เปิดตัวและวางจำหน่ายกันมาสักพักแล้วครับ สำหรับ ZTE Blade S7 เพียงแต่ตอนนี้มีวางจำหน่ายที่ jaymart และ TG Phone เท่านั้น รวมไปถึงมีเฉพาะสีเขียวมะนาวเพียงสีเดียวที่เข้ามาทำตลาดในปีนี้ ส่วนสีดำ, ขาว และสีทองจะตามมาในช่วงปีต้นปีหน้าครับ สำหรับ ZTE Blade S7 มีจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ วัสดุงานประกอบ รวมไปถึงสเปคที่ค่อนข้างจัดเต็มในราคาที่จับต้องได้ หลังจากดูพรีวิวและคลิปอันบ็อกซ์กันไปแล้ว วันนี้มารับชมกันต่อกับ Full Review เหมือนเช่นเคยครับ
ขอขอบคุณ ZTE Thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ
สเปคเบื้องต้นแบบย่อ ๆ ของ ZTE Blade S7
~ OS : เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.1 (Lollipop) ครอบทับด้วย MiFavor 3.2 UI
~ ชิปเซ็ต : CPU Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 (Octa Core) ความเร็ว 1.5GHz
~ ROM 32GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุดที่ 64GB
~ RAM 3GB
~ จอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P, กระจกโค้ง 2.5D
~ การเชื่อมต่อ 2G : 850/900/1800/1900 MHz
~ การเชื่อมต่อ 3G : 850/900/1900/2100 MHz
~ การเชื่อมต่อ 4G LTE 800/900/1800/2100 MHz
~ รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
~ การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth V. 4.0
~ กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + แฟลช + เลเซอร์โฟกัส
~ กล้องด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + แฟลช + PDAF โฟกัส
~ ขนาดตัวเครื่อง 142 x 67 x 7.2 มิลลิเมตร
~ น้ำหนัก 131 กรัม
~ แบตเตอรี่ Li-Po ความจุ 2500 mAh
ราคาวางจำหน่าย 11,990 บาท
สเปคโดยละเอียดสามารถดูได้จาก official page ZTE Blade S7 specification
ตัวกล่องมาในแบบเรียบ ๆ มีขนาดกะทัดรัด และเลือกใช้โทนสีขาวมุกดูสะดาดตา
ด้านหลังแปะสเปคพอสังเขปมาให้อ่านผ่านตากันนิดหน่อย
อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย
* คู่มือการใช้งานอย่างย่อ
* ใบรัปประกันสินค้า
* เข็มจิ้มถาดซิม
* อแดปเตอร์ชาร์จไฟ แบบขาแบน ให้ Output มาที่ 1000.mA
* สาย Micro USB
บอดี้ มาในสไตล์ Metal unibody โครงสร้างของเฟรมจะเป็น Aluminium Alloy และครอบทับด้วยวัสดุกระจกทั้งหน้า-หลัง จุดขายอยู่ตรงที่ขอบจอนั้นบางเฉียบมาก ๆ ส่งผลให้ตัวเครื่องมีขนาดที่ไม่ใหญ่เมื่อเทียบ size by size ในรุ่นขนาดหน้าจอ 5 นิ้วด้วยกัน
เมื่อ พูดถึงภาพรวมแล้ว ZTE Blade S7 เลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยม มีงานประกอบที่เรียบร้อยแข็งแรง แต่ด้านดีไซส์ยังมีกลิ่นอายที่ดูแล้วได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้าตลาดอย่าง iPhone อยู่บ้าง ส่วนที่น่าชื่นชมคือมาพร้อมสีที่ตอบโจทย์วัยรุ่นวัยทำงานได้เป็นอย่างดี โดยสีของ ZTE Blade S7 นั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 สี คือ สีเขียวมะนาวที่ได้มารีวิวในวันนี้ และสีขาว, ดำ, และทอง จะตามมาในช่วงต้นปีหน้าครับ
มาสำรวจ Hardware ภายนอกของ ZTE Blade S7 กันต่อเลยนะครับ
ด้านบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไมค์ตัดเสียงรบกวนและช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ด้าน ล่างของตัวเครื่อง มองผ่านๆ จะเห็นช่องลำโพงคู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นลำโพงแบบโมโนนะครับ โดยด้านซ้ายจะเป็นลำโพงหลัก ด้านขวาจะเป็นไมค์สนทนา ส่วนตรงกลางเป็นพอร์ต Micro USB ซิงค์และชาร์จไฟตามปรกติ
ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องจะเรียบ ๆ โล่ง ๆ ไม่มีพอร์ตหรือปุ่มใด ๆ
และการตัดขอบของตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบเจียรขอบให้ดูแวววาวรอบตัวเครื่องเลยครับ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
สำหรับฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงและ ปุ่ม Power
ถัด ลงมาเป็นช่องถาดซิม 2 ที่เป็นแบบไฮบริด คือรองรับการใช้งานที่ต้องเลือกระหว่างนาโนซิมหรือ Micro SD Card สุดท้ายคือถาดซิม 1 ที่ใช้ซิมชนิด Micro Sim
ZTE Blade S7 มาพร้อมกับหน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ตัวกระจกเป็นแบบโค้ง 2.5D หน้าจอสวยใสสมจริงตามสไตล์พาเนล IPS และการใช้งานกลางแจ้งก็ทำได้ดีโดยมีฟีเจอร์ Adaptive brightness เป็นตัวขับเคลื่อน
กล้อง หน้าจัดเต็มด้วยความละเอียด 13 ล้านพิกเซลเท่าด้านหลัง แถมยังมีระบบโฟกัสแบบ PDAF มาให้ใช้งานด้วยนะ ธรรมดาซะที่ไหน อ้อ!.. สิ่งสุดท้ายที่เกือบลืมบอก ZTE Blade S7 มาพร้อมไฟแฟลชกล้องหน้าเพื่อเอาใจคอเซลฟี่กันด้วยแหล่ะ
ด้าน ล่างของตัวเครื่อง ปุ่มโฮมที่มาพร้อม Fingerprint Sensor หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วนปุ่ม recent app และปุ่ม Back นั้นอยู่ข้าง ๆ ปุ่มโฮมเหมือนเดิม และจะมีไฟ backlight มาให้ใช้งาน เพียงแต่จะไม่มีการพิมพ์สัญลักษณ์ไอค่อนบอกไว้บนปุ่มนะครับ
ด้านหลังเป็นกระจก curve 2.5D เหมือนด้านหน้า
กล้อง หลักด้านหลังให้ความละเอียดมาที่ 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเลเซอร์โฟกัสและ LED Flash 1 ดวง คุณภาพจากกล้องดูได้ที่ท้ายบทความครับ
ในส่วนของการสำรวจ Hardware ภายนอกของตัวเครื่องก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้
คราวนี้มาดูกันต่อในส่วนของ Software อีกนิดหน่อยครับ
ZTE Blade S7 เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 5.1.1 (Lollipop) และครอบทับด้วย User interface ” Mifavor 3.2″ สำหรับพื้นที่ของ ROM 32GB จะเหลือให้ใช้งานจริงราว ๆ 25GB กว่า ๆ
สำหรับ UX – UI ตามที่บอกกล่าวในต้อนต้นคือมาพร้อมกับ Mifavor 3.2 ซึ่งเป็น launcher ที่ถูกพัฒนาโดยค่าย ZTE จุดเด่นคงไม่มีอะไรที่ชัดเจน แต่สไตล์คือบอกได้เลยว่ามันเหมือนกับแบรนด์จากสัญชาติเดียวกันที่นิยมมาใน สไตล์ iOS คือไม่มีหน้า App drawer นั่นเองครับ
ใน ส่วนแอพพลิเคชั่น แอพที่พัฒนาจากทางค่ายอาจจะมีไม่มากนักส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การบันเดิล Third party app ซึ่งส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดได้จากสโตร์อยู่แล้ว ภาพรวมในฝั่งแอพพลิเคชั่นจึงต้องบอกว่าไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก
มาดูกันต่อที่ฟีเจอร์ทีมีมาให้ใช้งาน ZTE Blade S7
Gesture & motion ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ผู้ใช้งานน่าจะคุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว เพราะแบรนด์อื่น ๆ เขามีมาให้ใช้งานมายาวนานแล้วนั่นเอง เช่นการการวาดบนหน้าจอเพื่อเรียกแอพพลิเคชั่น หรือการเคาะจอ, การทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เป็นต้น
สำหรับ Custom bottom key นั้นน่าสนใจดีครับเพราะว่า 3 ปุ่มเนวิเกเตอร์ของ ZTE Blade S7 ไม่ใช่แบบ On Screen แต่เป็น capacitive button การปรับย้ายตำแหน่งได้ จึงทำให้การใช้งานนั้นมีความยืดยุ่นมากขึ้น
SkyEye เป็นฟีเจอร์การปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนม่านตา เท่าที่ทดสอบจากการใช้งานจริง SkyEye ทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็วและแม่นยำดีมากเลยครับ
สุด ท้ายเป็นฟีเจอร์ฮิตของยุคนี้ในการรักษาความปลอดภัย ก็คือระบบการสแกนลายนิ้วมือนั่นเอง จุดเด่นของระบบสแกนลานิ้วมือบน ZTE Blade S7 คือ สามารถใช้งานได้มากกว่าการปลดล็อคครับ โดยสามารถล็อครูปภาพเพื่อความเป็นส่วนตัว ล็อคแอพหรือเรียกแอพใช้งานได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วสัมผัส
