Sony บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอีกครั้งด้วยการนำจอความละเอียดระดับ 4K เข้าสู่สมาร์ทโฟนเป็นแบรนด์แรกของโลก กับรุ่น Sony Xperia Z5 Premium ซึ่งสเปคตัวเครื่องนั้นก็แรงเฉกเช่นเดียวกันกับ Xperia Z5 แต่ว่าได้หน้าจอที่ความละเอียดสูงกว่าเป็น 4K นั่นเอง ส่วนการใข้งานจะเป็นอย่างไร ต่างจากตัวปกติมั้ย มาดูกันต่อ……
Sony Xperia Z5 Premium Specifications:
– หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 4K (2160 x 3840 pixels 806ppi)
– Qualcomm MSM8994 Snapdragon 810 Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 & Quad-core 2 GHz Cortex-A57
– GPU Adreno 430
– Ram 3GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB
– รองรับ Micro SD Card สูงสุด 200GB
– กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช LED เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว (Exmor RS) รองรับการถ่ายวิดีโอ 2160p@30fps, 1080p@60fps, 720p@120fps
– กล้องหน้าความละเอียด 5.1 ล้านพิกเซล F2.4 รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p
– Nano Sim
– กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 (ลึก 1.5 เมตร นานสุดไม่เกิน 30 นาที)
– High-Res audio
– Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, DLNA, hotspot
– Fast battery charging: 60% ใน 30 นาที
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– แบตเตอรี่ขนาด 3,430mAh
– Android 5.1.1 Lollipop
– ราคา 27,990 บาท
1.แกะกล่อง
เริ่มต้นที่การแกะกล่องเช่นเคย ปกติได้เครื่อง Sony มารีวิวก็จะได้กล่องมาแกะทุกครั้งซึ่งก็ถือว่าเป็นการดีครับ แต่ครั้งนี้แปลกออกไปเล็กน้อยเพราะเครื่องที่ส่งมาให้รีวิวนั้นเป็นเครื่องสำหรับพนักงานขายเท่านั้น โดยตัวกล่องจะมีสติกเกอร์แปะเอาไว้ ทั้งนี้ตัวกล่องของ Z5 Premium เป็นสีขาวพร้อมหน้าตาตัวเครื่อง
ด้านหลังบ่งบอกถึงจำนวนสีที่พึงมี ไล่กันไป 3 สี เงิน ทอง ดำ พร้อมบอกสเปคอีกเล็กๆ น้อยๆ
เปิดกล่องมาเจอตัวเครื่องนอนรอพร้อมให้รีวิวละ แต่ทั้งกล่องมีให้แค่ตัวเครื่องเท่านั้น อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าเครื่องสำหรับพนักงานขาย ฉะนั้นอุปกรณ์ในกล่องไม่มีสักอย่าง ‘
ต่อไปมาดูตัวเครื่องกัน ตัวเครื่องที่ได้มารีวิวคือสีทอง ทองเงาๆ หยั่งกับทองจริงยังไงยังงั้น ส่วนหน้าตาจริงๆ หน้าตาก็เหมือนกับ Sony Xperia Z5 ตัวปกติอยู่ คือถ้าเอามาวางคู่กันผมก็แยกไม่ออกเหมือนกัน
ถึงจะบอกว่าตัวเครื่องสีทองก็ทองแค่ด้านหลังกับด้านข้างเครื่องนะ ไม่ได้ทองหมด แต่เครื่องนี่เงามากจริงๆ จับแปปๆ รอยนิ้วมือมา
มาดูตัวเครื่องใกล้ๆ กัน เหนือหน้าจอของ Z5 Premium มีโลโก้ Sony พร้อมด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5.1 ล้านพิกเซลทางซ้าย เหนือโลโก้ขึ้นไปจึงเป็นลำโพงสำหรับสนทนา และใช้งานเป็น Dual Speaker กับลำโพงอีกตัวด้านล่างด้วย
มีไฟแจ้งเตือน LED ด้วยนะ
ด้านล่างหน้าจอจะไม่มีปุ่มสัมผัสใดๆ เพราะปุ่มอยู่บนหน้าจอหมด จะมีเพียงลำโพงอีกตัวนึงที่ถูกวางเอาไว้ด้านล่างสุด
