วางขายมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วครับ สำหรับสมาร์ทโฟนน้องใหม่ จากอดีตทีมผู้บริหารค่าย Apple โดย Obi Worldphone SF1 มีความโดดเด่นและน่าสนใจหลาย ๆ ด้าน ทั้งงานดีไซน์ที่ค่อนข้างฉีกแนวกว่าชาวบ้านชาวช่อง อีกทั้งสเปค วัสดุ ฟีเจอร์ รวมไปถึงราคาวางจำหน่ายก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เรียกว่าชั่วโมงนี้ชื่อของ Obi เริ่มจะเป็นที่รู้จักในบ้านเราบ้างแล้ว และในวันงานเปิดตัวผมได้ไปร่วมงานและพรีวิวให้ชมกันคร่าว ๆ ไปแล้ว http://goo.gl/vVUlX4 วันนี้มารับชมกันต่อกับ Full Review ครับ
สเปคเบื้องต้นของ Obi Worldphone SF1
- หน่วยประมวลผล Qualcomm® MSM8939 Snapdragon™ 615 (Octa Core) ความเร็ว 1.5GHz
- หน่วยความจำภายใน 16GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุดที่ 64GB
- แรม : 2GB
- จอแสดง ผล : ชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P, กระจก Corning® Gorilla® Glass 4; Oleophobic Coating; Fully-laminated OGS (One Glass Solution)
- การเชื่อมต่อ 2G : 850/900/1800/1900 MHz
- การเชื่อมต่อ 3G : 850/900/1900/2100 MHz
- การเชื่อมต่อ 4G LTE FDD B3 1800 MHz & TDD B40 2300 MHz
- รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/, Bluetooth V. 4.0
- กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + LED แฟลช + เซ็นเซอร์ Sony Exmor IMX214 + ค่ารูรับแสง f/2.0
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล + LED แฟลช
- ขนาดตัวเครื่อง 146*74*8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 147 กรัม
- แบตเตอรี่ Li-Po ความจุ 3000 mAhราคาวางจำหน่าย 7,290 บาท (ผ่าน Lazada เท่านั้น)
สเปคโดยละเอียดสามารถดูได้จาก official page Obi Worldphone SF1 specification
Packaging & Accessories
ตัว กล่องมาในทรงยาวโดยใช้พลาสติกใสเป็นวัสดุหลัก ทำให้มองเห็นตัวเครื่องได้รอบด้านแบบ 360 องศา ด้านล่างของกล่องมีสติกเกอร์ห่อหุ้มไว้โดยแปะชื่อแบรนด์และรุ่นไว้ที่ ด้านหน้า
ส่วน ด้านหลังจะเป็นสเปคของตัวเครื่องแบบย่อ ๆ การเปิดกล่องต้องแกะสติ๊กเกอร์ด้านล่างออกมาก่อนนะครับ ถึงจะเปิดกล่องออกมาได้ ซึ่งดูวุ่นวายไปหน่อย สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะประกอบไปด้วย
1. ตัวเครื่อง Obi Worldphone SF1
2. อแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบสามขา / สาย Micro USB ซิงค์และชาร์จไฟ
3. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
4. เข็มจิ้มถาดซิม
นอก จากตัวกล่องที่ออกแบบได้ดูแหวกแนวแล้ว ในส่วนของอุปกรณ์เสริมก็ใส่ใจในรายละเอียดเช่นกัน อย่างเช่นสายชาร์จและเข็มจิ้มถาดซิม ที่ออกแบบได้น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง สำหรับสิ่งที่ขาดหายไปไม่ได้ให้มาก็คือชุดหูฟังสมอลทอร์ค ตรงนี้ต้องหาซื้อมาใช้เองต่างหากครับ
