Belkin เชิญเหล่า Blogger IT มาพูดคุยเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้งานปลั๊กต่อพ่วง อุปกรณ์การชาร์จต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่ชาร์จในรถยนต์, ปลั๊กชาร์จไฟบ้าน สายชาร์จ ซึ่งทางทีมงาน PDAMobiz ก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานดังกล่าว จึงเก็บตกสิ่งที่ได้คุยกับ Belkin (เบลกิ้น) มาให้ได้อ่านกันครับ
Belkin เริ่มต้นการพูดคุยเกี่ยวกับการจ่ายไฟโดยอธิบายเปรียบเทียบกับการจ่ายน้ำออกจากแท็งค์น้ำดังนี้ครับ
– แท็งค์น้ำเปรียบเทียบได้กับ Adapter ซึ่งสามารถบอกได้ว่าสามารถจ่ายน้ำ (ไฟ) ได้แรงแค่ไหน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับสายยาง (สายชาร์จ) ด้วยว่ามีกำลังส่งมากเพียงใด เล็ก หรือ ใหญ่ แค่ไหน เพราะหากเล็กเกินไป เจอแรงดันน้ำแรงๆ สายก็อาจขาดได้ และสุดท้ายคือตัวรับน้ำ (ซึ่งก็คืออุปกรณ์ต่างๆ) ว่ารองรับความแรงของน้ำได้มากแค่ไหน ตรงนี้จะงงๆ หน่อย ยกตัวอย่างเช่น เรากรอกน้ำใส่ขวดที่ทางเข้าเล็ก กว่าน้ำจะเต็มขวดก็ช้า แต่ถ้าเป็นแกลลอนน้ำก็จะเต็มขวดได้ง่ายกว่า เพราะสามารถรับน้ำได้ทีละปริมาณมากกว่า
เอ๊ะ ละเกี่ยวกับอุปกรณ์ของเรายังไงล่ะ ? ก็คงต้องตอบว่า การที่เราใช้ Adapter ที่สามารถจ่ายไฟได้แรงๆ นั้นอาจไม่ได้ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน นั้นเร็วขึ้นเสมอไป เพราะมันขึ้นอยู่กับความเสถียรของการเดินทางไฟด้วย ซึ่งไฟจะเดินทางได่เสถียรแค่ไหนก็อยู่ที่สายซิงค์ต่างๆ และสุดท้ายคืออุปกรณ์ว่ารองรับไฟที่ความแรงแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น iPhone ที่รองรับการจ่ายไฟเข้าประมาณ 1-1.4A (แล้วแต่รุ่น ซึ่งผมจำตัวเลขเป๊ะๆ ไม่ได้นะครับ ฮ่าๆ) แต่เราไปใช้ Adapter ที่จ่ายไฟได้แรง 2A 3@ ก็ไม่ทำให้ iPhone ชาร์จแบตเร็วขึ้นกว่าการใช้ Adapter ที่จ่ายไฟได้ 1A อยู่ดี เพราะตัวเครื่องมันรองรับแค่นั้น
ทั้งนี้เวลาชาร์จแบตอุปกรณ์ต่างๆ เนี่ยก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ตัวอุปกรณ์อยู่ด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่นเราชาร์จสมาร์ทโฟนผ่าน Powerbank จากนั้นก็เก็บลงกระเป๋าสะพายใบใหญ่ ซึ่งไม่มีอากาศให้ตัวเครื่องถ่ายเทเลย มันก็จะทำให้ตัวเครื่องร้อนขึ้น เมื่อตัวเครื่องร้อนขึ้นมากจนเกินไปก็จะทำให้รับไฟได้น้อยลงไปด้วย เพราะเดิมทีการเอาไฟเข้ามันส่งผลให้เครื่องร้อนขึ้นอยู่แล้วครับ
