รีวิว & แกะกล่อง Lenovo VIBE Shot ร่างอวตารของกล้องคอมแพค

 Lenovo VIBE Shot เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ออกตัวแรง โดยชูจุดขายความเป็น Camera Phone ซึ่งในตลาด ณ ปัจจุบัน เราเห็นกันอยู่ไม่กี่แบรนด์ที่ครองความเป็นเจ้าตลาด และทำได้ดีสมราคาคุย ส่วนใหญ่จะโดดเด่นกันเฉพาะในรุ่นเรือธง สำหรับ VIBE Shot นั้น จัดว่าไม่ใช่ Flagship แต่สเปคค่อนข้างจัดเต็มเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว และที่สำคัญ คือขนความน่าสนใจในส่วนของ Hardware กล้องมาแบบไม่มีกั๊ก ทั้ง OIS,  true 16:9 image sensor , Infrared focus, triple-LED (dual-tone) flash เป็นต้น แต่จะทำได้ดีสมราคาคุยหรือไม่ ต้องมาพิสูจน์กันครับ

ขอขอบคุณ lenovo Thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ

สเปคเบื้องต้นแบบย่อ ๆ ของ Lenovo VIBE Shot

~ OS : เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop)
~ ชิปเซ็ต : CPU MSM8939 Snapdragon 615 (Quad-core) ความเร็ว 1.7GHz
~ หน่วยประมวลผลกราฟฟิก : GPU Adreno 405
~ ROM 32GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
~ RAM 3GB
~ จอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels (~441 ppi pixel density)
~ การเชื่อมต่อ 2G : 850 / 900 / 1800 / 1900 MHz
~ การเชื่อมต่อ 3G : WCDMA 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz
~ การเชื่อมต่อ 4G LTE: 800 / 1800 / 2100 / 2600
~ รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
~ การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth V. 4.1 , GPS/A-GPS/ FM Radio
~ กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED 3 ดวง, ระบบป้องกันการสั่น OIS , Infrared focus
~ กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
~ ขนาดตัวเครื่อง 142 x 70 x 7.3 มิลลิเมตร
~ น้ำหนัก 145 กรัม
~ แบตเตอรี่ Li-polymer ความจุ 3000mAh

มี 3 สี ขาว, เทาดำ, แดง ราคาวางจำหน่าย 11,990 บาท

สเปคโดยละเอียดสามารถดูได้จาก official page  Lenovo VIBE Shot specification

พื่อไม่ให้เสียเวลามาทำการอันบ็อกซ์กันเลยนะครับ


ตัว แพกเกจหรือกล่องจะมาในทรงแนวยาวครับ แต่ว่าแอบเยินเล็กน้อยเพราะไม่ใช่ของใหม่อยู่ในซีล เป็นเครื่องที่ถูกเปิดถูกแกะก่อนส่งมารีวิวแล้วครับ


ด้านหลังก็พิมพ์บอกสเปคและรายละเอียดของ Vibe Shot ไว้ให้อ่านกันนิดหน่อย


แง้มกล่องออกมาดู จะเจอกับตัวเครื่องนอนรออยู่ในถาดรองครับ


อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย เข็มจิ้มถาดซิม และคู่มือการใช้งานอย่างย่อ+ใบรับประกันสินค้า


มี ฟิลม์กันรอยและเคสใสแถมมาให้ด้วย ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อดีนะ เพราะเปิดกล่องออกมาพร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องไปเหนื่อยกับการหาอุปกรณ์เสริมพวกนี้


อแดปเตอร์ชาร์จไฟ ชนิดขาแบน ให้ Output มาที่ 1.5A, สายไมโครยูเอสบี ซิงค์และชาร์จไฟ

ชุดหูฟังสมอลทอร์คแบบอินเอียร์ (ไม่มีจุกยางสำรองมาให้)


ตัวเครื่องจะแปะฟิลม์สกรีนจุดเด่น-จุดขายมาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง


ดีไซน์และงานประกอบ

Vibe Shot ถ้าพูดถึงเรื่องดีไซน์ ผมมองว่ามีความคล้างคลึงกับค่าย Sony อยู่พอประมาณ แต่เมื่อมองภาพรวม ๆ แล้ว จะเห็นว่ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะด้านหลังออกแบบได้ดูสวยงามลงตัวมากครับ


วัสดุ หลักของ Vibe Shot ตัวขอบเฟรมจะใช้วัสดุที่เป็นโลหะ ซึ่งช่วยให้โครงสร้างมีความแข็งแรงทนทานและมีน้ำหนักเบา ส่วนด้านหน้า-หลังจะใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก โดยทั้งคู่จะเป็นกระจกป้องกันรอยขีดข่วน (Corning Gorilla Glass 3)

Vibe Shot มาพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P ใช้พาเนล IPS เรื่องมุมมอง ความสว่าง ความคมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังมี Software ที่ช่วยปรับแต่งโทนหรือสีสันของจอให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อีกด้วย


ด้าน หน้าส่วนบนของตัวเครื่อง ไล่จากซ้ายไปขวา ไฟ LED Notification (แสดงสถานะการชาร์จไฟได้อย่างเดียว) ชุดเซ็นเซอร์, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สุดท้ายคือลำโพงสนทนา


ด้านล่าง 3 ปุ่มมาตรฐานของแอนดรอยด์  เป็นปุ่มแบบ Capacitive button มีไฟแบล็คไลท์มาให้ใช้งานด้วย


ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม และไมค์ตัดเสียงรบกวน รวมถึงเป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึกเสียง


ด้าน ล่างของตัวเครื่อง  มีพอร์ตไมโครยูเอสบีอยู่ตรงกลาง ช่องลำโพงที่เห็นเป็นโมโนนะครับ ไม่ใช่สเตอริโอลำโพงคู่แต่อย่างใด โดยฝั่งทางขวามือคือลำโพงหลักหรือลำโพงมีเดียนั่นเอง ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นไมค์สนทนาครับผม สำหรับคุณภาพของลำโพงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ทั้งเรื่องความดังและคุณภาพ และเส้นสีดำที่ตัดด้านข้าง น่าจะเป็นวัสดุพีโลคาร์บอเนตที่มีส่วนช่วยในเรื่องของภาครับสัญญาณครับ เพราะว่าตัวโครงสร้างของขอบเฟรมจะเป็นโลหะนั้นเอง


มี ช่องร้อยสายคล้องมือ-คอ หรืออุปกรณ์เสริม มาให้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันแทบจะไม่เห็นกันแล้ว ตรงนี้ผมมองว่ามีประโยชน์และใช้งานได้จริง แต่บางคนอาจจะไม่ชอบก็เป็นได้ครับ

 


ด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง


ด้าน บนจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิม โดย Lenovo VIBE Shot รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และใช้ “ไมโครซิม” ทั้งคู่เลยครับ ส่วนด้านล่างจะเป็นถาดใส่หน่วยความจำภายนอก “ไมโครเอสดีการ์ด” นั้นเอง โดรองรับความจุได้สูงสุดถึง 128GB


ด้านขวามือของตัวเครื่อง จะประกอบไปด้วย ปุ่ม volume rocker เพิ่ม-ลดระดับเสียง ถัดลงมาคือปุ่ม Power เปิด-ปิดเครื่อง


ปุ่มสลับโหมดระหว่างโหมด Auto กับ โหมด Pro สุดท้ายคือปุ่มชัตเตอร์กล้อง

ด้าน หลังออกแบบได้ดูสวยงามและลงตัวมาก ให้อารมณ์ประหนึ่งกล้องคอมแพคเลยครับ ตัวฝาหลังจะใช้วัสดุกระจก และเป็นกระจกป้องกันรอยขีดข่วนเหมือนด้านหน้า (Corning Gorilla Glass 3) มีการออกแบบโดยตัดขอบข้างหนึ่งด้วยลายแบบ brushed metal texture


มองจากมมุมนี้ จเห็นโลโก้แบรนด์และซีรีย์ VIBE แปะไว้ด้านซ้าย


และ พระเอกของงานก็คือกล้องหลังที่จัดเต็มมากในส่วนของ Hardware จะประกอบไปด้วย กล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อม BSI Sensor, และระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS , Infrared focus และไฟแฟลช 3 ดวง ซึ่งเป็นเจ้าแรกในตลาด ณ ตอนนี้ครับ

ในส่วนของการแกะกล่องและสำรวจตัวเครื่องภายนอกก็จะมีเท่านี้ครับ

มาดูกันต่อในส่วนของ Software แบบคร่าว ๆ นะครับ

 
Lenovo VIBE Shot
 เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 5.1 (Lollipop) ตั้งแต่โรงงาน

สำหรับพื้นที่ของ ROM 32GB จะเหลือให้ใช้งานจริงราว ๆ 24GB กว่า ๆ ครับ

 

 
ตัว Launcher ก็คือ VIBE UI ที่มีอินเตอร์เฟสในสไตล์ iDevice จะไม่มีหน้า App Drawer นั่นเอง และในส่วนของอพพลิเคชั่นที่บันเดิลมาให้ก็มีเพียงเล็กน้อยครับ เพียงพอต่อการใช้งานในแบบพื้นฐาน แต่มีข้อดีคือทำให้ไม่รก ไม่หน่วงเครื่องครับ
 
โดยรวมมีการใช้งานที่เรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อน การปรับตั้งค่าของ Launche มีความยืดหยุ่นพอประมาณ

 
เช่น สามารถเปลี่ยนธีมได้, ปรับขนาดฟอนต์ และเอฟเฟคของหน้าจอเป็นต้น โดยรวม ๆ อาจจะไม่โดดเด่น เหมือนแบรนด์อื่น ๆ  แต่ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานในระดับหนึ่ง

 

หน้า Setting การตั้งค่าของตัวเครื่อง
ฟีเจอร์ที่มีมาให้ใช้งานบน VIBE Shot

 
Display color balance เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราสามารถปรับแต่งการแสดงผลของหน้าจอให้เหมาะกับ สถานการณ์ต่าง ๆ โดยมีโหมดให้ใช้งานสำเร็จรูป 5 โหมด และปรับตั้งค่าแบบ Custom ได้อิสระ

 
เมนู Feature ก็ตามชื่อเลยครับ จะเป็นเมนูที่รวบรวมโหมดอำนวยความสะดวกในการใช้งาน เช่นการกดปุ่มลดระดับเสียงติดกัน 2 ครั้ง จะเป็นการถ่ายภาพอย่างไว, เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อ Wake up ปลุกการทำงานของหน้าจอเป็นต้น

ส่วน Smart scenc จะเป็นคล้าย ๆ โปรไฟล์ในการกำหนดค่าในการใช้งานตามสถานการณ์ที่เราต้องการเช่น กำหนดเวลา เปิด-ปิดเครื่อง เปิด Airplane , GS ปรับความสว่างหน้าจอครับ

สำหรับ Wide touch จะเป็นแผงการทำงานที่คล้าย ๆ Assistouch บนไอโฟนนี่แหละครับ เพียงแต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า

 
ปิด ท้ายกันไปด้วยโหมดประหยัดพลังงานตามสมัยนิยม ซึ่ง VIBE Shot ก็มีมาให้ใช้งานเหมือนกัน โดยในโหมด Ultimate ower Saver จะเป็นการเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ซึ่งจะตัดการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็น และใช้อินเตอร์เฟสแบบขาวดำเพื่อประหยัดพลังงาน รวม ๆ แล้วก็ไม่แตกต่างจากบางแบรนด์เพียงแค่ต่างในรูปแบบเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง


Hardware Test & Performance 

 
จากนี้มาดูกันต่อในส่วนของผลการทดสอบประสิทธิภาพของตัวเครื่อง VIBE Shot กันต่อเลยครับ

 

 
ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย AnTuTu Benchmark ได้ 39027 คะแนน
ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย Quadrant Standard  ได้ 24063 คะแนน

 
ผลทดสอบจาก PCMark ได้คะแนน 3863

 

 
ส่วน 3DMark ได้คะแนนที่ 182 (Bug Software)

 
Geekbench 3 ทำคะแนนในส่วนของ Single Core ที่ 677 และ Multi Core ได้ 2365

 
FXBench GL Benchmark ได้คะแนน Best Score – 354 Frames


 
ผลทดสอบความเร็ว ด้วย Velamo (Metal) ได้ 1175 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย Velamo (Multicore) ได้ 1853 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย Velamo (Browser Android WebView) ได้ 1779 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย Velamo (Chrome Browser) ได้ 2172 คะแนน


ผลทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย NenaMark 2 ได้ 59.0 เฟรม/วินาที

 
ภาครับ สัญญาณของ GPS ทำได้รวดเร็วพอประมาณครับ ทดสอบการจับสัญญาณโดยที่ไม่เชื่อมต่อดาต้า ทั้งในอาคารและนอกสถานที่ก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด

 
ผลทดสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch ได้สูงสุด 10 จุด

เซ็นเซอร์บน VIBE Shot เมื่อใช้โปรแกรม Android Sensor Box ตรวจสอบก็จะมีดังนี้

Accelerometer Sensor
Light Sensor
Orientation Sensor
Proximity Sensor
Sound Sensor
Magnetic Sensor

มาดูกันต่อในส่วนของคุณภาพรูปถ่ายจากกล้อง VIBE Shot

VIBE Shot มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ส่วนกล้องหลักด้านหลังให้ความละเอียดมา 16 ล้านพิกเซล มาพร้อมระบบ Infrared focus ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ triple-tone flash ไฟแฟลช 3 ดวง


เมนูอินเตอร์เฟสกล้องของ VIBE Shot จะเรียบง่ายตามภาพที่เห็นครับ



การปรับตั้งค่ามีมาให้ใช้งานอย่างครบถ้วน


จุดขายในส่วนของ Software ก็คือโหมด Smart composition



การ ทำงาน Smart composition หลัก ๆ แล้วจะมีความคล้ายคลึงกับโหมด Auto นี้แหละ เพียงแต่ฉลาดกว่า นอกจากเลือกซีนโหมดให้โดยอัติโนมัติ ยังมีไกด์ไลน์บอกให้เรารู้ว่าในสถานการณ์แบบไหน ควรเลือกการถ่ายอย่างไร เช่น ถ่ายภาพบุคคล โฟกัสใบหน้าเข้าหรือยัง หรือถ่ายอาหาร ควรถอยกล้องออกมาหรือเลื่อนเข้าไปใกล้วัตถุให้มากขึ้นเป็นต้นครับ


ส่วนโหมดโปร เข้าใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยปุ่มสวิทช์ที่อยู่ใกล้ ๆ ปุ่มชัตเตอร์

เมื่อ เลือกใช้งานโหมดโปร หน้าตาเมนูจะเปลี่ยนไปตามภาพตัวอย่าง ซึ่งเป็นการใช้ในแบบแมนนวนที่ต้องการกำหนดค่าต่าง ๆ เอง ได้แบบยืดหยุ่น เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีความรู้เรื่องกล้องและการถ่ายรูปมาบ้างพอสมควรครับ

 

 


และในโหมดโปรจะสามารถเลือกซีนโหมดได้ โดยมีซีน 5 รูปแบบให้เลือกใช้งาน

จาก นี้มาดูคุณภาพจากกล้องกันต่อครับ โดยผมจะใช้โหมดออโต้เป็นหลัก เพราะกล้องติดมือถือที่ดีจริง ควรจะฉลาดและหวังพึ่งได้ โดยที่เน้นความเร็วในการใช้งานเป็นหลัก หยิบขึ้นมาแล้วถ่ายเลย ไม่ต้องมาพะวงในการปรับตั้งค่าก่อนถ่ายทุก ๆ ครั้ง




3 รูปนี้ถ่าย Outdoor ในสภาพแสงที่ดีมาก คุณภาพที่ได้ก็ตามที่เห็นเลยครับ ถ้าแสงดี ๆ คมบาดใจกันไปเลย


เข้ามาภายในอาคารกันบ้าง สภาพแสงก็ไม่ได้แย่อะไร เป็น Indoor แบบปรกติ


ถ่ายบุคคลในสภาพแสงน้อย ก็ยังทำผลงานได้ดี (ถ้าโฟกัสเข้านะ)

จากนี้ดูกันแบบรวม ๆ ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก


ไวท์บาลานซ์ในโหมดออโต้ยังไม่แม่นเท่าไหร่ มีติดอมฟ้า อยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน


ถ่ายในที่แสงน้อยมาก ๆ แต่ก็ยังได้ภาพกลับมา ถือว่าสอบผ่านสำหรับการใช้งานในที่แสงน้อย


ทดสอบ triple-tone flash กันบ้าง เมื่อยิงแฟลชไปแล้วให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจครับ คือไม่สว่างจ้าและเกลี่ยแสงได้อย่างเหมาะสม


สองรูปนี้ถ่ายในที่แสงน้อยเช่นกัน สรุปคือ การยิงแฟลชของ VIBE Shot นั้นฉลาดมาก และใช้งานได้จริงครับ


ไม่ ได้เด่นเฉพาะกล้องหลัง แต่กล้องหน้าก็ทำได้ดีครับ ทั้งการวัดแสงและคุณภาพของตัวกล้องหน้า  และรวมไปถึงโหมดบิวตี้ก็ใช้งานง่าย ให้คุณภาพที่ดี เรียกว่าประทับใจสาว ๆ หรือคนที่ชอบการเซลฟี่อย่างแน่นอน

สรุปในส่วนของกล้อง บน VIBE Shot

พูดถึงจุดด้อยกันก่อน แม้จะมาพร้อมกับ Infrared focus แต่การใช้งานจริง มันค่อนข้างโฟกัสช้าไปสักนิด โดยเฉพาะการแตะเพื่อโฟกัสจะมีปัญหาหลุดหรือโฟกัสไม่เข้าบ่อยมาก ส่วนหนึ่งอาจจะมีผลมาจากตัว Software  ก็เป็นได้ และออโต้ไวท์บาลานซ์ยังไม่แม่นยำ หลากครั้งที่ไวท์บาลานซ์เพี้ยนทั้งอมฟ้าและอมแดง เมื่อเจอสภาพที่มีแสงแบบหลากหลายอย่างเช่นห้องสัมนาหรือห้องประชุมครับ

ส่วนข้อดีคือ เรื่องความคมและสีสันอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ โดยเฉพาะในการใช้งานสภาพแสงปรกติ ๆ หรือว่าเป็นแบบ Outdoor นี่หวังพึงพาได้เลย จึงเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ชูจุดขายเรื่องกล้อง แล้วทำได้ดีสมราคาคุย โดยเฉพาะตัว Hardware นั้นโดดเด่นและค่อนข้างจัดเต็ม มีปุ่มสลับโหมดโปรมาให้ ทำสะดวกในการใช้งานแบบแมนวน  คุณภาพโดยรวมทั้งกล้องหน้าและหลังผมให้สอบผ่านครับ

สรุป Lenovo VIBE Shot

ข้อดี

1. สเปคต่อราคาจัดว่าคุ้มค่ามาก
2. ดีไซน์สวย วัสดุดี งานประกอบแข็งแรง
3. โดดเด่นทั้งกล้องหน้า-หลัง คุณภาพโดยรวมนั้นดีมาก ให้อารมณ์ประมาณกล้องคอมแพค

สิ่งที่ต้องพิจารณา

1. ฝาหลังเป็นกระจก เก็บรอยนิ้วมือได้ง่าย และทำความสะอาดยาก
2. ตัวเครื่องมีความร้นสูง เมื่อใช้งานหนัก ๆ เช่นถ่ายรูปอย่างต่อเนื่องหรือว่าเล่นเกม
3. ยังมี bug ในส่วนของ Software อยู่บ้าง ต้องรอการอัพเดตแก้ไขในอนาคต

ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว Lenovo VIBE Shot แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^ 

สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ pdamobiz.com



ถูกใจบทความนี้  0