Design & Hardweare
ดี ไซน์เมื่อแรกเห็นต้องบอกว่าดูโดดเด่นสะดุดตาครับ เริ่มจากกระจกหน้าจอที่ถูกยกสูงขึ้นจากขอบเฟรมของตัวเครื่อง ขอบด้านบนตัดเรียบในขณะที่ด้านล้างจะโค้งมน เมื่อดูรวม ๆ แล้ว ให้ความรู้สึกที่กลมกลืนดีครับ แม้บางสิ่งบางอย่างจะดูแปลก ๆ ไปบ้าง และเชื่อว่าเรื่องความสวยงาม ขึ้นอยู่กับรสนิยมและมุมมองของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว สำหรับผมขอตอบว่ามันดูสวยแบบแปลก ๆ นั่นเองครับ
วัสดุหลักของ Obi Worldphone SF1 จะเป็นไฟ เบอร์กลาส ส่วนขอบบน-ล่างจะใช้วัสดุที่เป็นโลหะ ตัวเครื่องเป็น Unibody ถอดฝาหลังเปลี่ยนแบตเตอรี่เองไม่ได้นะ ในส่วนของฝาหลังจะเคลือบสารป้องกันเอาไว้ ทำให้ไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือและทำความสะอาดได้โดยงาน ฟิลลิ่งในการจับถือ ให้ความรู้สึกที่ไม่กระชับเข้ามือสักเท่าไหร่ และมีโอกาสลื่นหลุดมือได้ง่ายเหมือนกัน
Ammunition เป็นสตูดิโอที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ และเป็นทีมผู้ออกแบบ Obi Worldphone SF1 เมื่อดูที่ด้านหลังจะเห็นว่าพิมพ์บอกไว้ว่าดีไซน์ใน “ฟรานซิสโก” แต่แน่นอนว่าฐานการผลิตก็ไม่พ้นพี่จีนอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมากเพราะถือเป็นเรื่องปรกติของวงการนี้
Obi Worldphone SF1 มาพร้อมจอแสดงผล IPS ขนาด 5 นิ้วความละเอียด Full HD 1080P ตัวกระจกเป็นกระจกป้องกันรอยขีดข่วน Corning® Gorilla® Glass 4 ซึ่งในราคานี้ส่วนใหญ่จะให้แค่เวอร์ชั่น 3 ทำให้วัสดุหลักของ Obi Worldphone SF1 ดูมีความเป็นพรีเมี่ยมมากขึ้นเมื่อเทียบกับราคาวางจำหน่าย
มาสำรวจการ จัดวางเลย์เอาท์ต่าง ๆ ของ Obi SF1 กันครับ เริ่มจากด้านหน้า ซ้ายมือคือไฟแฟลชกล้องหน้าและตามด้วยลำโพงสนทนา ถัดมาคือชุดเซ็นเซอร์ต่าง ๆ และทางด้านขวามือสุดคือกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดมา 5 ล้านพิกเซล สำหรับ 3 ปุ่มควบคุมมาตรฐานของระบบ จะเป็นแบบ On Screeen Button คือรวมอยู่ในหน้าจอนั่นเอง
ด้านหลังของตัวเครื่อง Obi Worldphone SF1 มาพร้อมกับกล้องหลักด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์จาก Sony IMX214 Exmor มีค่ารูรับแสง f/2.0 จัดวางตำแหน่งอยู่มุมซ้ายบนและมีไฟแฟลชมาให้ใช้งาน 1 ดวง
ด้าน บนมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และไมค์ตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ตไมโครยูเอสบีและลำโพงหลักของตัวเครื่อง ช่องลำโพงแม้จะมีทั้งสองฝั่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วลำโพงเป็นโมโนนะครับ ไม่ใช่ลำโพงคู่สเตอริโอแต่อย่างใด เรื่องความดังก็โอเคครับ เมื่อเร่งเสียงจนสุดรู้สึกจะมีอาการแตกพร้าอยู่เล็กน้อย แต่ในเรื่องของความสวยงามต้องยอมรับว่าออกแบบดีไซน์ได้ลงตัวดีมากครับ
