รีวิว DTAC Eagle 4.5

ก่อนหน้านี้ได้รีวิว DTAC Eagle 5.0 ที่เป็นตัวท็อปของ Trinet Phone ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งวันนี้จะถือว่าเป็นภาคต่อก็คงได้ครับ เพราะจะมารีวิว DTAC Eagle 4.5 Trinet Phone ตัวกลางกันต่อครับ ซึ่งรุ่นนี้ถึงจะตัวกลางแต่ก็ไม่ธรรมดา ว่าแล้วก็ไปอ่านกันครับ

Join PDAMobiz on Telegram

ขอขอบคุณ DTAC ที่ให้ยืมเครื่องมาทดสอบ

DTAC Eagle 4.5 Specifications (ZTE V831W):
– หน้าจอ TFT ขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียด 854x480p
– Chipset Spreadtrum SC8830 Quad Core 1.2GHz
– GPU Mali-400
– Ram 1GB
– หน่วยความจำภายในเครื่อง 8GB
– รองรับ Micro SD Card สูงสุด 32GB
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Micro Sim ทั้งคู่)
– แบตเตอรี่ขนาด 1,850mAh
– กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED Auto Focus
– กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
– Android 4.4.2 Kitkat
– ราคา 2,690 บาท
– ลูกค้าแฮปปี้ที่กดรับสิทธิ์ภายใน 31 พ.ค. 58 และเติมเงิน 100.-/เดือน รับฟรี! โบนัสค่าโทร 2,700.- เน็ต 1 GB และเล่น LINE + Facebook ไม่อั้น กด *399*118#โทรออก
– รายละเอียดอื่นๆ >>> ที่นี่

1.แกะกล่อง

DTAC Eagle 4.5 ชายกลางของ Trinet Phone ที่ผมได้มารีวิวเป็นตัวเครื่องสีดำ ฉะนั้นสีกล่องก็จะเป็นสีเดียวกับสีตัวเครื่องเลยครับ โดยด้านหน้ากล่องจะบอกชื่อรุ่นพร้อมหน้าตาตัวเครื่อง และทางขวาของกล่องจะบอกสเปคของตัวเครื่อง ทั้งนี้รุ่นนี้มีซิม Happy ติดมาพร้อมซีลพลาสติกชั้นแรกเลยด้วยนะ อยู่ตรงด้านหลังกล่องนี่เอง

เปิดกล่องมาเจอ Eagle 4.5 นอนรออยู่แล้ว ตอนนี้ไม่สนใจข้ามไปก่อน หยิบขึ้นมาเจอคู่มือเล่มเกือบพอดีกล่องเลย

ไปดูอุปกรณ์ในกล่องกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1.Adapter
2.สาย Micro USB
3.Small Talk
4.ฟิล์มกันรอย
5.คู่มือ
6.แบตเตอรี่

ยืนยันให้เห็นจะๆ ว่าแบตของ Eagle 4.5 มีขนาด 1,850mAh แน่นอนว่าแบรนด์ที่ใช้ก็ ZTE เช่นเคย

มีคู่มือเล็กๆ ว่าปุ่มไหนทำอะไรเช่นเดียวกับ Eagle 5.0 อยู่ติดกับตัวเครื่อง Eagle 4.5 เช่นกัน

เอาล่ะ ต่อไปมาดูหน้าตาตัวเครื่องดีกว่า ด้วยสัดส่วนหน้าจอ 854x480p ทำให้ตัวเครื่องจะดูยาวกว่าปกติที่ใช้หน้าจอ 800x480p หน่อย

ฝาหลัง Eagle 4.5 เป็นแบบมันเงาครับ เป็นรอยนิ้วมือง่ายมากครับ

มาดูตัวเครื่องใกล้ๆ กันต่อ ด้านหน้าตัวเครื่องเหนือหน้าจอมีลำโพงสำหรับสนทนาอยู่ตรงกลาง ไฟแจ้งเตือน LED ทางซ้ายและกล้องหน้าทางขวา ส่วนปุ่มใต้หน้าจอสามปุ่มเป็นปุ่มแบบสัมผัส ซึงสามารถตั้งค่าได้ว่าจะใช้เป็น Menu Home Back หรือ Back Home Menu

ด้านหลังตัวเครื่องด้านบน มีกล้องหลังอยู่ตรงกลางพร้อมไฟแฟลช LED ถัดลงมาเป็นโลโก้ DTAC และด้านล่างฝาหลังมีลำโพง

ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.

