Android One เป็นโปรเจคที่ Google คิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนราคาประหยัดได้พบกับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน Android โดย Google จะเลือกผู้ผลิตโทรศัพท์ภายในประเทศที่จะนำโปรเจคนี้ไปลง ซึ่งก็ได้มีโอกาสมาถึงประเทศไทยโดย i-mobile ได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิต Android One รุ่นแรกในนามว่า i-mobile IQ II หน้าตาราคาและการใช้งานจะเป็นอย่างไร มาดูกัน
ขอขอบคุณ i-mobile ที่ให้ยืมเครื่องมาทดสอบ
i-mobile IQ II Specification
– หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (720p)
– Snapdragon 410 Quad Core 1.2GHz
– Ram 1GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB
– รองรับ Micro SD Card สูงสุด 32GB
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Micro Sim)
– กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชคู่ (Dual LED Flash)
– กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
– รองรับ 4G LTE
– แบตเตอรี่ขนาด 2,500mAh
– Android 5.1.1 Lollipop (รับประกันได้อัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ๆ ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี)
– ราคา 4,444 บาท
– มีสองสี ขาวและดำ
1.แกะกล่อง
i-mobile IQ II มาพร้อมกับกล่องสีขาว ระบุแบรนด์และชื่อรุ่นชัดเจน มีหน้าตาให้ชมด้วย และด้านล่างจะระบุว่า androidone
ด้านล่างกล่อง มาสไตล์ไอโมบายล์ แน่ล่ะก็เค้าผลิต
ด้านข้างกล่องนี่บอกชัดเจนมาก
ด้านบนกล่องประกอบด้วย IMEI Serial Number และสีตัวเครื่อง (อ้าวสีน้ำตาลหรอ นึกว่าดำ ฮ่าๆ)
ด้านหลังกล่องบอกสเปคตามแบบมาตรฐาน
แกะกล่องมาดีกว่า เจอซิม Truemove H ด้วยแฮะ
ตัวเครื่องยังไม่ให้ดูหรอก ดูอุปกรณ์ในกล่องไปก่อนละกัน ฮ่าๆ มีดังนี้ครับ
1.แบตเตอรี่
2.ฟิล์มกันรอย
3.เคสใส
4.Adapter
5.สาย Micro USB
6.หูฟัง
7.คู่มือ
8.ใบรับประกัน
ยืนยันกันด้วยภาพว่า IQ II มาพร้อมแบต 2,500mAh
หูฟังเป็นแบบปกติ ไม่ใช่ in ear
Adapter พร้อมสาย Micro USB แบบแบนๆ
เอาล่ะ มาดูตัวเครื่อง IQ II กันดีกว่า หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ถือในมือก็ประมาณนี้ล่ะ ถือมือเดียวสบายๆ สีสันหน้าจอก็สวยงามเลยล่ะ
เหนือหน้าจอมีลำโพงสนทนาเป็นรูกลมๆ เหมือน Nexus 5 ไม่มีผิด ถัดไปด้านขวาเป็นกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. (คงไม่มีใครใช้ 2.5 มม. แล้วมั้ง) ส่วนรูเล็กๆ อีกด้านนั่นไมโครโฟนไว้ตัดเสียงรบกวนเวลาสนทนา
ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มทำงานหลัก ได้แก่ปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่ม Power
ปุ่มอยู่ด้านขวาหมดละ ฉะนั้นทางซ้ายก็ต้องโล่งล่ะ
ด้านล่างตัวเครื่อง ไม่ได้มาพร้อมลำโพงคู่นะครับ ลำโพงมีตัวเดียวนี่ล่ะอยู่ทางขวา ส่วนทางซ้ายนั่นซ่อนไมโครโฟนเอาไว้ครับ และตรงกลางก็ช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์แบบ Micro USB