ฝั่ง ซ้ายมือของตัวเครื่องด้านบนจเป็นปุ่มปรับระดับเสียงและตามด้วยปุ่ม เปิด/ปิด เครื่อง ตัวปุ่มดีไซน์โค้งมนและนูนออกมาจากขอบเล็กน้อยเพื่อให้กดใช้งานได้อย่าง สะดวกคล่องตัว สำหรับฝั่งขวามือจะมีเพียงช่องถาดซิมเท่านั้น
ตัว ถาดซิมจะเป็นแบบไฮบริด คือรองรับทั้งการใช้งานในแบบ 2 ซิมการ์ด หรือจะใช้งาน 1 ซิมการ์ดร่วมกับตัวหน่วยความจำภายนอก Micro SD Card
Software & Featere
Obi Worldphone SF1 ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในเวอร์ชั่น 5.0.2 lollipop และครอบทับด้วย Lifespeed UI ซึ่งเป็น User Interface ที่พัฒนาโดยค่าย Obi
แอ พพิเคชั่นหลักไม่แตกต่างไปจากแอนดรอยด์โฟนทั่ว ๆ ไป ที่น่าสนใจคือทางค่าย Obi บันเดิลแอพของไมโครซอฟท์มาให้ด้วยทั้ง word , excel , powerpoint
มา ดูฟีเจอร์ที่น่าสนใจกันต่อ เราสามารถตั้งค่าปุ่มต่าง ๆ ให้ทำงานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่นวางสายด้วยปุ่ม power, กดค้างที่ปุ่มโฮมเพื่อเปิด-ปิดเมนูเป็นต้น
สำหรับ Smart Function จะเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานจริงของชีวิตประจำวัน เช่นการพลิกตัวเครื่องเพื่อปิดเสียง, โบกมือผ่านเซ็นเซอร์เพื่อเลื่อนหน้าแอพดรอเวอร์หรือแกลลอรี่, โบกมือผ่านเซ็นเซอร์เพื่อจับภาพหน้าจอเป็นต้น แต่จากการทดลองใช้งานจริงพบว่าบางฟังก์ชั่นยังไม่สามารภใช้งานได้ครับ อาจจะเป็นด้วยเรื่องของรอมและตัวเครื่องที่ผมได้รับมานั้นเป็นเครื่องทดสอบ ยังไม่ใช้ตัวที่วางจำหน่ายจริงก็เป็นได้
Obi Worldphone SF1 พกความจุแบตเตอรี่มาที่ 3000 mAh การใช้งานทั่ว ๆ ไปอยู่ในเกณฑ์ปรกติ ไม่ได้อึดอะไรมากมาย แต่มีข้อดีคือรองรับ Quick Charge ช่วยให้การชาร์จแบตได้ไวขึ้น
อีกหนึ่งจุดขายก็คือระบบเสียงครับ Obi Worldphone SF1 มาพร้อมกับ Dolby Audio ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในด้านมัลติมีเดียได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งจากตัวลำโพงและชุดหูฟัง
มี FM มาให้ใช้งานด้วยนะ โดยรองรับทศนิยมแบบหนึ่งจุด ภาครับสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง สำหรับแอพ Multimedia โดยรวมไม่มีโดดเด่นอะไรนะครับ เพราะเป็นแอพพื้นฐานของ Google เช่น Music , Gallery , VDO Player คือไม่ใช่แอพที่พัฒนาโดยตรงจากทางค่าย จึงขอละไว้เพราะแอพพวกนี้ถือว่าเป็นเบสิคประจำเครื่องอยู่แล้ว
Performance
สำหรับ ผลคะแนนอาจจะไม่ได้แรงมากมายนัก ส่วนหนึ่งเนื่องจากตัวชิปเซ็ต Snapdragon 615 นั่นเอง ในการใช้งานจริงภาพรวม Obi Worldphone SF1 มีความลื่นไหลดีครับ ไม่เจอปัญหาหนัก ๆ หรือ Bug ร้ายแรงอะไร แต่ก็มีบ้างที่แล็คที่สะดุดซึ่งเป็นเรื่องปรกติของทางฝั่งแอนดรอยด์อยู่แล้ว ตรงนี้ถ้าปรับปรุงและปรับแต่ง Firmwareอีกนิดจะลงตัวมากยิ่งขึ้นเลยครับ
Camera & Sample
