สวัสดีครับ วันนี้ผมมาจัดรีวิวกันสักหน่อย กับเจ้า dtac phone 4G Eagle X จริงๆ หากใครติดตาม youtube ของ pdamobiz ล่ะก็ มีภาควีดีโอให้ชมกันแล้ว เอาไว้มาแปะไว้ในเว็บกันอีกที แต่งานนี้มาจับปรับแต่งภาพ บอกเล่าเป็นภาษาเขียนกันอีกเช่นเคย กับยุคโอเปอเรเตอร์ครองเมือง เครื่องรุ่นไหนออกมา หรือจะมาสู้ค่ายยักษ์ ใบพัดสีฟ้าได้ dtac phone 4G Eagle X เป็นรุ่นที่รองรับ 4G และดีไซน์สวยงามไม่แพ้ใครเลยทีเดียว
เครื่องรุ่นนี้ออกมาได้สักเดือนสองเดือนแล้วล่ะครับ อันนี้ก็สอยกันมาเองเลย แบบว่ายังไงก็คุ้ม เลยจัดมาซะ โดยอย่างที่เรารู้กันล่ะว่า โอเปอเรเตอร์ ณ ปัจจุบันมีเครื่องออกมาให้เลือกเพียบ ที่สำคัญ คอนเซ็ปท์เค้าจะมาพร้อมกับความคุ้มค่าเรื่องแพ็คเกจ อารมณ์เดียวกันเลยคือ คือเงินกลับมาเป็นค่าโทร พอๆ กับตัวเครื่อง หรือไม่ก็เป็นส่วนลดรายเดือนอาจจะได้มากกว่าค่าเครื่องเสียด้วยซ้ำ สำหรับเจ้า dtac phone 4G Eagle X รุ่นนี้ เน้นที่รายเดือน มีส่วนลดสูงสุดเดือนละ 300 เป็นเวลา 12 เดือน เมื่อเลือกแพ็คเกจ Love & Roll 799 บาท นั่นคือเหมือนเราได้คืนมา 3,600 บาท นั่นเอง หากหักไปกับเครื่องที่ราคา 5,990 บาท ก็จ่ายเพียงแค่ 2,390 บาทเท่านั้น
ว่าแล้วก็มาดูสเปคเครื่องกันเลยครับ โดยอ้างอิงจากเว็บของ dtac เอง
เสร็จแล้วก็มาเป็นพิธี แกะกล่องกันเลย
ตัวกล่องออกแบบมาพอดีๆ ดีไซน์สวยพอตัวเลยทีเดียว
Unbox กันสดๆ โดยที่ตัวกล่องรูปแบบทำออกมาสวยงาม แต่เราจะสังเกตุเห็นอีกแล้วครับ พาร์ทเนอร์หลักของ dtac ก็คือ ZTE รุ่นนี้เรียกว่าเป็นตัว top ของ dtac phone แล้วก็ว่าได้
ด้านในกล่องก็มีคู่มือและอุปกรณ์ต่างๆ ครบถ้วน แกะเอามาเรียงกันก็มีประมาณนี้เลย ซึ่งมาตรฐานสากดมากๆ รู้สึกว่าขาดๆ อะไรไปไหม? ฟิล์มกันรอยและ เคสไง หูฟังเป็นแบบธรรมดา สีขาวอารมณ์คล้ายๆ iPhone นะผมว่า
ตัวอะแดปเตอร์นี่ ZTE ล้วนๆ ไม่มี dtac เลย สาย USB ที่แถมมาให้ก็คุณภาพดีแน่นอน
มี eject sim ให้ด้วย
ด้านหน้ามีสติ้กเกอร์แปะบอกรายละเอียดเอาไว้ครบถ้วน ด้วยขนาดหน้าจอที่ 5 นิ้ว เป็นขนาดหน้าจอที่พอดีมืออยู่แล้ว หน้าจอกระจกแบบ 2.5D การออกแบบดีไซน์คล้าย iPhone มาก แต่ทว่าได้ใจเรื่องความสวยงามไปเต็มๆ อย่างด้านบน กล้องด้านหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล ก็ไม่ธรรมดา รวมถึงลำโพง เสียงดังฟังชัดอย่าบอกใคร
ตรงปุ่มด้านล่าง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น ที่สามารถกำหนดเองว่า ปุ่มใดเป็น back ปุ่มใดเป็น recent แต่ปุ่ม home อยู่ตรงกลางกำหนดเองไม่ได้นะ ด้านหลังให้กล้องมา 8 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งมีแผ่นติดรายละเอียดต่างๆ ไว้ครบ และแน่นอนว่าฝาหลังเปิดไม่ได้ ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้นั่นเองครับdtac phone ที่มี ZTE เป็นผู้ผลิตให้