ด้านหลังตัวเครื่องกับการจัดวางตำแหน่งกล้องของ Sony ยังคงเดิมคือวางไว้ที่มุมซ้ายบนของด้านหลังตัวเครื่อง และตรงกล้องก็บอกเช่นเคยว่าเซ็นเซอร์ขนาดเท่าไหร่ และความละเอียดกี่ล้านพิกเซล
ในเมื่อลำโพงไปอยู่ด้านหน้าแล้วฉะนั้นด้านล่างของฝาหลังจึงไม่มีอะไรนอกจากคำว่า XPERIA
ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. ซึ่งเป็น High-Res Audio คือเสียบหูฟังๆ แล้วเสียงมันฟินมากนะ จากเครื่องนี้น่ะอันนี้ยอมรับเลย ส่วนข้างๆ รูเล็กๆ นั่นเป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องเอาไว้ใส่ซิมการ์ดแบบ Nano Sim และ Micro SD Card โดยจะมีถาดรองอยู่ด้านใน
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม Power (ที่ซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้) ปุ่มเพิ่มลดเสียงที่จัดวางตำแหน่งผิดแปลกจากชาวบ้าน คือไปวางไว้ด้านล่างของเครื่องเลย ซึ่งจริงๆ ก็ดีเพราะมันกดง่ายมาก และอีกปุ่มนึงคือจุดเด่นของ Sony คือปุ่มชัตเตอร์ซึ่งใช้กดเหมือนกล้องถ่ายรูปได้ โดยกดครึ่งนึงเพื่อโฟกัสและกดเต็มปุ่มเพื่อถ่ายรูป รวมถึงใช้เป็นทางลัดในการเปิดกล้องถ่ายรูปได้โดยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างเอาไว้
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์แบบ Micro USB
หน้าจอความคมชัดระดับ 4K ที่ต้องบอกว่าโคตรชัดมาก ชัดชิบหายก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปว่าหน้าจอความละเอียดขนาดนี้จะกินแบตเตอรี่เพราะขณะที่ใช้งานปกติไม่ได้ดูวิดีโอระดับ 4K แล้วล่ะก็หน้าจอจะถูกปรับความละเอียดให้เหลือเพียง Full HD เท่านั้น ทำให้ไม่กินแบตเตอรี่อย่างที่กังวลกัน
2.Software
User Interface
Sony ยังคงใช้ User Interface รูปแบบเดิม โดยมีการทำ Icon ของตนเองขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์ที่มองปุ๊บก็รู้ปั๊มว่านี่คืออารยธรรม และตัว Launcher ก็มีการแยกหน้า Home กับหน้า App Drawer โดยหน้า App Drawer จะเป็นแบบปัดด้านข้าง
ส่วน Status Bar มาในรูปแบบเดียวกับของ Nexus หรือ Pure Android คือลากลงมาหนึ่งครั้งจะเป็นการแจ้งเตือน หากลากอีกครั้งหนึ่งถึงจะเจอทางลัดในการเปิดปิด Wi-Fi, Bluetooth, Location, ฯลฯ
ในส่วนของ Recent Apps นั้นได้มีการ Modified เพิ่มจากปกตินิดหน่อย โดนจะมีแถบสีขาวด้านล่างขึ้นมาให้สามารถเปิดแอพในรูปแบบหน้าต่างเล็กๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งสามารถใช้งานได้เพียง Browser, Clock และ Calculator เท่านั้น ทั้งนี้มีปุ่ม Clear All Apps ให้โดยเป็นปุ่มสีเขียวพร้อมเส้นสามขีด
Power Management
สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้จุดอื่นคงเป็นเรื่องของการจัดการพลังงานที่ในตัวเครื่องมีโหมดประหยัดพลังงานให้เลือกหลากหลายรูปแบบ โดยมี Stamina Mode, Ultra Stamina Mode และ Low Battery Mode อธิบายง่ายๆ คือ
– Stamina Mode จะช่วยประหยัดพลังงานลงไปกึ่งนึงโดยจำกัดการใช้ CPU แอพกินไฟต่างๆ แต่การใช้งานทั่วๆ ไปยังคงสามารถทำได้ปกติ
