รับชมคลิปแกะกล่องกันไปแล้ว วันนี้พาชมอีกรอบครับ เป็นแกะกล่องในฉบับแห้งจากบทความภาพนิ่งนั่นเอง โดยในบทความวันนี้ยังไม่ใช้ Full Review นะครับ แต่เป็นสเมือน Quick Unboxing เพื่อพาชมภาพรวม ๆ ของตัวแพกเกจและสำรวจ Hardware ภาพนอกเรียกน้ำย่อยกันไปก่อน ส่วน Full Review จะรีบปั่นออกมาในเร็ว ๆ นี้ครับ
ขอขอบคุณ ASUS Thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ
สเปคเบื้องต้นของ ASUS Zenfone Zoom
- หน่วยประมวลผล Intel Atom Z3590 (Quad-core) ความเร็ว 2.5 GHz
- หน่วยความจำภายใน 128GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุดที่ 128GB
- แรม : 4GB
- จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P, กระจก Corning Gorilla Glass 4
- การเชื่อมต่อ 2G : 850MHz/900MHz/1800MHz/1900MHz
- การเชื่อมต่อ 3G : 850MHz/900MHz/1700MHz/1900MHz/2100MHz
- การเชื่อมต่อ 4G FDD-LTE: (WW version) 2100MHz(1)/1900MHz(2)/1800MHz(3)/1700MHz AWS(4)/850MHz(5)/2600MHz(7)/900MHz(8)/700MHz(17)/800MHz(20)
- รองรับการใช้งานในระบบ 1 ซิมการ์ด (Micro SIM)
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/,ac Bluetooth V. 4.0, NFC
- กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.7-4.8, 3X optical zoom / 12X total zoom, OIS 4 Stop (Optical Image Stabilization) 10P HOYA lens, 0.03 second laser auto-focus, dual-color Real Tone flash
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.0, Wide View, PixelMaster
- Android 5.0 Lollipop ครอบทับด้วย Zen UI
- ขนาดตัวเครื่อง 158.9 x 78.8 x 12 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 185กรัม
- แบตเตอรี่ Li-Polymer 3000 mAh เทคโนโลยี Quick Charge (BoostMaster)
- ราคาวางจำหน่าย 16,990 บาท ในรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Intel Atom Z3580 และมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64GB
- ราคาวางจำหน่าย 18,990 บาท ในรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ต Intel Atom Z3590 และมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 128GB
สเปคโดยละเอียดสามารถดูได้จาก official page ASUS Zenfone Zoom Specification
Packaging & Accessories
ตัวกล่องมาในสไตล์ Gift Box คือดูมีความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหรา ด้านหน้าพิมพ์บอกชื่อรุ่นด้วยสีทองสะดุดตา และที่เห็นวงกลมใหญ่ ๆ ด้านข้างก็เพื่อสื่อถึงงานดีไซน์ของตัวกล้องหลังนั่นเอง
ด้านหลังดูเรียบ ๆ เช่นกัน เพียงพิมพ์บอกโมเดลและสเปคภายในตัวเครื่องแบบสังเขป
เมื่อแง้มกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง Zenfone Zoom และสาย Strap คล้องข้อมือที่จัดวางอยู่ในกล่องด้านข้าง
สำหรับอุปกรณ์เสริมที่ให้มาในกล่องจะประกอบไปด้วย
1. อแดปเตอร์ชาร์จไฟ
2. สาย Micro USB
