รีวิว ZTE Blade V6 บอดี้โลหะ สเปคจัดเต็ม แต่ตีตั๋วเด็กในราคาย่อมเยา !!!

https://i2.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/11.jpg?w=840&ssl=1

  รับชมแกะกล่องในรูปแบบวีดีโอกันไปแล้ว Android Review: Unboxing ZTE Blade V6 แกะกล่อง แซดทีอี เบลด วีหก (วีดีโอ) !!! วันนี้ มาชมกันต่อในรูปแบบ Full Review เหมือนเช่นเคยครับ สำหรับ ZTE Blade V6 ในช่วงนี้ยังแรงต่อเนื่องมาจากปลายปีที่แล้ว ด้วยการจับมือร่วมกับค่ายเอไอเอส ในการจัดโปรโมชั่น “AIS SUPER DEAL”  ซึ่งส่งผลให้ตัวเครื่องนั้นมีราคาค่าตัวเพียง  2,990 บาท (ชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท) เรียกว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มที่แรงข้ามปี และไม่ใช่มีแค่ความคุ้มหรือราคาย่อมเยาเป็นจุดขายเพียงอย่างเดียวนะครับ ZTE Blade V6 ยังพกฟีเจอร์และความน่าสนใจมาด้วยหลาย ๆ อย่าง เพียงแต่จะมีอะไรบ้างต้องมาติดตามรับชมกันครับ

สเปคเบื้องต้นของ ZTE Blade V6

 

  • หน่วยประมวลผล Mediatek MT6735 Quad Core ความเร็ว 1.3GHz
  • หน่วยความจำภายใน 16GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card
  • แรม : 2GB
  • จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720P, กระจก 2.5D Curved 
  • การเชื่อมต่อ 2G : 900/1800/1900 MHz
  • การเชื่อมต่อ 3G : 850/900/2100MHz
  • การเชื่อมต่อ 4G LTE 800/900/1800/2600 MHz
  • รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
  • การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/, Bluetooth V. 4.0 
  • กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ไฟแฟลชคู่ทูโทน
  • กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 88 องศา
  • Android 5.0.2 Lollipop ครอบทับด้วย MiFaver 3.2
  • ขนาดตัวเครื่อง 142 x 69.5 x 6.8  มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 122 กรัม
  • แบตเตอรี่ Li-Po ความจุ 2200 mAhราคาวางจำหน่าย 5,690 บาท

 

 


ราคา วางจำหน่ายร่วมกับ ais ในแพ็กเกจ : AIS SUPER DEAL”  2,990 บาท (ชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท) รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้จากที่นี่ http://www.ais.co.th/superdeal/ 

 

สเปคโดยละเอียดสามารถดูได้จาก official page ZTE Blade V6  Specification

 

 

Packaging & Accessories

 

https://i1.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/2-tile.jpg?w=840&ssl=1

ตัว กล่องมาในโทนสีขาวสะอาดตา และมีตัวรัดกล่องเป็นสายสีทองพิมพ์บอกชื่อและรุ่นคาดมาอยู่ตรงกลางกล่อง ส่วนด้านหลังจะพิมพ์บอกสเปคไว้ให้อ่านพอสังเขป


https://i2.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/5-vert.jpg?w=840&ssl=1

เมื่อดึงสายคาดออกมาก็ประมาณนี้แหละ มีสโลแกน Tomorrow never waits แปะมาด้วยที่ด้านข้างกล่อง

https://i2.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/6.jpg?w=840&ssl=1

https://i1.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/7.jpg?w=840&ssl=1

อุปกรณ์ภายในกล่องประกอบไปด้วย คู่มือการใช้งานอย่างย่อ ใบรับประกันสินค้า ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ ถูกจัดเก็บมาในกล่องย่อยอีก 2 กล่องอย่างเรียบร้อย

https://i2.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/8.jpg?w=840&ssl=1

แกะ ออกมาดูกันครับ ในกล่องเล็กด้านบนจะมีเข็มจิ้มถาดซิมเหน็บไว้ และจะเก็บตัวอแดปเตอร์ชาร์จไฟไว้ภายใน โดยตัวอแดปเตอร์จะเป็นแบบขาแบน ให้ Out put มาที่ 1A

