ทุกวันนี้เทรนด์ของนาฬิกาข้อมือสุดล้ำ หรือเราเรียกว่า Smartwatch ผ่านตาผ่านหูเราตลอดเวลาก็ว่าได้ MyKronoz ZeClock เป็นแบรนด์ที่มีดีไซน์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว โดยผสานเอาความลงตัวระหว่างนาฬิกาข้อมือ ที่เราใช้งานกันทุกๆ วันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งความล้ำสมัยที่มีฟีเจอร์ของ Smartwatch เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ทำให้การใช้งานครบครันและยาวนาน
พูดถึงเรื่องนาฬิกาข้อมือหน้าที่หลักก็คือการบอกเวลา พลิกข้อมือขึ้นมาก็เพื่อดูเวลา แต่ทว่าปัจจุบันมีฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติมมาเพียบ อย่างที่เราเห็นบน Smartwatch ที่มีมากมายในตลาดปัจจุบัน แต่อย่างนึงที่เป็นจุดอ่อนของ Smartwatch ก็คือเรื่องแบตเตอรี่ เมื่อหมดแล้วก็เป็นอันจบกัน นาฬิกาฉลาดๆ บนข้อมือเราจะกลายเป็นเศษเทคโนโลยีที่ไร้พลังงานในทันที แต่ไม่ใช่กับ MyKronoz ZeClock เรือนนี้ เพราะว่าได้ผสมผสานเอาทั้งความคลาสสิคและเทคโนโลยีได้อย่างลงตัวจริงๆ ว่าแล้วมาดูเรื่องสเปคกันก่อนเลยดีกว่า
และความล้ำ หรือฟีเจอร์ที่จะได้สัมผัสใช้งานบน MyKronoz ZeClock
จะเห็นว่าฟีเจอร์เพียบ ช่วยเราใช้งานร่วมกับ Smartphone ที่เป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนติดตัวอยู่ตลอดเวลาได้อย่างลงตัว
MyKronoz ZeClock เป็นแบรนด์ที่มีดีไซน์จากสวิตเซอร์แลนด์ รูปร่างหน้าตาสวยงามอย่าบอกใครเลยทีเดียว ส่วนสี จริงๆ มีให้เลือก 5 สีเลยทีเดียว สีดำ สีขาว สีแดง สีฟ้า และสีเขียว แต่ตัวที่ได้มาทดสอบก็คือ สีขาว ซึ่งสวยงาม ด้วยความเป็น Analog watch ใช้การขยับข้อมือแกว่งไปมา เพื่อให้เข็มนาฬิกาเดิน ทำให้เรื่องของการดูเวลานี่ตัดไปได้เลย กลาเป็นนาฬิกาที่ใช้ประโยชน์ได้เหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วๆ ไป ไม่ต้องกลัวแบตจะหมด ไม่ต้องชาร์จ อยากดูเวลาเมื่อไหร่ก็ พลิกข้อมือขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
ส่วนของหน้าปัทม์ด้านล่างเข็มนาฬิกา จะเป็น OLED ที่เอาไว้แสดงผลการเชื่อมต่อ และการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งส่วนนี้ต้องมีการชาร์จอย่างสม่ำเสมอ
ตัวเรือนสีขาวสวยงาม ด้านข้าง ตรงส่วนนี้ สำหรับต่อกับ dock เพื่อชาร์จนั่นล่ะครับ ถ้าแบตหมดก็เสียบกับ dock ได้เลย ชาร์จผ่านพอร์ฺท USB ปกตินี่ล่ะ
ด้านหลังที่เป็นที่ล็อคข้อมือและร่นสายให้เข้ากับข้อมือของเรา
อีกด้านนึงจะเห็นว่านอกจากเม็ดมะยม สำหรับปรับเข็มที่หน้าปัทม์แล้ว ยังมีปุ่มกดทั้งด้านล่างและด้านบน ซึ่งเอาไว้ใส่คำสั่งใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ นั่นเอง จากภาพปุ่มที่อยู่ทางด้านบน สำหรับปิดหรือเปิด (กดค้างยาวๆ) รวมถึงใช้กดค้าง(สั้นๆ)เพื่อกลับมาสู่เมนูหลักได้ ส่วนอีกปุ่มนึงด้านล่าง ปุ่มนี้เรียกว่าเป็นปุ่ม action หรือ enter ก็คงไม่ผิดนัก สำหรับเข้าเมนูที่ต้องการและใส่คำสั่งเริ่มทำงาน และใช้งานได้อีกหลากหลาย
สรุปการใช้งานปุ่มกดทั้งปุ่มด้านบนและปุ่มด้านล่างก็ตามภาพด้านบนเลยครับ
เรื่องของดีไซน์ สวยงามโดนใจ แต่ทว่าอาจจะนำไปเทียบกับบรรดานาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังๆ ก็ดูจะแตกต่างกันไปหน่อย อันนี้ต้องบอกว่าอยู่กับความชอบและรสนิยมของแต่ละผู้ใช้งานก็แล้วกัน แต่สำหรับผมเจ้า MyKronoz ZeClock เรือนนี้ ก็สวยโดนใจแล้ว ทั้งการใส่ที่ข้อมือที่มีขนาดเล็กของผมก็ไม่มีปัญหาใดๆ สายที่ดูยาวบวกกับรูที่เตรียมเอาไว้สำหรับข้อมือขนาดต่างๆ นี่พร้อมจริงๆ ไม่ต้องไปตัดข้อ หรือตัดสายแต่อย่างใด
