เรื่องสุดฮ็อตที่ต้องติดตาม เพราะว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครๆ ให้ความสนใจ ณ ขณะนี้ นั่นก็คือ ข้อมูลความเคลื่อนไหวส่วนตัว ที่ไม่ควรจะเปิดเผยให้ผู้อื่นรับทราบ จากค่ายโอเปอเรเตอร์ยักษ์อันดับหนึ่งของไทย ซึ่งเป็นเรื่องราวด้างอิงตาม ศรัทธาสั่นสะเทือน เมื่อพนักงาน AIS แอบล้วงข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปเผยแพร่และหาผลโยชน์ งานนี้ภัยไกลตัวที่กลายมาเป็นใกล้ตัวแล้วซินะ !!! โดยงานนี้ต้องบอกเลยว่ามีผลต่อแบรนด์และความเชื่อมั่นไม่น้อยเลย เนื่องจากเรื่องข้อมูลส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ และจะมั่นใจได้อย่างไรล่ะว่า ข้อมูลของเราจะปลอดภัย? ซึ่งสรุปดังนี้
“แม้ล่าสุดทาง AIS จะออกมาประกาศว่า บริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่า พนักงานมีเจตนากระทำความผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่กระทำผิดกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า โดยบริษัทได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันที และได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยในเบื้องต้น ทางบริษัทยังไม่ทราบเหตุจูงใจการกระทำของพนักงานรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการดำเนินการทางกฎหมาย และขอยืนยันว่าบริษัทจะเอาผิดพนักงานที่มีเจตนาทุจริตให้ถึงที่สุด”
ตอนนี้ความคิดเห็นบน pantip มีหลากหลายความเห็น อาจจะแตกประเด็นไปมากมาย แต่กรณีหลักๆ ก็คือ การขายข้อมูลของลูกค้า AIS จากพนักงานคนนึง เลี่ยงไม่ได้ว่า “ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง” แน่นอนว่าตอนนี้สื่อหลักนำไปออกเป็นข่าวไปเรียบร้อยแล้ว nationtv, amarintv ลองติดตามได้ มีการสัมภาษณ์ผู้เสียหาย หรือผู้ตั้งกระทู้บน pantip จะได้สรุปและตรงประเด็นนะครับ
ส่วนตัวแล้ว เคยติดต่อเรื่องการขอข้อมูลของตัวเอง เพราะ smartphone หาย ไม่ใช่แค่ค่ายเดียว แต่ทั้งสามค่ายหลัก ซึ่งพนักงาน call center ตอบตรงกันคือให้ไม่ได้ บลาๆๆๆ คือขอร้องยังไงก็ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เราเดือดร้อน อยากจะขอแทรคว่า smartphone ของเราอยู่ตรงจุดไหน ยังไง แต่สุดท้ายคือต้องมีหลักฐานการแจ้งความ เอามายื่นกับทาง shop หรือช่องทางที่จัดไว้ให้ ซึ่งหากเครื่องหายจริงๆ ก็คงไม่ทันการแล้ว กว่าจะไปแจ้งความกว่าจะยื่นจดหมายแจ้งที่ shop กว่าเรื่องจะเข้าไปที่ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง กว่าจะอนุมัติ กว่าจะอะไรๆ ผมว่าเครื่องผมก็คงไปไหนต่อไปแล้ว ซึ่ง privacy สูงมาก แต่ทว่า ควรจะมีวิธีการช่วยเหลือลูกค้าให้มากกว่านี้ กรณีที่เป็นเจ้าของจริงๆ ยังมีขั้นตอนเดิมๆ ในยุคนี้มันไม่ทันกินแล้วล่ะ ถามว่าเรื่องซีเคียวริตี้ก็ดี แต่ก็ต้องยืดหยุ่นได้ และการแจ้งเคสต่างๆ ใช้ระยะเวลานานกว่าจะรู้ผล เคสที่เกิดขึ้นคือแจ้งไปตามช่องทางปกติทุกช่องทางแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผลตอบรับอะไร จนกระทั่งต้องโพสต์ลงเว็บไซด์ pantip จึงจะได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจเลยที่ พอมีเรื่องเดือดร้อนเราก็จะพึ่งช่องทาง social ในปัจจุบัน
และอย่าลืมครับ ข้อสังเกตุนึง ไม่ใช่แค่ค่ายมือถือ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมถึงมีบรรดาประกัน หรือขายตรง หรืออื่นๆ รู้เบอร์โทรศัพท์ของเราได้ยังไง สามารถเอาข้อมูลของเรามาได้ โดยที่เราไม่เคยให้ข้อมูลกับบริษัทเหล่านั้นแม้แต่นิดเดียว?
ถูกใจบทความนี้ 0
You must be logged in to post a comment.