้านล่างเลย
ว่าแล้วก็มาลองเปิดเครื่องดูหน่อย ตัวหน้าจอ Bright Vision ที่เคยโปรโมตเอาไว้ในรุ่นก่อนหน้านี้ Lava Grand ก็เช่นกันนะ สีของหน้าจอสด สมเป็น IPS จริงๆ
จริงๆ เจ้า Lava Grand นี่นอกจากจะให้พื้นที่มา 16GB แล้ว ยังถอดแอพที่เราไม่ค่อยใช้ ที่เคย pre-install มาตั้งแต่รุ่นก่อนๆ พวก e-service, KKBOX อะไรพวกนี้ล่ะครับ ในรุ่นนี้หายหมด หดลงเหลือ AIS App เพื่อให้เราดาวโหลดมาติดตั้งเอง ซึ่งก็ดีนะ ถ้าในรุ่นก่อนๆ ทำแบบนี้ได้ก็จะดีมากเพราะพื้นที่มีน้อยเหลือเกิน ส่วน Lava Grand รุ่นนี้ผมมองว่าถึงมีก็ไม่ได้ติดอะไร เพราะพื้นที่พอใช้งานแน่นอน
และแน่นอนครับว่ามาพร้อมกับ Star OS ที่เป็น UI ครอบบน Android 5.0 และเวอร์ชั่นของ StarOS คืออัพเดทสุดๆ ที่ 1.1 แล้ว
พื้นที่เหลือใช้งานประมาณ 11 GB แต่อย่างที่บอกว่า กำหนด micro SD ที่ใส่ลงไปเป็นพื้นที่หลักได้ หมดกังวล
ฟังก์ชั่นหรือฟีเจอร์ล้ำๆ ที่เคยมีบน Lava Star จัดมาให้หมด
ใส่คำสั่งโดยการเขียนบนหน้าจอขณะที่ปิดเครื่อง เพื่อเข้าแอพ หรือใช้งานกล้องได้ หรือว่าจะใช้ gesture panel ที่ลากลงมาใส่คำสั่งได้เเช่นกัน แน่นอนว่าสามารถตั้งการเขียนเป็นภาษาไทยได้ด้วย
ขนาดตัวอักษรที่ปรับได้ แต่ไม่สามารถเลือกรูปแบบตัวอักษรได้นะ อันนั้นถ้าอยากได้ก็คงต้อง root
แอพช่วยเหลืออื่นๆ เช่น Phone booster ก็มีให้ใช้งานตามปกติ เหมืนอรุ่นก่อนๆ
เจ้า AIS App เมื่่อเข้าไปใช้งาน จะเห็นไอคอน ตัวช่วยเหลือลอยอยู่บนหน้า Home screen เรียกว่าเป็นทางลัดเพื่อเข้าใช้งานแอพ การตั้งค่า หรือการใช้งานต่างๆ ที่เราสามารถตั้งได้ตามสะดวกเลย หากไม่อยากใช้ก็ปิดได้ ไม่มีปัญหาใดๆ
ส่วนของแอพก็ไม่มีอะไรมากครับ ดีที่แอพที่ไม่ได้ใช้ไม่ได้ติดตั้งมาให้ เพราะก่อนหน้าอย่างที่รู้กันว่าเอาออกไม่ได้ ซึ่งเปลืองพื้นที่เปล่าๆ
เอาคะแนนทดสอบมาฝากกันนิดนึง พร้อมกับแบตที่ใช้ไปหนึ่งวันเต็มๆ แต่อาจจะไม่ค่อยได้เปิดใช้งานพวกกล้องมากนัก ก็อยู่รอดตลอดวันพอดี
ว่าแล้วก็มาชมภาพถ่ายกันดีกว่าครับ
เรื่องกล้องนี่ ต้องบอกว่าชัดเตอร์ไม่ได้เร็วนัก ต้องรอจังหวะนิดนึง อันนี้อาจจะขัดใจนิดๆ เวลารีบเก็บภาพเร่งด่วน ก็อาจจะไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ แต่ถ้าเซลฟี่ล่ะก็ มันใช่เลย เพราะกล้อง 13 ล้านพิกเซลด้านหลัง และกล้อง 5 ล้านพิกเซลด้านหน้า ก็พอจะเรียกว่าเป็น Super Selfie ได้ เพราะจริงๆ การเซลฟี่ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องด้านหน้า อย่างกล้องด้านหลังบน Lava Grand ก็มีวิธีให้ใช้งานได้สะดวกเช่นกัน ซึ่งอันนี้เหมือนกับบน Lava Star เลยครับ
แล้วพอถ่ายเซลฟี่เสร็จ ก็พร้อมปรับให้สวยได้ทันทีภายในระยะเวลาแป๊ปเดียวเอง
ปกติเมื่อเข้าใช้งานกล้อง ดีฟอล์ทคือเปิดโหมด FaceBeauty ไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
โหมดการถ่ายภาพ ที่ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้สะดวกสุดๆ ยกนิ้วขึ้นมาชูสองนิ้วก็ได้ หรือจะใช้การยิ้มก็ยังไหว หรือที่บอกว่าสะดวกเวลาใช้กล้องด้านหลังถ่ายเซลฟี่ ก็นี่เลย Flipphoto มีเสียงเตือนเมื่อเราเข้าระยะ และยังสามารถบอกอายุได้อีก
ส่่วนโหมดอื่นๆ เช่น ถ่ายภาพสด ถ่ายภาพแบบ HDR หรือ Panorama ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
การตั้งค่าต่างๆ ปรับได้ไม่น้อยเหมือนกัน ISO ปรับได้สูงสุดที่ 1600 ส่วนถ่ายวีดีโอก็ได้ระดับ Full HD อยู่แล้วตามมาตรฐาน