ด้านขวาของตัวเครื่องมีช่องเสียบสายชาร์จ/Micro USB

ด้านซ้ายตัวเครื่องมีปุ่ม Power อยู่ใต้ปุ่มเพิ่มลดเสียง

ด้านล่างตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนสำหรับสนทนา 1 ตัว

เปิดฝาหลังดูกันหน่อย ช่องใส่ Sim 1 และ 2 เป็นแบบ Micro Sim ทั้งคู่ ส่วนช่องใส่การ์ดอยู่ด้านขวา

Eagle 4.5 มาพร้อม Android 4.4.2 Kitkat นะ

ให้ Ram 1GB ถือว่าเหลือเฟือ

มีหน่วยความจำภายในเครื่อง 8GB จริงๆ

2.User Interface & Benchmark

DTAC Eagle 4.5 มาพร้อม User Interface แบบ Pure Android มากครับยกเว้นเพียงแต่ส่วนของหน้าตาไอคอนเท่านั้น โดยใช้ Launcher ที่มีหน้า Home และหน้า App Drawer เหมือนปกติ สามารถสร้าง Folder ได้

ในส่วนของ status bar ก็เช่นกันมาแบบเดิมๆ เลยคือแบ่งออกเป็น 2 หน้า หน้านึงไว้สำหรับการแจ้งเตือนอีกหน้านึงเป็น Toggle ทางลัดเปิดปิดสัญญาณต่างๆ

Family Mode

Eagle 4.5 มีอีก Launcher นึงที่ใช้ชื่อว่า Family Mode เหมือนบน Eagle 5.0 ซึ่งโหมดนี้จะทำให้สมาร์ทโฟนดูเหมือนฟีเจอร์โฟนทันทีครับ เป็นแถบๆ ใหญ่ๆ กดใช้งานได้ง่ายๆ จะเพิ่มแอพเข้าไปในหน้าแรกก็สามารถทำได้อีก จำนวนหนึ่งที่เหลือก็ไปกดเลือกที่ More Apps เอาครับ ซึ่งโหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่พึ่งหัดใช้งานสมาร์ทโฟนและยังใช้งานไม่เป็น มาใช้แบบนี้จะคุ้นเคยมากกว่าครับ

Sim Management

การจัดการใช้งานซิมก็เหมือน Android รุ่น 2 ซิมทั่วไปครับ สามารถตั้งค่าได้ว่าจะใช้ Sim ไหน โทร, ส่งข้อความ เป็นประจำเลยหรือจะตั้งว่าถามทุกครั้งเมื่อจะทำการโทรหรือส่งข้อความก็ได้ครับ แน่นอนว่าเรื่องการใช้งาน Data ก็เช่นกันสามารถใช้งานได้ทั้งสองซิมเลย

Hard Key

DTAC สมาร์ทโฟนทุกรุ่นไม่เว้นแม้แต่ Eagle 4.5 จะสามารถตั้งค่าปุ่มสัมผัสด้านล่างหน้าจอได้ครับว่าจะใช้ในรูปแบบไหนระหว่าง
1. Menu Home Back
2. Back Home Menu

Benchmark

ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่อง Eagle 4.5 หน่อยได้ผลดังนี้ครับ
– Antutu 16,583
– Quadrant 3,209
– Geekbench: Single Core 327, Multi Core 995
– Multitouch สูงสุด 2 จุด

