สวัสดีเพื่อนๆ ชาว PDAMobiz ครับ วันนี้ขอมารีวิวแหวกแนวกันหน่อยคือปกติจะทำรีวิวแต่พวกอะไรที่เกี่ยวกับ Gadget, Smartphone, IT เนาะ แต่กระทู้นี้เราจะพาไปรีวิวร้านอาหารกันบ้าง ฮ่าๆๆ เนื่องจากเป็นเรื่องใกล้ตัว และเทรนด์ในปัจจุบันคนก็ชอบถ่ายรูปอาหารลง Social Network ประกอบกับเราเองบางทีเจอร้านอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ก็อาจไม่กล้าลองกัน ซึ่งตัวผมเองก็กินไปเรื่อยล่ะนะ แต่พึ่งได้มีโอกาสไปสัมผัส Red Sun Tokpokki อีกหนึ่งร้านมาม่าเกาหลีที่มาบุกแดนไทย ซึ่งพึ่งมาเปิดใหม่ที่ห้างสรรพสินค้า The Mall บางกะปิ ได้ไม่นาน แต่จะเป็นอย่างไรนั้น ลองมาดูกันครับ
การรีวิวครั้งนี้ใช้กล้อง Fuji X-E2 กับเลนส์ Fujinon XF23 F1.4 และเลนส์ตาปลา 8มม. F3.8 ครับ
หน้าร้านมีป้ายบอกเลยว่าในร้านมีอาหารอะไรบ้างน่ะครับ เช่น มาม่าหม้อไฟ (เรียกภาษาบ้านๆ มาก ฮ่าๆ) ข้าวผัด, ไก่ทอด ฯลฯ
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าร้านเลยดีกว่า จะได้เมนูมา เพราะถ้าไม่ได้มาก็สั่งอาหารไม่ถูกหรอก ตัวเล่มเมนูนี่ดูดี กระดาษเลิศ
เปิดมาหน้าแรกก็จะเจอกับ Tokpokki หลากหลายเมนู ซึ่งราคาก็เริ่มกันตั้งแต่ 325 บาท จนถึง 925 บาท เลย แต่ครั้งนี้ผมมากินครั้งแรกก็สั่งเมนูที่ 1 คือ ซึกซอก ต๊อกปกกี่ (CHUEKSOK TOKPOKKI) ซึ่งมีคำอธิบายว่า “ชุดหมูคลาสสิค มาพร้อมกับวัตถุดิบหลักที่ส่งตรงมาจากเกาหลี เส้นต๊อกเกรดเอ โอเด้งซีฟู้ด โจลเมียนเส้นเหนียวนุ่ม มาม่าเกาหลี ผสมผสานกับซุปรสจัดของเรดซัน ถ้าคุณไม่เคยลองทานต๊อกปกกี่ ไม่ควรพลาดเมนูนี้นะ” เจ้าเมนูนี้ราคาที่ 325 บาท
ทั้งนี้เวลาสั่ง Tokpokki จะมีระดับความเผ็ดให้เลือก 3 ระดับ ซึ่งระดับ 1 คือเผ็ดน้อยสุดและระดับ 3 คือเผ็ดสุด ครั้งนี้ผมสั่งระดับ 2 มาลอง ถือว่าเซฟๆ กันไป
หลังจากสั่ง Tokpokki แล้วก็สามารถเพิ่มเครื่องเคียงเข้าไปได้นะ อาทิเช่น หมูสไลด์ หมูสามชั้นสไลด์ ไข่ต้ม ปลาหมึก ฯลฯ ซึ่งราคาก็หลากหลายกันไป
แต่ถึงจะเป็นร้าน Tokpokki ก็ยังมีเมนูอื่นขายด้วยเช่นกัน อย่างข้าวผัดก็มี แต่ไม่ได้สั่งมาลองนะ กลัวกินไม่หมด
กระทั่งไก่ทอดแบบบอนชอนก็ยังมีนะสำหรับร้าน Red Sun Tokpokki และยังมีอาหารทานเล่นอย่างเช่น เฟร้นช์ฟรายด์ กุ้งทอด ฯลฯ
และหน้าสุดท้าย เมนูน้ำต่างๆ ซึ่งมาร้านเกาหลีทีไรก็สั่งชาเขียว Refill ทุกที ราคาอยู่ที่ 40 บาท
ส่วนใครกะกินของหวานอย่างโยเกิร์ตต่อก็มีด้วย ราคา 85 บาท (ไม่รวม Topping อีกอย่างละ 15 บาท)
เอาล่ะ สั่งอาหารไปเรียบร้อยละ ระหว่างรออาหาร ก็มาดูบรรยากาศร้านกันบ้าง โต๊ะเป็นโต๊ะไม้ คลาสสิคดี ฝั่งนึงนั่งเบาะ ฝั่งนึงเก้าอี้ไม้ ส่วนโต๊ะในร้านก็ประมาณ 10 – 20 โต๊ะได้ และเป็นโต๊ะนั่งสำหรับ 3-4 คนซะส่วนใหญ่
มีมุมในสุดของร้านเป็นที่นั่งไม้แต่มีหมอนพิงหลังด้วย
