❤`•.¸¸.•´´¯`••.¸¸.•´´¯`•´ 彡° สวัสดีวันศุกร์ Happy Friday ☆·.¸¸.·´¯`·.¸¸.¤ ~♡ (*^ー^)ノ

  สวัสดีครับ วันนี้มาเล่าเรื่องไกลตัวที่กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวของผมไปแล้ว เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ผมไปงานอีเว้นท์ที่ emquartier หลังจากเสร็จงานก็กลับบ้านโดยนั่งรถไฟฟ้าเหมือนเช่นเคย แต่โดยปรกติผมจะลงสถานีราชเทวี เพื่อต่อ ปอ. กลับบ้าน แต่วันนั้นผมรู้สึกเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ เลยไปลงสถานีอนุสาวรีย์ เพื่อที่จะได้นั่งรถจากต้นสายเลย และก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนได้ครับ ผมโดนแก๊งมิจฉาชีพล้วงเอาโทรศัพท์ไปตอนขึ้นรถครับ ซึ่งผมมารู้ตัวตอนขึ้นรถไปแล้ว ปรกติผมจะพกโทรศัพท์ 2 เครื่อง เพื่อใช้งานแยกกันระหว่างโทรและ Data จึงลองเอาอีกเครื่องที่เก็บในกระเป๋าสะพายโทรไป สรุปคือมันปิดเครื่องหนีไปแล้ว ชั่วโมงนั้นผมรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำใจแล้วคงไม่ได้คืนแน่ และไม่สามารถพึงพาผู้พิทักษ์กฏหมายให้เข้ามาช่วยได้อย่างแน่นอน  สรุปคือ โทรศัพท์ผมโดนมิจฉาชีพกลุ่มนี้ล้วงไปตอนเบียดแย่งขึ้นรถ เป็นเหตุการณ์ประมาณกระทู้จากพันทิพย์นี้เลยครับ http://bit.ly/1EDpeMl พวก นี้อาศัยช่วงชุลมุนตอนเบียดแย่งกันขึ้นรถในชั่วโมงเร่งด่วน และทำกันเป็นขบวนการครับ ถ้าเราไม่ระวังและพลั้งเผลอ เสร็จเกือบทุกราย หลังจากรู้ตัวแล้วผมทำอย่างไรต่อ ขอสรุปสั้น ๆ ตามนี้นะครับ

ผมรีบลงจาก รถและไปหาศูนย์โอเปอเรเตอร์ของซิมที่ใช้บริการ เพื่อระงับเบอร์โทร พร้อมกับขอซิมใหม่ทันที สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้ เพราะโทรศัพท์ของผมเป็นระบบแอนดรอยด์ครับ และไม่ได้ตั้งค่าการป้องกันใด ๆ เลย และเบอร์นี้ผมผูกกับบริการ OTP ในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ไว้ด้วย สาเหตุที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายตรงนี้ก็คือ เป็นความเคยชินของผมที่เน้นใช้งานเอาสะดวกไว้ก่อน โดยความคิดมักง่ายของผมว่ามันเป็นเครื่องหลักที่ใช้งานโทรเข้า-ออก บ่อย ๆ และเป็นเครื่องที่ผมใช้ในการถ่ายรูป จึงต้องการความคล่องตัวในการที่สามารถเรียกใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว จนมองข้ามความปลอยภัยในการป้องกันไปเลยครับ สิ่งที่ทำได้เป็นลำดับแรกจึงรีบ ไปยกเลิกเบอร์ก่อน เพราะมันเป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่าจะไปแจ้งความโทรศัพท์หาย (และเรื่องจริงคือไปแจ้งความตอนนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย)

สรุปส่งท้าย ไลฟ์สไตล์ของผมแทบจะไม่มีโอกาสไปสถานที่อโคจรและมีแก๊งมิจฉาชีพ อย่างอนุสาวรีย์เลยครับ ที่เกิดเหตุคราวนี้จะเรียกว่าถึงคราวเคราะห์ก็ย่อมได้  แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ ต้องบอกว่าผมประมาณเอง แม้จะเคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้วกับพิษภัยของแก็งมิจฉาชีพพวกนี้ก็ตาม จึงต้องบอกว่า เรื่องไกลตัว กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวจนได้ หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ผมได้บทเรียน(ราคาแพง) ไปแล้ว และแน่นอนว่า สิ่งนี้จะทำให้ผมเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เลิกสิ่งที่ตัวเรามองว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่เป็นไร, คงไม่เกิด ฯลฯ เรียกว่าตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนั่นแหละครับ

และก่อนจาก คงได้เห็นรูปในทักทายของวันนี้กันแล้วนะครับ เป็น IMEI และ SN จากเครื่อง vivo Xshot ของผมที่โดนขโมยไปในครั้งนี้ ถ้าใครไปเจอเบาะแสอย่างไร ก็ส่งข่าวมาถึงผมได้เลยครับ ไม่หวังได้คืน แต่แอบหวังจะได้ดำเนินคดีกับพวกมิจฉาชีพที่เปรียบเสมือนมะเร็งเนื้อร้ายใน สังคมของเราได้บ้างครับ


  

สำหรับอาทิตย์นี้คงต้องลากันไปแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า

 



ถูกใจบทความนี้  0