ส่วนกล่องใหญ่จะมี สาย Micro USB สำหรับซิงค์และชาร์จไฟ และชุดหูฟังสมอลทอร์ค เท่าที่ได้ลองสัมผัสตัววัสดุและงานผลิตค่อนข้างดีเลยครับ แถมสายยังเป็นแบบสายแบนอีกด้วย ช่วยให้การเก็บรักษาและพกพาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น คือสายมันจะไม่พันกันง่ายนั่นเอง แต่ว่าอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่เป็นสีขาว ก็คงเป็นเรื่องปรกติ ที่การดูแลรักษาอาจจะมีความลำบากไปสักหน่อยนะครับ

Design & Hardweare

https://i1.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/DSC00522-tile.jpg?w=840&ssl=1

ดีไซน์ของ ZTE Blade V6  โดยส่วนตัวผมมองว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากค่ายผลไม้อย่างแน่นอน แต่เรียกว่าไม่ได้ลอกมาทั้งดุ้น คือมีการปรับโน้น แต่งนี่ พร้อมกับโมดิฟายใส่อารมณ์ความเป็น ZTE ลงไป เมื่อมองไปในภาพรวมของงานดีไซน์และจากการที่ได้สัมผัสตัวเครื่องจริงมาสัก พักใหญ่ ๆ ผมรู้สึกชอบนะ มันดูสวยและมีความหรูหราอยู่ในตัว โดยเฉพาะตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบบ Full metal body design วัสดุหลักก็คือ Aluminum Alloys เกรดดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องบิน  จึงมีจุดเด่นในเรื่องความเบาและความแข็งแกร่ง

ส่วน build quality ตรงนี้ไม่แน่ใจเครื่องทั่ว ๆ ไปจะเจอเหมือนกันไหม เพราะเครื่องที่ผมได้รับมา ตัวปุ่ม Power ไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ แต่ในส่วนอื่น ๆ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดครับ

สุดท้ายว่ากันด้วย Handle การจับถือพกพา เมื่อดูในภาพรวม ทั้งมิติของตัวเครื่อง ขนาดหน้าจอ และวัสดุที่ใช้ส่งผลให้การจับถือพกพาไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใดครับ ที่ผมกังวลคือน้ำหนักมันเบาไปนิด เวลาถือแล้วรู้สึกขาด steady ไปบ้าง

https://i1.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/DSC00571.jpg?w=840&ssl=1

จอแสดงผลของ ZTE Blade V6 เป็นพาเนลชนิด IPS มีขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD (1280×720 pixels) ตัวกระจกเป็นแบบโค้ง 2.5D ตามสมัยนิยม

ตัว จอมีความสว่างสดใส เรื่องความคมและมุมมองก็ถือว่าดีครับ โดยรวมจอ ZTE Blade V6 คุณภาพใช้ได้เลย แต่บางคนอาจจะชอบความละเอียด Full HD มากกว่า แต่สำหรับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720P ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้ดีกว่าจอความละเอียดสูง ๆ อีกด้วย และที่สำคัญอย่าลืมว่าราคาค่าตัวของ ZTE Blade V6 ไม่ได้แรงนะครับ การที่ให้ความละเอียดมาเพียง HD จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วครับ

คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

การจัดวางเลย์เอาของตัวเครื่องด้านหน้าและด้านหลัง

ด้าน หน้าส่วนบนเริ่มจากฝั่งซ้ายมือคือชุดเซ็นเซอร์ ส่วนไฟแจ้งเตือน LED Notification จะอยู่ถัดมาจากลำโพงสนทนา สุดท้ายด้านขวามือสุด คือกล้องหน้าที่ให้ความละเอียดมา 5 ล้านพิกเซล และมีจุดเด่นตรงที่เป็นเลนส์ไวด์ครับ ช่วยให้เก็บภาพมุมกว้างได้มากขึ้น สำหรับ 3 ปุ่มควบคุมของตัวระบบ   แอนดรอยด์ จะเป็นแบบ capacitive button มีไฟล์แบ็คไลท์มาให้ใช้งาน แต่ตัวปุ่มจะไม่มีสัญลักษณ์หรือไอค่อนสกรีนบอกไว้แต่อย่างใดนะครับ

ด้าน หลัง กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล  มีวงแหวนที่เป็นโลหะล้อมคาดตัวเลนส์ไว้ดูสวยงามและลงตัวดีครับ  ด้านข้างจะ เป็นที่อยู่ ของไฟแฟลชแบบ Dual-Color True-Tone flash เพื่อช่วยปรับภาพให้ดูสวยสมจริงขึ้นเมื่อเปิดใช้งานแฟลชนั่นเอง ถัดจากแฟลชก็คือไมค์ตัดเสียงรบกวนและรวมไปถึงเป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึก เสียงอีกด้วยครับ

