หัวเว่ยเปิดตัว Mate S สมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ล่าสุด ปฏิวัติเทคโนโลยีของการสัมผัสหน้าจอเครื่องแรกในโลก

   หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เปิดตัว Mate S สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่งาน IFA 2015 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน หัวเว่ย Mate S ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่มาสร้างประสบการณ์ที่เหนือ กว่าให้แก่ผู้ใช้งานแอนดรอยด์

“วัตถุประสงค์ของการ ออกแบบหัวเว่ย Mate S คือ การพัฒนาสมาร์ทโฟนเพื่อตอบโจทย์การใช้งานส่วนบุคคลมากขึ้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างนิยามใหม่ของการผสมผสานเทคโนโลยีของการสัมผัสเข้ากับ สมาร์ทโฟน ด้วยการปฏิวัติระบบการสัมผัสหน้าจอและเปิดยุคใหม่แห่งการเชื่อมต่อระหว่าง ผู้ใช้งานกับสมาร์ทโฟน” มร.ริชาร์ด หยู ซีอีโอ ของหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ปกล่าว
ยุคใหม่แห่งการสัมผัสเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

หัว เว่ย Mate S เปลี่ยนประสบการณ์ของการใช้งานสมาร์ทโฟนด้วย นวัตกรรมใหม่ด้านการสัมผัสที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ความคิดสร้างสรรค์ Mate S ทำให้ทุกการสัมผัสไปสู่ประสบการณ์ในการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

Fingerprint Sense 2.0  คือ ระบบรักษาความปลอดภัยรุ่นล่าสุดที่พัฒนามาจาก Mate 7 ด้วยชิปรักษาความปลอดภัยขั้นสูงและเทคโนโลยีการปลดล็อคด้วยการสัมผัสเพียง ครั้งเดียว (Single-tap) Fingerprint Sense 2.0 ถูกพัฒนาให้เร็วขึ้น ตอบสนองไวขึ้น และมีฟังก์ชั่นการเรียนรู้ด้วยตัวเองที่ได้ปรับปรุงความเร็วในการรับรู้ เพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้น ฟังก์ชั่นการสแกนนิ้วใน Mate S ยังทำได้มากกว่าแค่ปลดล็อคสมาร์ทโฟนหรือเพื่อควบคุมความปลอดภัยในการจ่าย เงิน แต่ยังสามารถใช้ควบคุมการแจ้งเตือน เลื่อนภาพถ่าย สั่งงานการถ่ายเซลฟี่ รับสายเรียกเข้า หรือแม้กระทั่งใช้ปิดเสียงปลุกได้อย่างรวดเร็วด้วยเซนเซอร์สแกนนิ้วมือ

 Knuckle Sense 2.0 ด้วยเทคโนโลยีการใช้ข้อนิ้วที่ถูกนำมาใช้ในหัวเว่ย P8 เป็นครั้งแรกซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่มาตอบโจทย์การใช้งานด้วยการใช้ข้อนิ้วใน การสั่งงาน

ผู้ใช้งานสามารถ เปลี่ยนการใช้งานระหว่างแต่ละแอปพลิเคชั่นโดยการใช้คำสั่งลัดที่สามารถป้อน ข้อมูลไว้ล่วงหน้าและวาดตัวอักษรย่อของแอปพลิเคชั่นบนหน้าจอ เช่นการวาดตัวอักษร “c” เพื่อเปิดการใช้งานกล้อง และวาดตัวอักษร  “m” เพื่อฟังเพลง และวาดตัวอักษร “e” เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต

ผู้ใช้งานยังสามารถกำหนดรูปแบบการใช้ข้อนิ้วในการสั่งงานสมาร์ทโฟนของตัวเองได้ไม่ว่าจะเป็นใน WeChat หรือ WhatApp
การเลือกแคปหน้าจอและคัดลอกรูปจากแหล่งต่างๆได้ตามใจนึกโดยใช้เพียงแค่ข้อนิ้ววาดอย่างอิสระ
การใช้ข้อนิ้วเคาะหน้าจอสองครั้งบนไฟล์วีดีโอเพื่อเลือกบันทึกไฟล์บางส่วนได้อย่างง่ายดายและสะดวกในการส่งต่อหรือบันทึกไฟล์อีกด้วย
Force Touch Technology (มีวางจำหน่ายในบางประเทศ)  นวัตกรรมใหม่จากหัวเว่ยที่สร้างความสะดวกสบายในการใช้งานหน้าจอ ให้ผู้ใช้งานสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายเช่น การขยายภาพ หรือการเลือกใช้งานแอปพลิเคชั่น ด้วยการสัมผัสหน้าจอด้วยแรงที่แตกต่างกัน เทคโนโลยีนี้ยังเปิดโอกาสให้ใช้งานหน้าจอได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคนิคในการใช้งานเทคโนโลยี Force Touch แบบใหม่ๆออกสู่ตลาด
นวัตกรรมการออกแบบจากภายในสู่ภายนอก
หัวเว่ย Mate S มีการดีไซน์ที่แปลกใหม่และสร้างความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของสมาร์ทโฟนกับดีไซน์ของ
ตัวเครื่องที่สวยงาม

สรรค์สร้างจากหัวเว่ย Mate 7 หัวเว่ย ทำให้ Mate S ประกอบไปด้วยตัวเครื่องโลหะมีหน้าจอแบบ AMOLED FHD ขนาด 5.5 นิ้ว เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass ตัวเครื่องบางเพียง 2.65 มม. ด้านหลังของตัวเครื่องถูกออกแบบให้มีส่วนโค้งกระชับเข้ากับฝ่ามือให้สัมผัส และน้ำหนักที่แข็งแรงทนทานให้ความรู้สึกเหมาะมือ

ส่วนโค้งด้านหลังของ หัวเว่ย Mate S ประกอบด้วยเทคโนโลยีการฉีดแบบนาโน เชื่อมต่อเสาอากาศกับตัวเครื่องโลหะด้วยสีที่เข้ากัน ส่งผลให้เกิดพื้นผิวเรียบ ด้วยเทคโนโลยีการตัดขอบแบบ Diamond Cutting และ CNC Carving นาโนเทคโนโลยีและเลนส์แบบซัฟไฟล์ ประกอบกันเป็นตัวเครื่องโลหะที่สวยงามไร้รอยต่อ
สัมผัสประสบการณ์ถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพที่ออกแบบมาสำหรับผู้รักการถ่ายภาพและช่างภาพมืออาชีพ
หัว เว่ย Mate S มาพร้อมกับกล้องคุณภาพเทียบเท่ากล้องแบบมืออาชีพที่ตอบโจทย์การใช้งานใน ทุกระดับเพื่อให้ทุกคนได้ สัมผัสกับการใช้งานที่เหนือระดับ ไม่ว่าจะเป็นการปรับคอนทราสต์ เท็กซ์เจอร์ และการตั้งค่า Tonality กล้องหลังขนาด 13 ล้านเมกะพิกเซล 4 สีแบบ RGBW เซ็นเซอร์ ระบบกันการสั่นสะเทือน และแฟลชแบบ Dual color temp LED มีหน่วยประมวลผลสัญญาณภาพแบบอิสระ เพื่อคุณภาพของภาพที่สูงขึ้น

Mate S ยกระดับกล้องหน้าไปอีกขั้นหนึ่งด้วย กล้องหน้าขนาด 8 ล้านเมกะพิกเซลที่สามารถปรับแสงในการถ่ายภาพเซลฟี่ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพที่คมชัดและสวยงามมากที่สุด Mate S ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Fingerprinte sense ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างเป็นธรรมชาติสั่งถ่ายภาพ ด้วยการแตะที่เซ็นเซอร์ด้านหลังส่งผลให้ผู้ใช้งานถือกล้องได้อย่างเป็น ธรรมชาติ