– Ultra Stamina Mode จะช่วยประหยัดพลังงานยิ่งกว่า Stamina Mode โดยเหมาะเอาไว้ใช้เวลาที่เราไม่มีโอกาสชาร์จแบตเตอรี่เป็นเวลานาน แต่ยังคงใช้งานได้ปกติ (เฉพาะเวลาเปิดหน้าจอ) ทั้งนี้ตัวเครื่องจะให้ส่วนของการรับโทรศัพท์และข้อความเท่านั้น ที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา (สามารถปรับแก้ไขเพิ่มเติมได้)
– Low Battery Mode: อันนี้คือที่สุดของโหมดประหยัดพลังงานแล้วคือตัวเครื่องจะเข้าสู่โหมดโทรศัพท์ดั้งเดิม ใช้งานเพียงโทรเข้าออก, รับสาย รับข้อความ ส่งข้อความเท่านั้น
Storage, Ram, About Phone
Sony Xperia Z5 Premium มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB, รองรับการใส่ Micro SD Card เพิ่มเติมด้วย, ส่วน Ram มี 3GB ใช้งานจริงเหลือราว 1GB และมาพร้อมกับ Android 5.1.1 Lollipop
Benchmark
ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องผ่านแอพต่างๆ ได้ผลทดสอบดังนี้
– Antutu: 71844
– Geekbench: Single Core 1339, Multi-Core 4484
– Quadrant Standard: 29312
– Multitouch: สูงสุด 10 จุด
3.กล้องถ่ายรูป
Sony Xperia Z5 Premium มาพร้อมกล้องถ่ายรูปความละเอียด 23 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช LED เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.3 นิ้ว (Exmor RS) รองรับการถ่ายวิดีโอ 2160p@30fps, 1080p@60fps, 720p@120fps โดยค่าเดิมของตัวเครื่องจะตั้งความละเอียดในการถ่ายรูปมาที่ 8 ล้านพิกเซล (อัตราส่วน 16:9) เพื่อจะได้ภาพที่เต็มหน้าจอและไม่กืนพื้นที่มากเกินไป
Xperia Z5 Premium มีโหมดถ่ายรูปมากมายเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่ที่มีเพิ่มเข้ามาเห็นจะเป็นในส่วนของโหมด Pro ซึ่งอาจต้องใส่มาตามยุคสมัยที่เรือธงนั้นมีโหมดนี้กันทุกแบรนด์
ส่วนกล้องหน้านั้นมีความละเอียด 5.1 ล้านพิกเซล F2.4 รองรับการถ่ายวิดีโอ 1080p
ต่อไปมาดูตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Sony Xperia Z5 Premium กันครับ ภาพทั้งหมดใช้โหมด Auto เพื่อจะได้ดูว่าตัวเครื่องประมวลผลได้ฉลาดแค่ไหนนะครับ และทำการย่อขนาดภาพกับใส่ลายน้ำเท่านั้น ไม่มีการตกแต่งใดๆ เพิ่มเติม
ภาพแรกผมเริ่มจากการก่ายย้อนแสงขึ้นไป ตัวเครื่องก็จัดการ Auto HDR ให้เสร็จสรรพเลย
อันนี้ตอนกลางวัน คนเดินเยอะๆ สวนไปมา
ภาพถ่ายในอาคาร
ภาพถ่ายยามค่ำคืนระหว่างรอรถไฟฟ้า
อีกสักภาพกับหน้าห้างสรรพสินค้า Siam Paragon
คราวนี้มาลองถ่ายสิ่งของกันตอนบ่ายๆ กันบ้าง แสงแบบนี้แหละตัวทำ White Balance เพี้ยนเลย
ลองถ่ายอาหารกับไฟแสงสีเหลืองกันบ้าง
ภาพนี้อาหารกับแสงน้อยๆ สีเหลืองนี่ล่ะ
ปิดท้ายตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องหน้าเช่นเคย ‘ คือกล้องหน้าโคตรทำร้ายกันเลยล่ะครับ จะชัดไปไหน
สรุป
ข้อดี
– หน้าจอ 4K ตัวแรกของโลก ความละเอียดสูงสุดเท่าที่สมารืทโฟนเคยมีมา
– เฟิร์มแวร์ทำมาลื่นดี ไม่ร้อนเท่าที่เคย
– แบตค่อนข้างอึด ส่วนตัวใช้งานทั้งวันพอรอดกลับบ้านได้
– เสียงดีตามสไตล์อารยธรรม
– กล้องอยู่ในเกณฑ์ดี ใช้ถ่ายรูปทั่วไปได้สบาย มีปุ่มชัตเตอร์ให้พร้อม
ข้อเสีย
– กล้องถ่ายรูปตอนกลางคืน Noise จะเยอะหน่อย
– แอพที่ติดมากับตัวเครื่องหลายๆ ตัวไม่รองรับการใช้งานในประเทศไทย
– ตัวเครื่องค่อนข้างลื่น จับไม่ถนัดอาจร่วงหลุดมือได้
You must be logged in to post a comment.