 

https://i1.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/DSC00577.jpg?w=840&ssl=1

ตัวเครื่องที่ผมได้รับมารีวิวคือสีทองครับ แต่โทนสีจะไม่ใช่ทองจ๋า แต่จะออกแนวที่เรียกว่า “สีแชมเปญโกลด์ ” สำหรับวัสดุด้านหลังเป็น Aluminum Alloys ทั้งชุดตามที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้น และการออกแบบด้านหลังก็ดูสวยสะดุดตาดีเหมือนกันนะครับ โดยมีการใช้เส้นแบ่งคาดทั้งด้านบนและด้านล่าง ตรงนี้ถ้าคาดด้วยเส้นสีขาวละก็ใช่เลย iPhone 6s แน่ ๆ (ฮ่า) และที่มุมซ้ายล่างจะเป็นที่อยู่ของลำโพงหลักของตัวเครื่อง เรื่องความดังมัน โอเคครับ แต่ดังแปลก ๆ ไปสักนิด คือเสียงมันก้อง ๆ ไม่ใส และเมื่อเร่งเสียงจนสุดมีอาการแตกพร้าเล็กน้อยอีกด้วย สรุปคุณภาพของลำโพงอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่ดีแต่ก็ไม่แย่เท่าไหร่


คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

สำรวจ รอบตัวเครื่องของ  ZTE Blade V6 กันต่อเลยนะครับ การจัดวางเลย์เอาท์ของพอร์ตและปุ่มต่าง ๆ รอบตัวเครื่อง เริ่มจากด้านบน จะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น

ด้านล่างของตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต Micro USB ซิงค์และชาร์จไฟตามปรกติ และมีการตัดขอบสองด้านด้วยเส้นขอบสีขาว ส่วนไมค์สนทนาจะอยู่ที่มุมด้านขวามือครับ

ฝั่งขวามือของตัวเครื่อง ด้านบนเป็นเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และถัดลงมาคือปุ่ม เปิด-ปิดเครื่อง โดยทั้งสองปุ่มจะใช้วัสดุเดียวกันกับตัวฝาหลัง งานประกอบในส่วนของปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงแข็งแรงดีมาก ไม่มีอาการหลวมคลอนแต่อย่างใด แต่ตัวปุ่ม Power ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นทุกเครื่องหรือไม่ เพราะตัวเครื่องที่ผมได้รับมามันหลวมคลอนเมื่อใช้งานไปสักพักใหญ่ ๆ ครับ
https://i1.wp.com/w.pdamobiz.com/wp-content/uploads/2016/01/DSC00455.jpg?w=840&ssl=1

ปิดท้ายกันไปที่ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่อง ด้านบนจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิม

ตัว ถาดซิมของ Blade V6 จะเป็นแบบไฮบริด คือรองรับทั้งการใช้งานในแบบ 2 ซิมการ์ด หรือต้องเลือกใช้งาน 1 ซิมการ์ดร่วมกับตัวหน่วยความจำภายนอก Micro SD Card แต่การออกแบบถาดซิมของ ZTE Blade V6 จะดูแตกต่างไปจากแบรนด์อื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นถาดแนวยาว แต่ของ Blade V6   จะเป็นถาดสั้นครับ โดยใช่งานด้วยการวางซิมไว้ทั้งด้านบนและล่างครับ

สำหรับการสำรวจด้าน Hardware ภายนอกของ ZTE Blade V6  ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับผม

Software & Featere

Screenshot_2016-01-12-13-56-31 Screenshot_2016-01-12-13-56-38 Screenshot_2016-01-12-13-56-46

Screenshot_2016-01-12-13-57-11 Screenshot_2016-01-12-13-57-18 Screenshot_2016-01-12-13-57-41

ในฝั่งของตัวระบบปฏิบัติการนั้น ZTE Blade V6 เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 5.0.2 Lollipop และครอบทับด้วย MiFaver 3.2  ซึ่งเป็น User Interface   ที่พัฒนาโดยค่าย ZTE