ลำโพงอยู่ตรงด้านหลังของตัวเครื่องนี่เอง
ด้านบนมีเพียงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น
ด้านล่างมีไมค์ และพอร์ท micro USB สำหรับชาร์จและซิงค์
ด้านข้างที่มีปุ่มปิดเปิดเครื่อง และเร่งลดเสียงตามคอนเซ็ปท์
ด้านข้างเป็นถาดใส่ ซิม ที่รองรับ 2 ซิม แน่นอนว่ารองรับ 4G 2100 MHz ส่วน 3G รองรับ 850/2100MHz และ micro SD
ดูภาพรวมเรื่องดีไซน์ ต้องบอกว่าสวยงามไม่แพ้ค่ายใดๆ เลยทีเดียว
ค่ายเดียวกัน กับรุ่นรองลงมา Ealge 5.0จะว่าไปก็สวยคนละแบบ
ด้านข้าง ก็ใกล้คียงกัน ต่างตรง Eagle X เปิดฝาหลังเปลี่ยนแบตไม่ได้ ทำให้เรื่องของตำแหน่งปุ่มกด ต่างกัน ด้าบนและด้านล่างครับผม ดูกันหลายๆ มุมอีกที
ตัวเลือกสำหรับ 2 รุ่นนี้ต่างกันตรงราคา หากกสนใจยังแนะนำรุ่น Eagle X นี่ล่ะครับ อาจจะแพงกว่าหน่อยนึง รองรับ 4G และสวยกว่ามาก
มาเทียบกับอีกค่ายบ้าง ค่าย AIS ความสวยงามนี่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว แต่ด้านนกระจกด้านหน้า dtac phone 4G Eagle X เป็นแบบ 2.5D ก็จะได้มุมมองที่ดีกว่า
สองรุ่นนนีี้ เปิดฝาหลังไม่ได้เหมือนกัน ความบางต้องยกให้ dtac phone 4G Eagle X
เปรียบเทียบด้านล่างและด้านบน
มาชนกับอีกรุ่นนึงที่มีสเปคใกล้เคียงกัน แต่ AIS หน้าจอใหญ่กว่า ความสวย dtac phone 4G Eagle X ก็กินขาด
มาดู Software กันสักหน่อย
หน้า Home สามารถปรับแต่งวอลเปเปอร์ได้เพียบ และเอฟเฟ็คการเลื่อนหน้า Home
ส่วนแอพ จัดเป็น folder เองได้เลย เพราะว่าไม่มี app drawer ซึ่งเป็นเทรนด์ยุคนี้อยู่แล้วนะครับ
ส่วนของ RAM ตรงนี้อาจจะเป็น จุดนึงที่อึดอัดไปนิด 1 GB อาจจะไม่พอใช้ เพราะว่าจริงๆ เหลือประมาณ 300-400 MB แค่นั้น ส่วนพื้นที่ภายในมีจำนวนไม่มาก แต่เมื่อใส่ microSD Card ลงไป default จะถูกตั้งให้อัตโนมัติ
สามารถปรับขนาดตัวอักษรได้ แต่ว่าเปลี่ยนฟอนท์ไม่ได้นะครับ หลายคนอยากจะเปลี่ยนฟอนต์ ต้อง root สถานเดียวนะครับ ส่วนปุ่มด้านล่างสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามถนัดเลยระหว่าง Back กับ Recent รวมถึง Blade S
คะแนนที่ทดสอบได้ ก็เท่าที่เห็นนี่เลย
โหมดกล้อง มีโหมดโปรมาให้เล่น แต่จริงๆ แล้วก็เป็นการนำโหมดปรับแต่างต่างๆ ออกมาให้ปรับง่ายขึ้น ตามยุคสมัย และมีเส้นวัดกึ่งกลางด้วย อีกโหมดคือ สามารถปรับโฟกัส กับเลือกจุดวัดแสงแยกกันได้
โหมดของกล้องด้านหน้า คงไม่พ้น บิวตี้โหมด และสามารถจับภาพยิ้มได้
ขนาดของภาพและวีดีโอ
ส่วนเรื่องของการปรับแต่งภาพนี่ เราจะเห็นว่าโหมดกล้องอาจจะไม่ได้มีมากมายนัก แต่เรื่องการปรับแต่งภาพนี่เยอะ และแจ่มได้อยู่นะครับ สามารถทำภาพเบลอเป็นจุดวงกลม หรือเป็นสี่เหลื่ยมผืนผ้าได้ เรียกว่าได้ภาพมาแล้ว มาทำเบลอฉากหลังอีกที นอกจากนั้นยังมีเรื่องของ การปรับแต่งแบบบิวตี้ได้อีก คือถ่ายบิ้วตี้โหมด หน้าเนียนๆ ไม่พอ ต้องมาปรับให้ใสปิ๊งขึ้นไปอีก