Obi Worldphone SF1 โปรโมตและชูจุดขายในเรื่องกล้องด้วยนะครับ ทั้งกล้องหน้าและหลัง เริ่มตั้ง Hardware ที่ใช้เซ็นเซอร์จากค่ายโซนี่ ในรุ่น IMX214 Exmor และมีค่ารูรับแสง f/2.0 และออโต้โฟกัสแบบไฮบริด ทางฝั่ง Software ก็มีจุดเด่นตรงโหมดถ่ายภาพจากทางค่าย Qualcomm ประกอบไปด้วย 3 โหมดหลักตามนี้
1. Qualcomm® ChromaFlash™ เป็น การถ่ายภาพที่ใช้เทคนิคการรวมภาพจากการเปิดแฟลชและปิดแฟลชเข้าด้วยกัน ซึ่งระบบจะนำเอาแสงจากภาพที่มีแฟลชมาผสมผสานกับสีภาพจริงจากภาพที่ไม่มีแฟลช เพื่อให้เกิดภาพถ่ายที่ให้ความสมจริงที่สุด
2. Qualcomm® UbiFocus™ สามารถปรับโฟกัสหลังจากถ่ายภาพได้ด้วยฟีเจอร์นี้ ทำให้เราสามารถทำภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ง่าย ๆ นั่นเอง
3. Qualcomm® OptiZoom™ เอาสั้น ๆ คือเป็นระบบซูมโดยไม่ทำให้ภาพแตก
Uset Interface คุ้น ๆ ตาใช่มั้ยครับ
อยากบอกว่าเป็น Camera app ที่เราเห็นกันในแบรนด์ไอโมบายบางรุ่นนั่นเอง
ฉะนั้นจึงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก มาทดสอบการใช้งานจริงกันเลยดีกว่า
และ เหมือนเช่นเคยที่ผมจะให้ความสำคัญไปที่โหมด Auto เป็นหลัก เพราะการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เราจะใช้โหมดนี้กันอยู่แล้ว และเป็นการวัดคุณภาพจากฝั่ง Software ของตัวแบรนด์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ
กล้อง หน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และมีไฟแฟลชมาให้ใช้งานตามสมัยนิยม เพียงแต่ไม่มีโหมดบิวตี้มาให้ใช้งานนะ คุณภาพโดยรวมถ้าสภาพแสงดี ๆ ก็ถือว่าคมใช้ได้ เก็บรายละเอียดยิบย่อยได้เป็นอย่างดี ส่วนในที่แสงน้อยยังไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่ครับ
สรุป กล้องหน้าและหลัง คุณภาพกล้องหลังทำได้ค่อนข้างดีครับ ทั้งการโฟกัสและความไวในการบันทึก สำหรับคุณภาพไฟล์ ถ้าได้แสงดี ๆ ก็คมใช้ได้ แต่ในสภาพแสงน้อยยังไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนกล้องหน้าให้ฟิลลิ่งคล้าย ๆ กันครับ
สรุป Obi Worldphone SF1
ข้อดี
1. ดีไซนส์โดดเด่นสะดุดตา
2. วัสดุพรีเมี่ยมและงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงดีมาก
3. สเปคต่อราคาวางจำหน่าย จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความคุ้มค่า
4. ฟีเจอร์และประสิทธิภาพโดยรวมมีความน่าสนใจและสามารถตอบทุกโจทย์การใช้งาน
สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. จำหน่ายผ่านทาง Lazada เท่านั้น
2. ตัวเครื่องมีความกว้างไปสักเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหน้าจอ 5 นิ้วในรุ่นอื่น ๆ
3. อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ หายากในบ้านเรา
ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว Obi Worldphone SF1 แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^
สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ โดยคลิ๊กที่ลิงก์นี้ครับ >>> pdamobiz.com
You must be logged in to post a comment.