ดูด้านหลังตัวเครื่องกันต่อ เออเนาะสีน้ำตาลจริงๆ น้ำตาลเข้ม ถือเป็นสีดำไปละกัน ฮ่าๆๆ แถจนสีข้างถลอกละมั้งเนี่ย
ตรงกลางด้านบนของฝาหลังจะมีกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED 2 ดวง
ถอดฝาหลังให้เห็นช่องใส่ซิมการ์ดและ Micro SD Card
ยืนยันกันด้วยภาพว่าแม้ราคาค่าตัวจะเพียง 4 พันกว่าบาทแต่ก็ได้หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB นะเออ
ที่เด็ดเลยคือมาพร้อม Android 5.1.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดตอนนี้ด้วย ตอนได้มารีวิวนี่เจออัพเดทไปครั้งนึงแล้วอีก (เพราะเฟิร์มแวร์นั้นมาจาก Google โดยตรง)
2.User Interface & IQ Bonus & Benchmark
i-mobile IQ II เป็น Android One หรือก็คือเป็นเสมือน Pure Android ที่จะให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การใช้งาน Android แบบเดิมๆ เต็มๆ โดยเฟิร์มแวร์ที่ใช้ในตัวเครื่องนั้นถูกส่งตรงมาจาก Google ฉะนั้นหน้าตาการใช้งานก็จะเหมือนกับ Nexus Phone ทั้งหลาย โดย Launcher นั้นใช้ Google now launcher ที่มีรูปแบบการใช้งานเรียบง่ายทั่วๆ ไป มีหน้า Desktop หน้า App Drawer แบ่งกันชัดเจน สามารถจัดโฟลเดอร์และใส่ Widget ในหน้า Desktop ได้ปกติ
หน้าซ้ายสุดเป็น Google Now ที่เป็นทั้ง search engine และแจ้งเตือนเราถึงสิ่งต่างๆ เช่น สภาพอากาศ สถานที่ๆ เราไปประจำ คือจากประสบการณ์ที่ใช้ Google Now มานี่บางทีก็รู้มากไป ว่าเราจะไปถึงออฟฟิศได้อีกภายในกี่นาทีงี้
Notification bar
แถบการแจ้งเตือนของ IQ II ก็มาแบบ Pure Android นี่ล่ะ ลากมาชั้นนึงเป็นการแจ้งเตือน หากลากซ้ำอีกทีถึงจะเจอ Toggle ทางลัดต่างๆ ในการเปิดปิด Wi-Fi, Network, Airplane Mode ฯลฯ ที่สำคัญคือหากจะดูเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ต้องลาก Notification bar ลงมา 2 ครั้งด้วยถึงจะเห็น
IQ II Bonus
ถึงจะบอกว่าเป็น Pure Android แต่ทาง i-mobile ก็มีสิทธิพิเศษให้เฉพาะสำหรับชาว i-mobile ผ่านแอพพลิเคชั่น IQ II Bonus ซึ่งก็จะประกอบด้วย
1.i-club: รวมสิทธิพิเศษ กิจกรรมต่างๆ สรุปง่ายๆ คือพวกส่วนลดของกินฟรี เช่น Mister Donut ฟรี 2 ชิ้นเป็นต้น ฮ่าๆ
2.service: รวมบริการของไอโมบายล์ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาศูฯย์ซ่อม, เช็คสถานะเครื่องซ่อม ติดต่อเรา หรือจะอัพเดทแอนตี้ไวรัสก็ได้
3.i-mobile: รวมข้อมูลสมาร์ทโฟนของไอโมบายล์ไว้ ใครอยากดูรุ่นอะไรมาดูในนี้ก็ได้
Benchmark
ทดสอบประสิทธิภาพของตัวเครื่องผ่านแอพ Benchmark 2 ตัวได้คะแนนดังนี้
– Antutu 21646
– Quadrant 6532
3.กล้องถ่ายรูป
IQ II มาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช LED คู่ การใช้งานแอพกล้องถ่ายรูปเดิมๆ ก็คือ Google Camera หน้าตาการใช้งานเรียบง่าย หยิบมาถ่ายเลยก็ได้ ฮ่าๆ หรือจะแตะจุดโฟกัสก่อนค่อยถ่ายรูปก็ได้