สรุปคือระบบสแกนลายนิ้วมือบน ZTE Blade S7 นั้นฉลาดและมีความยืดหยุ่นที่ดีมาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายของ Blade S7 ครับ
Hardware Test & Performance
จากนี้มาดูกันต่อในส่วนของผลการทดสอบประสิทธิภาพของตัวเครื่อง ZTE Blade S7
ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย AnTuTu Benchmark ได้ 36239 คะแนน
ผลทดสอบความเร็ว Benchmark ด้วย Quadrant Standard ได้ 3311 คะแนน
ผลทดสอบจาก PCMark ได้คะแนน 3355
3DMark ได้คะแนนที่ 209
Geekbench 3 ทำคะแนนในส่วนของ Single Core ที่ 699 และ Multi Core ได้ 2997
FXBench GL Benchmark ได้คะแนน Best Score 350
ผลทดสอบความเร็ว ด้วย Velamo (Metal) ได้ 1155 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย Velamo (Multicore) ได้ 1217 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย Velamo Android WebView Browser ได้ 1738 คะแนน
ผลทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย Velamo (Chrome Browser) ได้ 2401 คะแนน
ภาครับสัญญาณของ GPS ทำได้รวดเร็วดีครับ ทดสอบการจับสัญญาณโดยที่ไม่เชื่อมต่อ Data ทั้งในอาคารและนอกสถานที่ก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด
ผลทดสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch ได้สูงสุด 10 จุด
เซ็นเซอร์หลักบน ZTE Blade S7 เมื่อใช้โปรแกรม Android Sensor Box ตรวจสอบก็จะมีดังนี้
Accelerometer Sensor
Light Sensor
Orientation Sensor
Proximity Sensor
Gyroscope Sensor
Sound Sensor
Magnetic Sensor
จากนี้มาดูกันต่อในส่วนของ Sample Camera ครับ
Interface กล้องของ ZTE Blade S7 ดูเรียบง่ายสบายตา
มี โหมด Pro มาให้ใช้งานด้วย สามารถสลับจาก Normal มาใช้งานโหมด Pro ได้อย่างสะดวกและง่ายดาย สำหรับโหมดโปร จะสามารถปรับตั้งค่าในส่วนของ สปีดชัตเตอร์, ISO, ชดเชยแสง, ไวท์บาลานซ์, ระดับน้ำ แต่ไม่สามารถปรับการโฟกัสและวัดแสงได้ จึงทำให้ดูแล้วขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้างครับ
มีซีนโหมดมาให้ใช้งานไม่เยอะมากนัก แต่หลัก ๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งานในระดับหนึ่ง
มาดูภาพตัวอย่างกันเลยดีกว่า โดยในการทดสอบจะเน้นที่โหมด Auto เป็นหลักเหมือนเช่นเคยครับ
Normal Mode
HDR Mode
Normal Mode
HDR Mode
Normal Mode
HDR Mode
Flash Off
Flash On
ทดสอบกล้องหน้าในโหมดบิวตี้ระดับ 1
ลองปรับไปที่ระดับ 3-4 ก็ดูไม่หลอกตาดีครับ
สรุป กล้องหน้าและหลังให้ความละเอียดมาเท่ากันที่ 13 ล้านพิกเซล จุดเด่นของกล้องหน้าคือ มาพร้อมออโต้โฟกัสและระบบโฟกัสแบบ PDAF แถมมีไฟแฟลชมาให้ใช้งานด้วย ส่วนกล้องหลังจะใช้เลเซอร์โฟกัสซึ่งมีความรวดเร็วที่ดีมากถ้าสภาพแสงเพียงพอ คุณภาพโดยรวมในฝั่งของกล้องหน้าทำได้ดีและน่าประทับใจ ส่วนกล้องหลังในที่แสงน้อยยังไม่ดีเท่าไหร่แต่ถ้าสภาพแสงปรกติทั่ว ๆ ไป ก็ถือว่าพอสอบผ่าน ที่จะติก็คือตัว Software กล้องที่ดูแล้วยังขาด ๆ เกิน ๆ และน่าจะปรับปรุงจุดนี้ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะตัว Hardware นั้นดีอยู่แล้วครับ
สรุป ZTE Blade S7
ข้อดี
1. วัสดุพรีเมี่ยมและงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงดีมาก
2. ฟีเจอร์ของตัวกล้องและรวมไปถึงคุณภาพโดยรวมทั้งกล้องหน้าและหลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
3. ดีไซส์สวยและมีสีที่ตอบโจทย์วัยรุ่นวัยทำงานอย่างสีเขียวมะนาว
สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. Software ยังมี bug และอาการหน่วง ๆ อยู่บ้าง
2. แบตเตอรี่ไม่อึดและให้ความจุมาน้อยไป
3. อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ หายากในบ้านเรา
ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว ZTE Blade S7 แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^
You must be logged in to post a comment.