โดยตัว ZTE Blade V6 จะมาพร้อม Launcher หลัก 3 แบบให้เลือกใช้งาน ตัว MiFaver 3.2  จะเป็นหน้าโฮมที่ถูกตั้งให้เป็น default จุดเด่นหลัก ๆ ของ MiFaver 3.2 ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแต่จะเป็น Launcher ที่เน้นความสวยงาม ตามสไตล์ของ ROM จีนทั่ว ๆ ไป และจะไม่มีหน้า Appdrawer นั่นเอง

Screenshot_2016-01-12-06-08-14 Screenshot_2016-01-12-06-08-28 Screenshot_2016-01-12-06-08-49

หน้า โฮมปรับได้ 3 รูปแบบ สำหรับ Launcher3 นั้นจะ Launcher ที่มาในสไตล์ pure android และปุ่ม Hard Hey ก็สามารถสลับการตั้งค่าได้นะครับ    โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้ด้านไหนเป็นปุ่ม Back หรือ Recent Apps

Screenshot_2016-01-12-05-30-05 Screenshot_2016-01-12-05-30-23 Screenshot_2016-01-12-05-30-29

Family mode เป็นโหมดที่ปรับแต่งมาเพื่อผู้สูงอายุหรือเด็กครับ โดยจะปรับแต่งรูปแบบของหน้าโฮมรวมไปถึงแอพหลัก ๆ ให้ดูแล้วเข้าใจง่าย เน้นการใช้ในแบบ Simple  คือเน้นดูง่าย เข้าใจง่าย ปรับขนาดหลาย ๆ สิ่งให้ใหญ่ขึ้นมานั่นเอง

Screenshot_2016-01-12-06-09-43 Screenshot_2016-01-12-06-09-57 Screenshot_2016-01-12-06-10-19

ใน ส่วนของการปรับตั้งค่าการแสดงผล จะมี MiraVision ที่เป็น Software จากค่าย mediatek ในการขับเคลื่อนครับ โดยสามารถปรับตั้งค่าได้ยืดหยุ่นดีมากเลยครับ ตรงนี้ช่วยตอบโจทย์การใช้งานของไลฟท์สไตล์ส่วนบุคคลได้เป็นอย่างดี เช่นชอบภาพสีสด ๆ หรือชอบโทนในแบบ Warm หรือ Cool ก็เลือกให้ตรงกับการใช้งานได้เลย 

Screenshot_2016-01-12-05-32-51 Screenshot_2016-01-12-05-33-06 Screenshot_2016-01-12-05-33-15

AliveShare เป็นแอพที่ถูกพัฒนาโดยค่าย ZTE หลายคนน่าจะรู้จักกันดี เพราะ ZTE ไม่หวงครับ เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้งานฟรี ๆ ใน Play Store แต่ สำหรับสมาร์ทโฟนของ ZTE เองจะถูกบันเดิลมาให้เลยจากโรงงาน สำหรับจุดเด่นอธิบายคร่าว ๆ คือ มันเป็นแอพที่ใช้แชร์สิ่งต่าง ๆ เช่นพลิเคชั่น โอนย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่าไปเครื่องใหม่ เล่นเกมส์ แชท ส่งไฟล์รูป เพลง และอื่นๆ ให้กันได้โดยไม่ต้องง้ออินเทอร์เน็ต เพราะจะเป็นการทำงานในแบบ Wi-Fi Direct นั่นเองครับ

Screenshot_2016-01-12-13-55-06 Screenshot_2016-01-12-13-55-26 Screenshot_2016-01-12-13-55-33

Start เป็นแอพที่เพิ่มความสามารถและลูกเล่นให้หน้าล็อคสกรีนให้เจ๋งขึ้นเป็นเท่า ตัวจากหน้าล็อคสกรีนเดิม เช่นการเข้าถึงแอพพลิเคชั่น การแจ้งเตือน ฯลฯ เรียกว่าเป็นแอพที่มีลูกเล่นแพรวพราวเหมาะกับคนที่เบื่อหน้าจอล็อคสกรีนแบบ เดิม ๆ ครับ

Screenshot_2016-01-12-05-34-19 Screenshot_2016-01-12-05-34-36 Screenshot_2016-01-12-05-35-04

การจัดสรรพลังงานของ ZTE Blade V6 อยู่ในเกณฑ์ปานกลางครับ เนื่องจากแบตเตอรี่นั้นให้มาเพียง 2200mAh เท่านั้น ถ้าเป็นการใช้งานปรกติทั่ว ๆ ไป ไม่เล่นเกม ไม่เน้นออนไลน์อย่างหนักหน่วงก็พอรอดวันได้แบบเฉียดฉิว แต่เอาเข้าจริงแล้ว การใช้งานจริงในยุคนี้ ต่อให้แบตมากกว่านี้อีกเท่าตัวก็คงไม่พอครับ ยังไงก็ต้องพก Power bank กันเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว

Multimedia

Screenshot_2016-01-12-05-03-34 Screenshot_2016-01-12-05-03-47

Blade V6 มี FM มาให้ใช้งานด้วยครับ โดยรองรับทศนิมแบบ 1 จุด ภาครับสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ 

Screenshot_2016-01-12-04-55-22 Screenshot_2016-01-12-04-57-41

Music Player หน้าตาเรียบง่าย เป็นเบสิคเพลเยอร์ที่พบเห็นกันได้ทั่วไป และไม่มีฟีเจอร์ที่โดดเด่นอะไรเลยครับ คือมันเรียบง่ายเน้นใช้งานจริง ๆ

Screenshot_2016-01-12-05-07-32

VDO Player ก็เช่นกัน ตัวนี้คือ default ของตัวที่มากับ ROM ครับ จึงไม่มีฟีเจอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น


Performance

สำหรับผลคะแนนมีความใกล้เคียงกับรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ตัวชิปเซ็ต Snapdragon 615 – 616  เรียกว่าคะแนนจากตัวเลขนั้นสูสีกับรุ่นอื่น ๆ ที่มีสเปคใกล้เคียงกัน สำหรับการใช้งานจริง ในภาพรวมมีความลื่นไหลที่ดีมากเลยครับ และยังไม่พบเจอ Bug ร้ายแรงแต่อย่างใด

 

Camera & Sample

ZTE Blade V6 มพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังนั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซลครับ จริง ๆ คือทาง ZTE ก็ไม่ได้ โปรโมทหรือจะเน้นเรื่องกล้องเท่าไหร่นะครับ คือต้องบอกว่าเป็นรุ่นที่ทำตลาดระดับกลางในราคาเบา ๆ แน่นอนว่าคงไม่อาจจัดเต็มได้ครบทุกกระบวนท่าอย่างแน่นอนฮ่ะ

Screenshot_2016-01-12-06-14-33

เมนูอินเตอร์เฟสมาในแบบ pure android เลยครับ

Screenshot_2016-01-12-06-15-27

Screenshot_2016-01-12-06-17-23

ตรงนี้น่าจะคุ้นตากันมาบ้างจากหลาย ๆ แบรนด์ครับ คงไม่ต้องเหลาหรือบรรยายนอะไรกันมากมาย สรุปสั้น ๆ Software มาในสไตล์ pure android แต่ก็มีการปรับแต่งนิดหน่อย โดยเพิ่มโหมดการถ่ายภาพเข้ามา เช่น พาโนรามา, Face Beauty,  Live Photo, Motion Track, Multi angle view

จากนี้มาดูคุณภาพกล้องของ ZTE Blade V6 กันได้เลยครับ และ เหมือนเช่นเคยที่ผมจะให้ความสำคัญไปที่โหมด Auto เป็นหลัก เพราะการใช้งานจริงของชีวิตประจำวันส่วนใหญ่เราจะใช้โหมดนี้กันอยู่แล้ว และเป็นการวัดคุณภาพจากฝั่ง Software ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ

Normal mode

HRD mode

Normal mode

HDR mode

Normal mode (Auto)

Normal mode (Auto) ไม่เปิดแฟลช

Night mode

Normal mode (Auto) เปิดแฟลช

 

ทดสอบกล้องหน้ากันต่อเลยนะครับ

 

 

 


สรุป ZTE Blade V6  

ข้อดี

1. ตัวเครื่องบาง เบา มี design ที่สวยงามและเป็น Full metal body ในราคาที่ไม่แรง
2. สเปคต่อราคาวางจำหน่าย จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความคุ้มค่ามาก ๆ โดยเฉพาะการทำโปรโมชั่นร่วมกับค่าย ais
3. คุณภาพกล้องหน้าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนกล้องหลังก็พอใช้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชูจุดขายเรื่องกล้องมาตั้งแต่ต้น

สิ่งที่ต้องพิจารณา

1. แบตไม่อึด
2. ในบ้านเรา พวกเคสและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในช่วงแรกคงจะหายากสักหน่อย

ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว ZTE Blade V6 แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^

 

ถูกใจบทความนี้  2