บทสรุปประเด็นหลักในการสัมภาษณ์ เจฟฟรี เพย์น Jeffrey Paine

  วันที่ 16  กันยายน ที่ผ่านมา ทางดีแทคเชิญสื่อมวลชนมาร่วมรับฟัง การสัมภาษณ์พิเศษ คุณ Jeffrey Paine เจฟฟรี เพย์น ในประเด็น “Startup แบบไหนที่ VC อยากจะลงทุน” ซึ่งทางเว็บ PDAMobiz ของเราก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน จึงขอสรุปในประเด็นการสัมภาษณ์ครั้งมาฝากเหมือนเช่นเคยครับ

เจฟฟรี เพย์น ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทลงทุน Golden Gate Ventures เคยเรียนและทำงานที่อเมริกามาก่อนและลงทุนในบริษัท Startup มากมายทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเป็นผู้อยู่ในยุคแรกๆของวงการ Startup ในประเทศสิงคโปร์

·       Golden Gate Venture เป็นบริษัทกองทุนที่ลงทุนใน Startup ช่วงเริ่มต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวกองทุนในปี 2012 และลงทุนไปแล้วกว่า 25 บริษัททั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

·       Golden Gate Venture มีแผนที่จะลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยหลังจากระดมทุนได้กว่า 50ล้านเหรียญสหรัฐ

·       ปัจจุบัน Golden Gate Ventures ได้ลงทุนกับ Startup ในประเทศไทยไปแล้ว 4 รายและ 1 ในนั้นคือ Claim Di ซึ่งมาจาก dtac Accelerate Batch ที่ 2 นั่นเอง

·       Golden Gate Ventures มองว่าการที่ Startup ไทยเน้นรุกตลาดภายในประเทศก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนั้นยังมองว่าการที่ SME ไทยเริ่มออกมาทำ Startup เองนั้นเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองเช่นกัน

·       สิ่งที่เจฟฟรี จะแนะนำให้ Startup ไทย มี 2 เรื่อง คือ การใช้ภาษาอังกฤษ และต้องเดินทางให้มากขึ้น เพื่อสร้าง Connection กับนักลงทุนในต่างประเทศและจะได้มีประสบการณ์ในโลกกว้างมากขึ้น

·       เจฟฟรี กับมุมมองที่กล่าวว่า Startup ต้องขายบริษัทหรือไม่? สำหรับนักลงทุนเป้าหมายนี้เป็นความเสี่ยงหรือไม่? เจฟฟรีมองว่าในความเป็นความจริงแล้วก็คือการขายออกไปนั่นหมายถึงบริษัทนั้น มีมูลค่ามากขึ้น จึงเห็นว่านั่นไม่ใช่ความเสี่ยง ในฐานะนักลงทุน เค้าส่งเสริมให้ Startup  ใช้เวลา ทำธุรกิจนานๆ 5 – 10 ปี หรือนานกว่านั้น เพื่อให้เติบโต

·       ในมุมมองของเจฟฟรี บริการด้านไหนที่สนใจ ตอนนี้สิ่งที่สนใจคือด้าน  Mobile VDO โดยเฉพาะในเมื่อไทยที่ตลาดนี้ใหญ่มาก ที่มีการผสมฟังชั่น SNS (Social Network Service)  อยู่ด้วย รวมทั้งยกตัวอย่าง Chat service ที่นิยมมากในเวียดนามชื่อว่า Zalo รวมถึงการพัฒนาบริการต่อยอดกับ Platform ที่มี open API เช่น Line ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่ภูมิภาคนี้

·       ความคิดเห็นของ เจฟฟรี กับทีมที่ร่วมโครงการ dtac Accelerate Bootcamp Batch ที่ 3 ทั้ง 6 ทีม เจฟฟรี มองว่าจาก 6 ทีม มี 3 ทีมที่น่าสนใจซึ่ง Founder เป็น SME ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆมานาน ทั้ง 3 เป็นบริการ B2B และเค้าคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะลงทุน 2 จาก 3 ทีมนั้น นอกจากนั้นยังให้ความเห็นว่าทุกทีมล้วนมีศักยภาพเพียงแต่อาจจะต้องปรับแผน บางอย่างเล็กน้อยก็มีความเป็นไปได้ที่จะไปได้อีกไกล

·       สำหรับการที่เจฟฟรีจะเลือกลงทุนใน Startup รายไหนนั้นเวลาเลือกจะดูที่ 1. Motivation หรือแรงบันดาลใจเป็นหลัก หลังจากที่สนใจในตัวธุรกิจแล้วก็จะมานั่งคุยกันต่อว่าอะไรคือ Motivation ในทำธุรกิจนี้ขึ้นมา 2. คือ Vision สตาร์ทอัพต้องมีวิสัยทัศน์ และทีมต้องเห็นพ้องกับวิสัยทัศน์นั้นและมีความมุ่งมั่นไปด้วยกัน 3. คือการ Hiring People การมองหาคนประเภทเดียวกัน ที่พร้อมจะเติบโตฝ่าฟันไปด้วยกัน 4. มี Focus ความมุ่งมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และทำให้ดีที่สุด

·       เจฟฟรีมองเห็นศักยภาพในการลงทุนกับสตาร์ทอัพในไทย เพราะตลาดไทยมีจำนวนประชากรมาก มี SME จำนวนเยอะ ที่พร้อมพัฒนาธุรกิจ จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันตลาดสตาร์อัพไทยให้โต

·       ในภูมิภาคนี้ทาง Golden Gate มีการลงทุนกระจายอยู่ในทุกประเทศ และกำลังสนใจประเทศเมียนมา เพราะเห็นว่าชาวเมียนมาที่มาเรียนที่สิงคโปร์ ก็พร้อมที่จะกลับไปพัฒนาประเทศของตน และโครงสร้างพื้นฐานของเมียนมาก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาแล้ว

·       ถ้าให้เจฟฟรีจัดอันดับการลงทุนในภูมิภาคนี้  3 อันดับ คือ 1. อินโดนีเซีย 2. สิงคโปร์ 3. มาเลเซีย และประเทศไทย

สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ pdamobiz.com

สุดท้ายขอขอบคุณทางดีแทคที่เชิญไปร่วมงานครับ

 



ถูกใจบทความนี้  0