คือการปรับภาพแบบบิวตี้เนี่ย เท่าที่ลองแตกต่างจากตัวอื่นก็คือเรื่องจมูก หลายคนอยากให้จมูกโด่ง ส่วนใหญ่ จะไม่มีให้ปรับ ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามแต่ มาเจอ dtac phone 4G Eagle X นี่จัดให้เลย
และตัวอย่างภาพถ่ายทิ้งท้ายกันล่ะครับ (คลิ้กดูที่ภาพ เพื่อดูขนาดเต็ม)
ภาพจากโหมด บิ้วตี้กล้องหน้า และ ภาพที่ปรับแต่งแล้ว
ภาพท้องฟ้าภาพกลางแจ้งสถานที่ต่างๆ
ภาพดอกไม้ และลองถ่ายในระยะใกล้ๆ
ลองหน้าชัด-หลังเบลอ หน้าเบลอ-หลังชัด
ภาพอาหาร ในที่มีแสงจ้า แสงจากไฟนีออน และในที่ร่ม
สรุปกันสักหน่อย
สำหรับ dtac phone 4G Eagle X ในราคาค่าตัวที่ 5,990 บาท ถ้าเทียบสเปคกับค่ายโอเปอเรเตอร์ด้วยกันแล้ว ยังถือว่าแพงไปนิด แต่ทว่าที่ได้ก็คือดีไซน์และการใช้งาน ตัว UI เองลื่นดี ใช้ไปสักพักดูดีกว่าค่ายอื่นๆ ที่ดูอืดขึ้นถนัดตา สเปคอาจจะอึดอัดไปนิด เพราะให้พื้นที่มาแค่ 8GB เหลือใช้งานจริงก็ไม่ถึงอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าใส่ memory card เพิ่มเติมได้ก็ตามที แต่ทว่าแอพหรือเกมส์บางส่วนก็ยังต้องอาศัยพื้นที่หลักในการจัดเก็บอยู่ดี กับ RAM ที่ 1 GB ตอนนี้อาจจะลำบากไปนิด เพราะมีตัวเลือก ที่ราคาพอกันแต่ได้ RAM เยอะกว่า ซึ่งอาจจะรองรับเรื่องของ 4G ทำให้มีราคาแรงกว่าทุกรุ่นบน dtac phone เป็นรุ่นแรก และรุ่นเดียวในตอนนี้ที่ dtac phone รองรับ 4G ซึ่งงานนี้ ZTE ยังรับหน้าที่ผลิตให้กับ dtac อยู่ ซึ่งคุณภาพเชื่อถือได้แน่นอน เรื่องของกล้อง ชัทเตอร์ไวดี แต่ทว่าติดเรื่องของ บิวตี้โหมดนิดนึงคือ เวลาถ่ายภาพหน้าของตัวเองในโหมดนี้แล้วกดปรังแต่งภาพ จะเข้าเมนูปรับแต่งปกติ แต่หากต้องการปรับแต่งแบบบิวตี้ ต้องออกจากโหมดกล้อง แล้วเลือก gallery ขึ้นมาถึงจะมี การปรับแต่งแบบบิวตี้ขึ้นมา จริงๆ ควรจะอยู่ในการปรับแต่งภาพ ที่เรียกจากโหมดกล้องได้เลย และอีกอย่างนึงคือ เวลาเข้าโหมดบิวตี้ แล้วต้องการเปลี่ยนไปโหมดปกติหรือโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ จะต้องกดออกจากโหมดเดิมก่อน ทำให้ไม่สะดวกในการใช้งาน และภาพถ่ายที่ดูบนหน้าจอกับเอามาลงคอมนี่คนละเรื่องเลยทีเดียว ยังไงผมให้คะแนน ดีไซน์ และการใช้งานโดยรวม อันนี้ผ่าน แต่เรื่องความคุ้มค่าในชื่อของโอเปอเรเตอร์ อาจจะยังไม่ถึงขั้น ถึงแม้ว่าจะมีส่วนลดโปรโมชั่นรายเดือนให้ถึง 3,600 บาทก็ตาม พร้อมทั้งเรื่องกล้องที่การใช้งานยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานซะทีเดียวนะครับ
You must be logged in to post a comment.