3. ชุดหูฟังสมอลทอร์คและจุกยางสำรอง
4. Strap สายคล้องข้อมือ
5. คู่มือการใช้งานฉบับย่อ
อแดปเตอร์ชาร์จไฟจะรองรับ Output ที่ 5V-2A และ 9V-2A เพื่อชาร์จไฟได้เร็วขึ้น และตัว Zenfone Zoom นั้นรองรับเทคโนโลยี Quick Charge อยู่แล้วนั่นเอง
สายคล้องข้อมือตัววัสดุเป็นหลังแท้ ให้อารมณ์หรูหราและมีความพรีเมี่ยมเข้ากับตัวฝาหลังได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวฝาหลังนั้นทาง ASUS แจ้งมาว่ารุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราจะเป็นหนังแท้เช่นกันครับ
Design & Hardweare
ดีไซน์ยังคงเอกลักษณ์ของตระกูล Zenfone ไว้อย่างเหนี่ยวแน่น สังเกตได้จากภาพรวม ๆ ครับ แต่ในแง่ของตัววัสดุต้องบอกว่าดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา โดยเฉพาะขอบเฟรมของตัวเครื่องที่เลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย และตัดขอบโค้งมนและดูสวยงามลงตัวมาก ๆ
สำหรับ build quality อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเช่นกัน ถึงแม้ตัวเครื่องจะไม่ใช่ unibody ก็ตาม ในเรื่องของงานประกอบให้สอบผ่านเลยครับ
สุดท้ายว่ากันด้วย Handle การจับถือพกพา ตัวเครื่องและน้ำหนักอาจจะไม่เข้าเกณฑ์สมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องความบาง เพราะยังไงด้วยความที่เน้นเรื่องกล้องแถมเป็น Optical Zoom ด้วยแล้ว เลิกคิดเรื่องความบางและนำหนักไปได้เลย แต่สิ่งที่ทดแทนกันไปก็คือการที่มีช่องสำหรับร้อยสายคล้องข้อมือ และวัสดุของตัวฝาหลังนั้นก็มีผลให้การจับถือนั้นมีความกระชับ จับได้ถนัดไม่รู้สึกลื่นมือแต่อย่างใดครับ
Zenfone Zoom มีจอแสดงผล IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD และมาพร้อมกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4
คุณภาพจอของ Zenfone Zoom อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ทั้งความสว่าง มุมมองและความคมชัด และ responding ของหน้าจอก็ตอบสนองได้อย่างลื่นไหล ไม่พบเจอปัญหาแต่อย่างใด
สำรวจ Hardware และการจัดวางเล์เอาท์ของ Zenfone Zoom กันต่อเลยครับ โดยเริ่มจากด้านหน้า
ไฟแจ้งเตือน LED Notification จะอยู่ฝั่งซ้ายมือติดกับช่องลำโพงสนทนา และถัดจากช่องลำโพงจะเป็นชุดเซ็นเซอร์และตามด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.0, เป็นเลนส์ Wide และรองรับเทคโนโลยี PixelMaster เหมือนตัวกล้องหลักด้านหลัง
สำหรับ 3 ปุ่มควบคุมของตัวระบบแอนดรอยด์ จะเป็นแบบ capacitive button แต่ไม่มีไฟล์แบ็คไลท์มาให้ใช้งานนะครับ
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และไมค์ตัดเสียงรบกวน รวมถึงเป็นไมค์ที่ใช้ในการบันทึกเสียงอีกด้วย
สำหรับด้านล่างจะประกอบไปด้วย ไมค์สนทนาและพอร์ต Micro USB ส่วนด้านขวามือสุดที่เห็นก็คือร่องบากที่ใช้ในการแกะฝาหลังนั่นเอง
ชูจุดขายในเรื่องกล้องอย่างเต็มรูปแบบ Zenfone Zoom จึงมีช่องสำหรับร้อยสายคล้องข้อมือมาให้ด้วย ซึ่งปัจจุบันที่เห็นกันบ่อย ๆ จะมีแค่เพียงค่าย Sony เท่านั้น