แต่สำหรับการถ่ายเซลฟี่ พอถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากสวย ก็จัดไปใช้เวลาไม่นาน
คือเราใช้ auto makeup ได้ทันที คือสวยทันทีนั่นล่ะ แต่ถ้าไม่ชอบก็ปรับแต่งส่วนต่างๆ เองได้ตามที่เราอยากจะสวยเลย
สวยพอไหมล่ะครับ เหลาคางเรียบร้อยแล้วด้วย ฮ่าๆ
เอาภาพแบบเต็มๆ มาฝากกัน โดยคลิ้กที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่นะครับ
ถ่ายระยะใกล้ๆ ก็ชัดดี
ถ่ายตอนแสงน้อยๆ แต่ภาพออกมาสว่าง ตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้วนะครับ
ภาพหน้าชัด หลังเบลอ หรือจะเป็นหน้าเบลอ หลังชัด ก็ยังไหว
กล้องด้านหน้า ทั้งถ่ายธรรมดา และหลังแต่งภาพแล้ว
และส่งท้ายกับ เอามาเปรียบเทียบกับรุ่นที่แล้วอย่าง Lava Star นิดนึง
หน้าตา เห็นๆ ตรงดีไซน์ ขอบบนล่างตรงด้านหน้า Lava Grand เป็นสีดำ แต่ Lava Star เป็นสีเงิน
ด้านหลังที่ Lava Grand อาจจะไม่ได้หรูกว่า Lava Star
ด้านต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกัน ซึ่งดูแล้วการจัดวางอาจจะไม่เหมือนกันนัก เพราะ Lava Grand ถอดฝาหลังได้ ทำให้ไม่ต้องมีถาดใส่ซิมด้านข้าง
ต่างกันตรงขนาดหน้าจอ และอีกอย่างนึงคือเวอร์ชั่นของ Star OS ใหม่กว่าเห็นๆ
ส่วนตัว Flip cover นี่คล้ายๆ กัน วัสดุใกล้เคียงกัน และแน่นอน เป็น Smart flip cover เมื่อปิดฝาหน้าอยู่ มีคนโทรเข้ามาก็สามารถรับสาย หรือวางสายได้ทันที ผ่านตรงช่องด้านหน้านั่นล่ะ สะดวกดี
ลองเอามาเปรียบเทียบกับรุ่นสุดฮ๊อตนะช่วงนี้สักหน่อย ASUS Zenfone 2 และ Lenovo A7000
สามรุ่นนี้ จะมีก็ AIS Lava Grand กับ Lenovo A7000 ที่สูสีกัน ราคาเท่ากัน แต่สเปคก็มีความต่างอยู่ แต่ที่เห็นๆ คือ หน้าจะสีขาวนี่ AIS Lava Grand กินขาด โดยราคา 5290 บาท นี่ AIS Lava Grand ได้เปรียบตรง Storage ได้มา 16 GB มากกว่าเห็นๆ แต่ว่า Lenovo A7000 นี่ได้รองรับ 4G และ CPU Octa-core เลยล่ะ
สรุปทิ้งท้ายกันหน่อย
สำหรับ AIS Lava Grand ก็เรียกว่าเป็นรุ่นต่อยอด ที่มาตอบโจทย์การใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ ดูเต็มตา เล่นเว็บเต็มใจ มัลติมีเดียต่างๆ ก็จัดเต็มได้เลย ซึ่งฟีเจอร์ต่างๆ ก็มาให้ครบเหมือนกับ Lava Star สเปคเช่น RAM ที่ให้มา 2 GB ก็ถือว่าแจ่มเลยล่ะด้วยราคาเท่านี้ บวกกับ Storage 16 GB อันนี้ค่อยพอใช้หน่อย และกล้อง 13 พิกเซล หลักๆ คงเป็น 3 อย่งานี้ล่ะครับ ที่เป็นจุดเด่นจริง และ Android 5.0 ก็มีส่วนทำให้การใข้งานโดยรวมรู้สึกดีอีกด้วย เรียกว่าเป็นค่ายแรกที่ดันเอา Android 5.0 ลงตลาด ส่วนจุดด้อยอย่างเดียวก็คงเป็นเรื่องแบต ตอนช่วงแรกที่ทดสอบ ไม่ค่อยได้กล้องถ่ายภาพมากนัก ก็พอดี วันนึง แต่พอมาใช้เรื่องกล้องเยอะหน่อย กับดูหนังออนไลน์ แบตก็ลดไปน่าใจหายเหมือนกัน คือบ่ายแก่ๆ ก็จะหมดแล้ว อีกอันคือไม่ได้รองับ 4G แน่ๆ บรรดาของแถมต่างๆ ผมว่าเค้าก็จัดเต็มมาให้ Flip cover ที่ฉลาดล้ำ แต่เวลาใช้งาน บางครั้งหน้าจอที่เรารับสายยังไม่ดับ บางทีหูเราก็ไปโดนปุ่มวางสายเอง อันนี้ก็แอบใช้งานไม่สะดวกเหมือนกัน และคอนเซ็ปท์เดิมๆ ของโอเปอเรเตอร์ก็คือ ได้คืนค่าโทรเกือบเท่าค่าเครื่องนั่นเอง ก็กลายเป็นชุดสุดคุ้มแบบ Super Combo Pro อีกรุ่นนึง ก็หวังว่าเป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนที่อยากได้ Android 5.0 ในราคาประมาณห้าพันบาน หวังว่าคงเป็นข้อมูลที่พอมีประโยชน์บ้างนะครับ ไว้พบกับใหม่
ถูกใจบทความนี้ 1
You must be logged in to post a comment.