อาหารยังไม่มา มาดูอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหารกันก่อน มีจาน, ที่คีบเหล็ก, ช้อนเหล็ก และตะเกียบเหล็ก ซึ่งส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบใช้งานตะเกียบเหล็กเท่าไหร่ มันค่อนข้างลื่นนะ
บนโต๊ะจะมีที่รองแก้วน้ำอยู่แล้วเป็นลายหมีดำ หน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้
มีพริกป่นและพริกไทยไว้ให้ใส่เพิ่มเติมด้วย
น้ำมาเสิร์ฟละ ชาเขียวเย็น รสชาติจืดๆ ตามสไตล์ เหมือนมีกลิ่นข้าวคั่วด้วย
จานหลักซึกซอก ต๊อกปกกี่ (CHUEKSOK TOKPOKKI) มาแล้ว อันนี้สำหรับ 1 – 2 ท่าน ดูก็เหมือนเยอะอยู่นะนี่ มีเส้นมาม่าและเส้นโจลเมียน (เหมือนเส้นสปาเกตตีเลย)
ผมสั่งหมูสไลด์มาเพิ่มด้วย เจ้านี่ราคา 55 บาท และยังสั่งเบคอนสไลด์มาด้วย (แต่ลืมถ่ายรูป อันนั้นราคา 60 บาท เป็นเบคอนที่มันเยอะมากๆ)
ในร้าน Tokpokki หลายๆ ร้าน (หรือทุกร้าน) จะมีเครื่องเคียงไว้ทานแก้เลี่ยนให้ เป็น กิมจิ และถั่วงอก ซึ่งรสชาติกิมจิก็เข้มข้นดี ตามสไตล์เกาหลี
เอาล่ะ ปรุงเสร็จเรียบร้อยพร้อมกินมาม่าหม้อไฟกันแล้ว หน้าตาก็อย่างที่เห็นครับ ควันขโมงเลย ฮ่าๆๆ ก็ชิมกันดู ปรากฎว่ารสชาติความเผ็ดระดับ 2 ที่สั่งมานั้นสำหรับผมถือว่าค่อนข้างหวานครับ ออกเผ็ดนิดๆ เท่านั้นสำหรับร้าน Red Sun Tokpokki ส่วนความนุ่มของเส้นมาม่าและโชลเมียนก็นุ่มดี จะไม่แข็งเหมือนมาม่าซองบ้านเราอะ นุ่มกว่าเยอะ ที่เหลือในหม้อก็มีแค่หมูสไลด์ ไข่ต้ม เต้าหู้ปลา ผัดกาดขาวและแครอทล่ะ ซึ่งเนื้อสัตว์รวมถึงลูกชิ้นต่างๆ ก็อร่อยดีครับ แต่โดยภาพรวมผมว่าสำหรับ 1-2 คนนี่คือน้อยไปนะ ฮ่าๆๆ (หรือผมอาจจะกินเยอะก็ได้)
สรุปค่าใช้จ่ายกันหน่อย โดยไปทั้งหมด 572 บาทสำหรับอาหารมื้อนี้ประกอบด้วย
1.ซึกซอก ต๊อกปกกี่ (CHUEKSOK TOKPOKKI) 325 บาท
2.หมูสไลด์ 55 บาท
3.ชาเขียวเย็น (Refill 2 แก้ว) 80 บาท
4.เบคอนสไลด์ 60 บาท
5.Service Charge 10% 52 บาท
สรุป: Red Sun Tokpokki เป็นอีกหนึ่งร้านที่มาลุยตลาดบ้านเราซึ่งก็เริ่มขยายสาขาไปค่อนข้างเยอะอยู่ อย่างสาขาที่กินก็เดอะมอลล์บางกะปิ สาขาอื่นๆ มีเยอะพอตัว หากินไม่ยากละ รสชาติเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเผ็ดๆ เท่าไหร่ กลมกล่อม เส้นเหนียวนุ่มดี เนื้อสัตว์ ลูกชิ้นโอเค แต่ด้วยราคาผมถือว่าแพงกว่าอยู่เพราะในเซตมี Topping น้อยมาก เรียกว่าสั่งเพิ่มเอาตามใจ ซึ่งในจุดนี้ก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยหากกินเยอะก็เสียเพิ่มเยอะล่ะ แต่ก็สามารถสั่งสิ่งที่อยากทานได้ตรงๆ สำหรับใครที่ชอบทานอาหารเกาหลีก็ควรไปลองอยู่ครับ
หมายเหตุ การรีวิวครั้งนี้ใช้กล้อง Fuji X-E2 กับเลนส์ Fujinon XF23 F1.4 และเลนส์ตาปลา 8มม. F3.8 ครับ
You must be logged in to post a comment.