ทีนี้หลายคนคงมีคำถามในใจละว่า หากต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมอย่างพวก Adapter หรือสายซิงค์เนี่ย ทำไมต้องเบลกิ้นล่ะ แพงก็แพงกว่าเจ้าอื่นอีกด้วยนะ และต่างกับสายจีนถูกๆ ยังไง ทางเบลกิ้นก็ได้ชี้แจงดังนี้ครับ
ในส่วนของ Adapter มีดีกว่าเจ้าอื่นดังนี้
1.วัสดุดีกว่า (แน่ล่ะ ด้วยราคาที่แพงกว่า)
2.มีตัวป้องกันไฟกระชาก ซึ่งของห่วยๆ จะไม่มีหรอกครับ ตรงนี้สำคัญนะ ฮ่าๆ ถ้าไฟกระชากมาทีอุปกรณ์เราอาจจะพังได้เลย
ในส่วนของสายซิงค์ มีดีกว่าเจ้าอื่นดังนี้
1.วัสดุดีกว่า และอย่างสายซิงค์ของ iPhone iPad ยังใช้หัวเดียวกันกับของแท้อีกด้วย
2.มี Booster ที่สายซึ่งจะช่วยให้การเดินทางของไฟนั้นสม่ำเสมอ เสถียรกว่า โดยที่สายทั่วไป หากยาวสัก 2-3 เมตรนี่จะไม่สามารถเอามาซิงค์ข้อมูลกับคอมได้เลย เพราะมันไม่เสถียรพอ
จากนั้นทางเบลกิ้นก็มาพูดถึงเรื่องปลั๊กพ่วงต่อว่าของตนดีกว่าเจ้าอื่นเช่นไร ซึ่งในงานเนี่ยเค้าให้ผู้เข้าร่วมงานเอาปลั๊กพ่วงไปด้วย แล้วแกะโชว์กันสดๆ เลยจะได้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน
เมื่อแกะออกมาแล้วครับ ด้านบนเป็นปลั๊กพ่วงของเบลกิ้นส่วนด้านล่างนี่ปลั๊กทั่วๆไปตามตลาด จุดเด่นที่ต่างกันชัดเลยคืองานประกอบ วัสดุดีกว่า แน่นหนากว่า มีตัวป้องกันไฟกระชากอีกเช่นเคย ที่เด็ดสุดคือมีวงเงินประกันให้ด้วยหากอุปกรณ์เสียหายจากการใช้ปลั๊กพ่วงของเบลกิ้นซึ่งวงเงินประกันจะมากน้อยก็แล้วแต่รุ่นครับ
ดูปลั๊กพ่วงแบบใกล้ๆ กันบ้างครับ ทองเหลืองอันนี้บางเชียว
ดูของ Belkin ครับ ทองเหลืองหนากว่าเห็นได้ชัดเลย (ส่วนอื่นผมคงไม่สามารถออกความเห็นได้ครับ ไม่รู้อะไรคืออะไร ฮ่าๆๆ เนื่องจากไม่ได้จบมาทางด้านนี้โดยตรง)
ปลั๊กพ่วงตัวด้านบนนี้ราคา 490 บาท แพงกว่าเจ้าอื่นอาจจะมองหลายร้อย แต่ได้วงเงินประกันอุปกรณ์ 40,000 บาทและประกันตัวปลั๊กพ่วงตลอดอายุการใช้งานด้วยนะครับ จ่ายเงินแพงกว่าอีกหน่อย แลกกับสิ่งที่ได้มา คุ้มหรือไม่ต้องตัดสินใจกันดูครับ
เท่านั้นไม่พอในงานยังมีเตารีดมาโชว์ด้วยครับ เอ้ย ไม่ใช่ นี่มันปลั๊กพ่วงอีกแบบนึงที่มีช่องเสียบสายอากาศ, สาย LAN ด้วย เกิดฟ้าผ่ามาไฟกระชากไป อุปกรณ์เราก็จะได้ปลอดภัยนะ ฮ่าๆ
สำหรับงานพูดคุยเกี่ยวกับการใช้งานปลั๊กพ่วงและอุปกรณ์ชาร์จต่างๆ โดย Belkin ก็มีรายละเอียดประมาณนี้ครับ หากส่วนใดผิดพลาดผมต้องขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วย และแจ้งได้ที่หน้ากระทู้เลยนะครับ
You must be logged in to post a comment.