ดูกันต่อที่ด้านขวามือของตัวเครื่อง
ปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงที่มาในสไตล์กล้องคอมแพค คือมีสัญลักษณ์ T – W ก็คือ Tele และ Wide ช่วงระยะของเลนส์นั่นเอง ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม Power
และสุดท้ายพิเศษเหนือสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป ด้วยการให้ปุ่มชัตเตอร์กล้องและปุ่มบันทึกวีดีโอมาในสไตล์กล้องจริง ๆ
สำหรับด้านซ้ายจะเรียบ ๆ โล่ง ๆ ไม่พอร์ตหรือปุ่มใด ๆ
ดูกันต่อที่ด้านหลังครับ ด้านบนมุมซ้ายจะมีโลโก้พาร์ทเนอร์หลักก็คือ Intel ตรงกลางเป็นโมดูลกล้องขนาดใหญ่ ถัดลงมาจะมีโลโก้ ASUS และแถบคาดเพื่อยกให้ตัวฝาหลังลอยจากพื้น เพื่อที่เสียงจากลำโพงจะไม่ถูกบดบังนั่นเอง และสุดท้ายท้ายสุดลำโพงมีเดียหรือลำโพงหลักของตัวเครื่องจะอยู่ที่มุมซ้ายล่างครับ
นอกจากนี้ทางค่าย ASUS ส่งเมล์มายืนยันว่ารุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ตัววัสดุที่ห่อหุ้มฝาหลังจะเป็นหนังแท้ ส่วนตัวที่ผมได้มารีวิว ก็พยายามจะพิสูจน์อยู่ครับ ว่ามันเป็นวัสดุอะไรกันแน่ เพราะฟิลลิ่งในการสัมผัสผมมองมองว่ามันเหมือนโพลีคาร์บอเนตมากกว่าหนังแท้นะ ยังไงถ้าได้เครื่องวางจำหน่ายในไทยมารีวิวอีกรอบจะมาบอกเล่าให้ฟังอีกทีในภายหลังครับ
โครงสร้างโมดูลกล้องดูค่อนข้างใหญ่โต แต่ข้อดีคือเมื่อเทียบกับกับสมาร์ทโฟนที่มีกล้องแบบ Optical Zoom ด้วยกัน ตัวเลนส์กล้องของ Zenfone จะไม่ยื่นนูนออกมามาก ทำให้ตัวเครื่องนั้นไม่หนาจนเกินไป
และในส่วนของกล้องหลังนั้นมาแบบจัดเต็มจริง ๆ ครับ ด้วยองค์ประกอบของชิ้นเลนส์แบบ 10 ชิ้น จากค่าย Hoya รองรับการซูมแบบ Optical Zoom ได้ 3 เท่า และแบบดิจิตอลซูมได้ถึง 12 เท่า การโฟกัสนั้นสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วแม่นยำด้วยเลเซอร์โฟกัส และยังมาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบ OIS แบบ 4 Stops ส่วนไฟแฟลชจะเป็น Dual tone เพื่อให้ภาพที่สมจริงเมื่อเปิดใช้งานโหมดแฟลช
รองรับการใช้งาน 1 ซิมการ์ด และใช้ซิมชนิด Micro Sim ส่วนช่องใส่ MicroSD Card จะอยู่ที่ด้านบนของช่องถาดซิมครับ
ถอดฝาหลังเพื่อใส่ซิมการ์ดและ MicroSD Card เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เองนะครับ
ในส่วนของตัว NFC ก็จะอยู่ที่ฝาหลังของตัวเครื่อง
เมื่อใส่สายคล้องข้อมือแล้วก็จะได้อารมณ์ประมาณนี้ และขอแนะนำเลยว่าควรใส่ไว้เพราะช่วยในเรื่องของความปลอดภัยจากการใช้งานได้จริง ๆ ครับ
สำหรับบทความนี้ขอเป็นพาชมการแกะกล่องเพียงอย่างเดียวก่อนนะครับ ยังไม่สรุปและลงรายละเอียดในส่วนอื่น ๆ ขอยกยอดไปต่อใน Full Review ที่กำลังจะติดตามมาในเร็ว ๆ นี้ครับ
สุดท้ายนี้ผิดพลาดประการใดต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ โดยคลิ๊กที่ลิงก์นี้ครับ >>> pdamobiz.com
ถูกใจบทความนี้ 0
You must be logged in to post a comment.