3.กล้องถ่ายรูป

Eagle 4.5 มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED ตัวนี้ไม่ได้ใช้งาน Chipset Mediatek เหมือนกับ Eagle 5.0 ทำให้ User Interface ของแอพกล้องถ่ายรูปนั้นแตกต่างออกไป ซึ่งก็ไม่ค่อยมีโหมดอะไรให้เลือกมากในทางซ้ายนอกจาก HDR ส่วนทางขวาเอาไว้เลื่อนระหว่างถ่ายภาพปกติ, ถ่ายภาพพาโนรามา หรือถ่ายวิดีโอ

ส่วนในเรื่องของการถ่ายวิดีโอนั้น Eagle 4.5 รองรับที่ความละเอียดสูงสุด Full HD (1080p)

ต่อไปเรามาดูกันว่า Eagle 4.5 นั้นจะสามารถถ่ายรูปออกมาได้ดีแค่ไหนครับ ทุกรูปไม่มีการปรับแต่งใดๆ เพียงแค่ย่อขนาดลงมาเท่านั้น และใช้โหมด Auto ในการถ่ายรูปด้วยครับ

เปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่างโหมดปกติกับโหมด HDR ครับ จะเห็นว่าโหมด HDR ของ Eagle 4.5 ช่วยเก็บรายละเอียดและสีสันของภาพให้ดูดีกว่าเดิมเยอะเลย ต่างกะตัวรุ่นใหญ่ยิ่งนัก

สำหรับภาพถ่ายพาโนรามา สามารถจิ้มเข้าไปดูรายละเอียดได้นะครับ

กล้องหน้า

Eagle 4.5 มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดหน้าสด ไม่มีโหมดหน้าสวย ฮ่าๆๆ ใครไม่ชอบถ่ายหน้าสดก็หาโหลดแอพอื่นเอานะครับ

ฉะนั้นรุ่นนี้คงไม่มีตัวอย่างเปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่างโหมดหน้าสดกะหน้าสวยนะ เพราะมีแต่หน้าสด ที่แน่ๆ กล้องหน้าสีเพี้ยนระดับสิบเลย ถ่ายแดดส่องเข้าหาตัว ออกมาฟ้าสุดๆ

4.การเล่นเกมส์

ถึงแม้สเปคของ Eagle 4.5 จะดูแตกต่างและไม่คุ้นเคยเมื่อเทียบกับ Eagle 5.0 แล้ว แต่พอนำมาทดสอบเล่นเกมส์ Modern Combat 5 และ Cookie Run นั้นกลับพบผลลัพท์ที่น่าทึ่งพอตัว คือเล่นเกมส์ Modern Combat ได้ลื่นดีครับ ไม่เจออาการกระตุกซึ่งจริงๆ ตอนก่อนทดสอบนี่คิดว่าคงไม่รอดแน่ๆ ส่วนการ Cookie Run นั้นพบอาการกระตุกเล็กๆ ประปรายตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียจังหวะแต่อย่างใด ซึ่งสำหรับผมแล้ว DTAC Eagle 4.5 ทำได้ดีทีเดียวสำหรับเรื่องการเล่นเกมส์ จะติดก็แค่เรื่องหน่วยความจำตัวเครื่องน้อย อาจเอาไปลงเกมส์หนักๆ มากๆไม่ไหวนะ

สรุป

ข้อดี
– ราคาประหยัด โปรโมชั่นค่อนข้างคุ้มสำหรับระบบเติมเงิน
– กล้องหลังทำงานได้ดีเกินตัว แสงน้อยก็พอใช้งานได้
– ได้กล้องหน้าความละเอียดสูงดี
– ใช้งาน 2 ซิมได้ พกเครื่องเดียวอยู่
– ตัวเครื่องทำงานได้รวดเร็วดี

ข้อเสีย
– หน้าจอสะท้อนแสงมาก
– รับสัญญาณได้ไม่ค่อยดีในบางขณะ หวังว่าจะมีเฟิร์มแวร์มาแก้ไขในอนาคต
– ตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก