Oppo ปล่อยสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดพอดีมือ เอาใจคนชอบใช้งานมือเดียว พกไปไหนสบาย ไม่ต้องมีกระเป๋าห้วก็ได้ แถมมีกล้องที่ดี ทั้งใช้งานได้ 2 ซิมด้วย นั่นคือ Oppo R7 Lite ซึ่งสเปคตัวเครื่องเองก็ถือว่าเหลือเฟือกับหน้าจอ HD ขนาด 5 นิ้ว, Snapdragon 615 Octa-core, Ram 2GB ฉะนั้นการใช้งานรวดเร็วทันใจแน่ ส่วนกล้องก็จัดมา 13 ล้านพิกเซลแถมกล้องหน้าอีก 8 ล้านพิกเซล ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่เลย แต่จะดีจริงแค่ไหน เชิญอ่านต่อ……
Oppo R7 Lite Specifications:
– หน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (1280x720p 294ppi)
– Snapdragon 615 Octa Core (Quad-core 1.36 GHz Cortex-A53 & quad-core 1.0 GHz Cortex-A53)
– GPU Adreno 405
– Ram 2GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB
– รองรับ Micro SD Card สูงสุด 128GB (หากใช้ซิมการ์ดเดียว)
– รองรับ 2 ซิม (หากไม่ใช้ Micro SD Card)
– กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (เซ็นเซอร์ Schneider-Kreuznach), Dual Flash LED
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
– Android 5.1.1 Lollipop (Color OS2.1)
– ขนาดตัวเครื่อง 143 x 71 x 6.3 mm.
– น้ำหนัก 147 กรัม
– รองรับ VOOC ขาร์จแบตเตอรี่เร็วเพียง 30 นาทีก็ได้แบตเตอรี่มา 75% แล้ว
– ระบบเสียง Dirac HD ให้การฟังเพลงฟินทุกขณะเสียบหูฟัง
– แบตเตอรี่ขนาด 2,320mAh
– ราคา 10,990 บาท
1.พรีวิวตัวเครื่อง
Oppo R7 Lite ที่ได้มารีวิวเป็นตัวเครื่องสีขาวเนียนครับ หน้าตามาตามสไตล์ Oppo คือใช้ปุ่มสัมผัสด้านล่างสามปุ่มนะ มองดูตัวเครื่องนี่ดูยาวๆ ดี
อย่างไรก็ตาม R7 Lite ก็ได้ตามสไตล์รุ่นอื่นของ R7 Series มาเหมือนกันคือใช้โลหะเป็นวัสดุของตัวเครื่อง ซึ่งจะเห็นว่าด้านหลังเป็นสีเทา
ด้านบนหน้าจอมีลำโพงสำหรับสนทนา และกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซลทางซ้าย
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มสัมผัส 3 ปุ่มประกอบด้วย Menu Home Back
ด้านหลังมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซ,พร้อมไฟแฟลช LED 1 ดวงอยู่ทางด้านซ้ายบน และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา
ด้านล่างมีลำโพง
ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม.
ด้านซ้ายมีปุ่ม Power
ด้านขวามีปุ่มเพิ่มลดเสียง และช่องใส่ซิมการ์ด 2 ซิมหรือ Micro SD Card
ด้านล่างมีช่องเสียบสายชาร์จแบบ Micro USB และไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ลองถือ R7 Lite ดู ใช้งานมือเดียวสบายมากครับ ตัวเครื่องเล็ก บาง
2.User Interface, Fingerprint Scanner, Gesture, Music Player & Benchmark
User Interface (UI): Oppo ได้ทำ UI ของตัวเองมาตั้งแต่ต้นแล้วครับหรือก็คือมีการทำ UI ครอบของเดิมอีกทีนึง ซึ่งในส่วนของ Launcher นั้นจะเป็นแบบหน้า Home หน้าเดียวเลย ไม่มีหน้า App Drawer (ถ้านึกไม่ออกก็คือเหมือนกับ iPhone น่ะครับ) ฉะนั้นเราจะต้องจัดการเรียงแอพฯ จัดเข้า Folder รวมถึงใส่ Widget เอาเองที่หน้านี้เลย ไม่ต้องมาลากแอพมาสู่หน้า App Drawer เฉพาะแอพที่ใช้บ่อยๆ ครับ ซึ่งเอาจริงๆ มันก็สะดวกใช้ได้นะ
Status Bar
Status Bar: เรียบง่ยไม่มีอะไรแปลกไปจากเดิมครับคือลากลงมาจะเห็น Toggle ทางลัดในการเปิดปิด Wi-Fi, Bluetooth, etc. พร้อมเห็นการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เข้ามาในตัวเครื่อง แต่หากลากลงมาอีกครั้งจะเห็น Toggle ทั้งหมด
Theme Store
Theme Store: Oppo มีคลังแสงแห่ง Theme ให้เลือกสรรมากมายสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนหน้าตาของ User Interface ครับ
Gesture & Motion
Oppo จัดเต็มกับ Gesture มาเช่นเคยมีทั้ง Screen-off, Screen-on gesture และ Smart Call ดังนี้
Screen-off gesture:
– Double Tab to wake-up
– Draw O to start camera
– Music Control
– ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่ม screen off gesture ได้อีกนะ โดยเลือกเอาว่าจะวาดอะไรเพื่อเปิดอะไร
Screen-on gesture:
– Activate the camera with multi-finger (เปิดกล้องโดยการลากนิ้วสามนิ้วเข้าหากัน อันนี้ใช้ยากอยู่)
– Double tab to lock screen (แตะปุ่มโฮมสองครั้งเพื่อล็อคหน้าจอ)
– Gesture Screenshot (ใช้สามนิ้วปาดขึ้นหรือลงก็ได้เพื่อจับภาพหน้าจอ)
– Adjust Volume with two fingers (ใช้นิ้วสองนิ้วปาดขึ้นหรือลงเพื่อเพิ่มลดเสียง)
– Single-handed operation (ย่อขนาดหน้าจอลงมาเพื่อให้ใช้งานมือเดียวได้สะดวกยิ่งขึ้น)
Smart Call:
– Easy Dial (ขณะที่ดูรายชื่อคนไหนอยู่ หรือเปิดข้อความของคนนั้นอยู่แล้วเกิดอยากโทรหาขึ้นมา หยิบมาแนบหูจะโทรออกทันที)
– Auto-answer by motions (ขณะมีสายเข้าเอามาแนบหูก็เป็นการรับสายทันที)
– Switch the speaker by motions: (แนบหูก็เป็นโหมดใกล้หูพอเอาห่างหูก็เปิด speaker ทันที ขณะโทรศัพท์)
– Flip to mute (ขณะมีสายเข้าคว่ำซะ เสียงเรียกเข้าจะเงียบลง)
Music Player
Music Player: เครื่องเล่นเพลงของ Oppo เรียบง่ายและใช้งานง่าย เข้าไปก็เลือกเอาเลยว่าจะเล่นเพลงทั้งหมดหรือเพลงโปรด เสร็จก็จะจิ้มเพลงที่อยากฟังได้เลย ทั้งนี้ยังมาพร้อมโหมด Dirac HD Sound (ซึ่งใช้ได้เฉพาะตอนเสียบหูฟัง) ที่จะช่วยให้เสียงเพลงเวลาเราฟังนั้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ คือเรียกได้ว่าฟังเพลงบน Oppo แล้วนี่ฟินจริงๆ เสียงดนตรีมาครบ แม้จะเป็นรุ่น Lite แต่ความสามารถไม่เล็กตามเลย
Benchmark
ทดสอบประสิทธิภาพผ่านแอพ Benchmark ต่างๆ ได้ผลดังนี้
– Antutu: 32,464
– Geekbench: Single Core 620, Multi-Core 2172
– Quadrant: 21,648
– Multitouch 5 จุด
3.กล้องถ่ายรูป
Oppo R7 Lite มาพร้อมกล้องถ่ายรูปความละเอียด 13 ล้านพิกเซลและไฟแฟลช LED คู่ การโฟกัสก็ถือว่ารวดเร็วอยู่แม้จะไม่มี Laser Focus เหมือน R7 Plus ก็ตาม ส่วนหน้าตาการใช้งานกล้องก็เรียบง่ายเช่นเคยครับ มีโหมดให้เลือกถ่ายรูปมากมายเช่นเคย
แต่ Oppo ไม่ได้ยัดโหมดถ่ายรูปมาเต็มเครื่องเหมือนแต่ก่อนครับ แต่จะใส่มาเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งโหมดอื่นๆ ที่เคยนำเสนอมานั้นเราสามารถไปเลือกโหลดเพิ่มเอาเองได้ด้วยครับ เช่น Super Macro, Ultra HD, Raw, Expert Mode, ฯลฯ
กล้องหน้ายังคงมาพร้อมกับโหมด Beauty หน้าสวยสุดเทพเช่นเคย ซึ่งก็สามารถปรับได้ตั้งแต่ 0 – 100% เลยทีเดียว อยากเสริมความสวยกันแค่ไหนก็จัดไปตามสะดวก แต่ผมชอบโหมด Beauty ของ Oppo นะครับ หน้าใสแบบไม่หลอกลวงมากดี ฮ่าๆ
…
จากนั้นขอเชิญชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องเช่นเคยครับ ทุกภาพไม่ได้มีการตกแต่งใดๆ เพิ่มนอกจากลดขนาดลงและใส่ลายน้ำเข้าไปครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Oppo R7 Lite
ภาพบนโหมด Auto ภาพล่างโหมด HDR
ภาพบนโหมด Auto ภาพล่างโหมด HDR
ภาพพาโนรามาสามารถจิ้มเข้าไปดูรายละเอียดภาพได้เลยนะครับ
4.การเล่นเกมส์
ทดสอบเล่นเกมส์บน Oppo R7 Lite ด้วยเกมส์ 2 เกมส์คือ Line Cookie Run และ Modern Combat 5 ซึ่งเอาจริงๆ โดยสเปคแล้วบอกเลยว่าหายห่วงมากเรื่องการเล่นเกมส์เพราะใช้ Snapdragon 615 Octa-Core, GPU Adreno 405, Ram 2GB ซึ่งเหลือเฟือมากสำหรับการเล่นเกมส์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นชิปเซ็ตตลาดทำให้ไม่ต้องกังวลว่าเกมส์จะไม่รองรับอีกด้วย
ซึ่งผลทดสอบจากการเล่นเกมส์ก็ปรากฎอย่างที่คาดครับคือเล่นได้ลื่นดี ไม่มีกระตุกเลยทั้งสองเกมส์ แม้จะเล่นเกมส์ Modern Combat 5 ที่เป็นเกมส์เดินลุยๆ ฟันๆ และต้องใช้กราฟฟิค 3D งามๆ ก็ตามก็สามารถทำได้ดี ลื่น สบาย
สรุป: Oppo R7 Lite เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟน R Series ของ Oppo ซึ่งจากการใช้งานได้สักอาทิตย์ ตัวเครื่องสามารถใช้งานทั่วไปได้สบายๆ รอมดี ลื่นอยู่ แต่ด้วยตัวเครื่องที่บาง และชิปเซ็ต 615 หากใช้งานนานๆ ติดต่อกันอาจรู้สึกถึงความอุ่นของตัวเครื่องบ้าง ทั้งนี้กล้องถ่ายรูปก็สามารถถ่ายรูปได้ดี โฟกัสค่อนข้างเร็ว กล้องหน้าคุณภาพเยี่ยมเหมือนรุ่นพี่อย่าง R7 Plus แต่แบตเตอรี่ไม่เยอะเท่าไหร่ ฉะนั้นหากใครรู้ตัวว่าใช้งานหนักก็เตรียมพก Power Bank กันได้ แต่หากใช้ทั่วไป เล่น Line บ้าง Social บ้าง เว็บบ้าง ก็อาจจะพอรอดทั้งวันได้ครับ
ข้อดี
– หน้าจอ สีสันสดใส คมชัด ความละเอียดพอดีทำให้ตัวเครื่องไม่ต้องทำงานหนักเกินไป
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม หรือจะใช้ ซิมเดียวพร้อม Micro SD Card ก็ได้
– งานประกอบตัวเครื่องแน่นดี วัสดุแข็งแรงมาก คิดว่าเอาสันเครื่องไปฟาดใครน่าจะเจ็บ ฮ่าๆ
– กล้องถ่ายรูปจัดมาเต็มทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง
– ฟังเพลงผ่านหูฟังเสียงดีมากด้วยระบบ Dirac HD Sound
ข้อเสีย
– ตัวเครื่องลื่นไปนิด จับไม่ดีมีหลุดร่วงได้
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Oppo Thailand ที่ให้ยืมเครื่องมารีวิวครับ
เพื่อนๆ สมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นกันได้ ที่นี่
ถูกใจบทความนี้ 3
Comments are closed.