ตัว dock สำหรับชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งาน หากจะให้สมบูรณ์แบบ และมีประโยชน์ก็ต้องเชื่อมต่อกับ Smartphone ของเรา ได้ทั้ง Android และ iOS ตามสบายเลยครับ MyKronoz ZeClock จัดให้ได้หมด แต่ต้องเป็น Android 4.3 ขึ้นไป หรือ iOS 7 ขึ้นไป ใครใช้ Windows Phone อด คงข้ามเรื่องวิธีเชื่อมต่อไปก็แล้วกันครับ เข้าเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ กันเลย
เราจะเห็นว่าเจ้า MyKronoz ZeClock นี่ไม่มีหน้าปัทม์สำหรับบอกวันที่ แต่ทว่าเนื่องจากเป็นลูกผสม ทำให้มีหน้าจอที่ใช้เป็นตัวเลขบอก วันที่และเดือนแทน รวมถึงยังบอกสถานะแบตอีกด้วย
ฟีเจอร์แรกที่จะแนะนำคือ Voice Control สามารถเรียกใส่คำสั่งใช้งานได้ทั้ง Google Now และ Siri เนื่องจากเจ้า MyKronoz ZeClock มีไมค์ในตัวทำให้เรียกใส่คำสั่งด้วยเสียงได้ทันที สิ่งที่ตามมาก็คือ ฟีเจอร์อัดเสียง เพราะว่ามีไมค์นี่ล่ะ นอกจากใส่คำสั่งแล้ว ยังสามารถอัดเสียงได้อีกต่างหาก โดยที่งานนี้อยากแอบอัดเสียงใครล่ะก็ จัดไปได้เลย สบายๆ ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Pedometer หรือการวัดจำนวนก้าวเดิน อันนี้ก็แอบอินเทรนด์สุขภาพกันหน่อย ซึ่งฟีเจอร์ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าวัดจำนวนก้าว ไม่สามารถตั้ง Goal หรือ Target ได้Notification ข้อความเตือนต่างๆ ที่อยู่บน Smartphone ของเราก็จะขึ้นเตือนที่เจ้า MyKronoz ZeClock เพียงแต่ว่าต้องเชื่อมต่ออยู่และต้องเปิด notification ให้ ZeClock ใน Notification Center ด้วยนะ
สามารถดู Call History ได้ พอเรียกดูแล้วก็สามารถกดโทรกลับได้ทันที แต่พอโทรติดแล้วก็ไปใช้ Smartphone คุยเอานะ Find my phone หรือ Anti-lost นั่นเอง กดเพื่อหา Smartphone ที่เชื่อมต่ออยู่ได้ ในขณะเดียวกันเราใช้ Smartphone เพื่อหาเจ้า MyKronoz ZeClock ก็ได้ด้วย อีกฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ อันนี้สะดวก กดที่ MyKronoz ZeClock ได้เลย แต่ต้องเปิดกล้องถ่ายรูปก่อน เจ้า MyKronoz ZeClock นี่ทำหน้าที่แทน shutter เท่านั้น
สรุปหน้าจอ ฟีเจอร์ต่างๆ ได้ตามนี้เลยครับ
เชื่อมต่อกับ Android สบายๆ
คงไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดนะครับ ลองตั้งค่ากันดู หลักๆ ไม่มีอะรพิเศษ ดูตามเมนูตั้งค่าได้เลย
จะมีเรื่อง Pedometer ที่ยังไม่สามารถใช้งานได้ทันที ต้องเข้าไปที่ Setting และไปที่ Pedometer Install จึงจะสามารถซิงค์จำนวนก้าวเข้ามาที่ Smartphone ได้และการอัพเกรดก็ทำได้ง่าย ล่าสุดนี่เพิ่งมีเวอร์ชั่น 3 ออกมา พออัพเกรดเสร็จ ก็ต้องลง Pedometer Install ใหม่นะครับ
ว่าแล้วก็มาใส่ข้อมือกันสักหน่อย
เหมาะข้อมือดีนะ
ลองเทียบกะที่ใช้งานอยู่บ้าง ระหว่าง Smart กับ ลูกผสม อย่างที่บอกล่ะครับ ถ้า Smartwatch หรือ Smartband ที่บอกเวลาได้ แบตหมดก็จบกัน
สรุปปิดท้าย
MyKronoz ZeClock ต้องบอกว่าเป็นลูกผสม ของความคลาสสิค และความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว การใช้งานหลักเรื่องการบอกเวลาตอบโจทย์ได้ดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด เรื่องของความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับ Smartphone เพื่อใช้งานฟีเจอร์ล้ำๆ อีกเพียบ ก็ไม่ยาก ใช้งานง่าย แต่สิ่งที่ความล้ำสมัยเจอก็คือแบตหมดเร็วนั่นเอง ยิ่งใช้ฟีเจอร์ต่างๆ เยอะ แบตก็หมดเร็ว ต้องชาร์จนั่นล่ะครับ น่าจะเป็นจุดเดียวที่ทำให้ความล้ำสมัยหดหายไป ด้วยราคา 4,990 บาท ก็คงต้องดูล่ะครับว่า เราอยากจะเลือกที่ การใช้งานหลักๆ คือบอกเวลา บวกกับความล้ำสมัย หรือไม่
You must be logged in to post a comment.