โหมดการถ่ายภาพแบบมือ อาชีพมีฟังก์ชั่นการตั้งค่า ISO แบบแมนนวล การชดเชยแสง การตั้งค่ารูรับแสง การปรับแสงสีขาว และการปรับโฟกัส และยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆเช่น ตารางกริด การใช้แฟลชแบบเฉพาะเจาะจง โหมดฟิลเตอร์กรองแสงสีขาวและสีดำที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสรรค์ภาพอย่างมี ศิลปะ และการถ่ายภาพแบบคลาสสิกที่สามารถปรับระดับความเข้มของแสงตลอดจนการปรับสี โดยอัตโนมัติ

เทคโนโลยีที่สามารถปรับให้เหมาะกับทุกสภาพแวดล้อม

หัวเว่ย Mate S ยังคงเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานให้กับผู้ใช้งานในระหว่างการเดินทาง

Mate S นำฟังก์ชั่นการบันทึกเสียงไปอีกระดับหนึ่งด้วยการบันทึกเสียงอัจฉริยะด้วย เทคโนโลยีการรับสัญญาณคำสั่งโดยตรง ด้วยไมโครโฟน 3 ตัวด้วยอัลกอริทึมที่ชาญฉลาดทำให้คุณภาพการบันทึกเสียงชัดเจนและสามารถตัด เสียงรบกวนได้มากกว่า ไมโครโฟนมีฮาร์ดแวร์รองรับเทคโนโลยีการรับสัญญาณคำสั่งโดยตรง อาทิ โหมดการสัมภาษณ์ (Interview Mode บันทึกเสียง 180 °) โหมดการประชุม (บันทึกเสียงได้ทุกทิศทาง) และโหมดธรรมดา

Mate S ยังรองรับการสั่งพิงพ์งานแบบไร้สายผ่าน Mopria general protocol ซึ่งรองรับปริ๊นท์เตอร์กว่า 800 ประเภทของบริษัทปริ๊นท์เตอร์ชั้นนำ 16 แบรนด์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งพิมพ์ได้ทุกที่
ช่องใส่ซิมแบบคู่ หรือ 4G LTE สามารถตั้งค่าการใช้งานโดย Mate S ได้อย่างรวดเร็ว รองรับสัญญาณ LTE ได้ถึง 13 ช่องสัญญาณ ครอบคลุมยุโรป เอเชีย แปซิฟิก และ อเมริกา
Mate S มีระบบการชาร์จไฟด้วย 5V และ 2A ที่สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนได้  2 ชม.ในระยะเวลาการชาร์จเพียงแค่ 10 นาที
การใช้งาน

Mate S วางจำหน่ายในช่วงแรกกว่า 30 ประเทศ อาทิ จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อิสราเอล ญี่ปุ่น สเปน แอฟริกาใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
รุ่นสแตนดาร์ด ROM 32 GB สีไทเทเนี่ยม เกรย์ หรือ มิสติค แชมเปญ ราคา 649 ยูโร
รุ่นพรีเมี่ยม ROM 64 GB สีเพรสทีค โกลด์ หรือ คอรัล พิงค์ 699 ยูโร
รุ่น Force Touch วางจำหน่ายในบางประเทศและจะมีการประกาศในเดือนหน้า

และใน งานนี้หัวเว่ยยังได้มีการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือ สมาร์ท วอชท์ ตัวแรกในตระกูล หัวเว่ย อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะดีไซน์คลาสสิค พร้อมส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างแฟชั่นและเทคโนโลยี เมื่อเชื่อมต่อกับ แอนดรอยด์ Huawei Wear จะสามารถสร้างประสบการณ์การเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดให้แก่ผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนสายเข้า ข้อความ การรับส่งข้อความหรืออีเมล์ สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับการใช้งานหูฟังแบบไร้สาย และยังสามารถดาว์นโหลดเพลงแบบออฟไลน์ สามารถใช้คำสั่งเสียงในการเล่นเพลง ค้นหาสถานที่ ค้นหาโทรศัพท์ได้อีกด้วย วางจำหน่ายแล้วในประเทศ แคนนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส สเปน และ อิตาลี ราคาเริ่มต้นที่ 399 ยูโร จนถึง 699 ยูโร

 



ถูกใจบทความนี้  0