ซึ่ง Google Camera ก็จะไม่มีลูกเล่นอะไรมาก แค่เปิดปิดแฟลช, HDR, จุดตัด 9 ช่องและตั้งเวลาถ่ายรูปได้
โหมดการถ่ายรูปก็มีแค่เดิมๆ Lens Blur อีกอันก็ถ่ายวิดีโอละล่ะ อ้อ รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ Full HD หรือ 1080p นะ
ส่วนกล้องหน้านั้นความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เปิดปิด HDR, จุดตัด 9 ช่องและตั้งเวลาถ่ายรูปได้ และในเรื่องของการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าสามารถทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด HD
ต่อไปเรามาดูกันว่าภาพถ่ายจากกล้อง IQ II เป็นอย่างไรบ้าง ภาพทั้งหมดทำเพียงย่อส่วนและใส่ลายน้ำเท่านั้นครับ
ถ่ายกลางวันนี่สบายๆ อยู่ละ
พระอาทิตย์ใกล้ตกครับ เลยแชะซะหน่อย
อันนี้พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นครับ
ผ่านกระจกบนเครื่องบินดูบ้าง
ลองถ่ายรูปตอนกลางคืนกันหน่อย ถามว่าเห็นมั้ยก็พอมองเห็นครับ แต่ถามว่ารายละเอียดเป็นไงนี่ Noise เพียบ ฮ่าๆ
ลองถ่ายมาโครยาดมดู
ถ่ายรูปอาหารกันบ้างดีกว่า
ปิดท้ายด้วยภาพถ่ายจากกล้องหน้าครับ เลนส์กว้างพอตัวนะ หรือแขนเรายาวเนี่ย ฮ่าๆ
4.การเล่นเกมส์
ทดสอบเล่นเกมส์บน IQ II ที่มาพร้อม S410 Ram 1GB แต่มีหน่วยความจำในเครื่องให้แบบจัดเต็มถึง 16GB กันดูบ้าง ด้วยการเล่นเกมส์สองเกมส์ผลออกมาดังนี้
– Guardian Hunter: เป็นเกมส์แนว 3D RPG ภาพน่ารักๆ ให้อารมณ์เหมือนกับเล่น Ragnarok โดยเกมส์นี้ต้องต่อเน็ตขณะเล่นตลอดเวลาด้วย ลองเล่นดูก็ถือว่าทำได้ลื่นดี แต่จะมีค้างไปเสี้ยววิ ขณะที่มอนสเตอร์โผล่ออกมานี่ล่ะ
– Cookie Run: เกมส์วิ่งเก็บคะแนนจาก Line ต้องใช้เน็ตในการเข้าเล่นเกมส์ ใช้ทดสอบมันทุกเครื่องที่รีวิว กับ IQ II ก็เช่นกัน โดยรวมเล่นได้ลื่นดี แต่จะกระตุกตอนเปลี่ยนฉากหน่อย
สรุป:
ข้อดี
– ตัวเครื่องงานประกอบแน่นหนา ดูดี จับพอดีมือ ไม่ลื่น
– หน้าจอสีสันสดใส สู้แสงสบายอยู่
– การทำงานของตัวเครื่องรวดเร็วดี แม้จะมี Ram เพียง 1GB แต่ก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาอะไร
– หน่วยความจำภายในเครื่องให้มาเยอะพอใช้งาน (16GB) ซ้ำยังรองรับ Micro SD Card เพิ่มอีก
– รองรับการใช้งาน 4G LTE ซึ่งมักหาไม่ได้ในราคา 4 พัน
– แบตเตอรี่ก้อนใหญ่พอสมควร ใช้งานทั่วไปวันนึงสบาย แต่ถ้าเล่นหนักๆ ก็ไม่รอด
ข้อเสีย
– ไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรเท่าไหร่ เนื่องจากความ Pure Android
– โหมด HDR ของกล้องถ่ายรูปไม่ได้ช่วยเก็บรายละเอียดของภาพหากถ่ายย้อนแสง แต่กลับทำให้ภาพสว่างซึ่งขัดใจพอตัว
– ไม่แสดงเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ที่แถบแจ้งเตือนเลย แต่ต้องดึงลงมาสองครั้งเพื่อดูเปอร์เซ็นต์แบต (ตรงนี้แก้ได้ด้วยการใช้แอพ Percentage Enable)
You must be logged in to post a comment.