ข่าวล่ามาเร็ว Garmin Forerunner 235 เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราอย่างเป็นทางการ และมีวางจำหน่ายแล้ว ในราคา 12,990 บาท จากข่าวการเปิดตัว การ์มินเปิดตัวผู้ช่วยนักวิ่งคนล่าสุด ‘Garmin Forerunner 235’ พร้อมเปิดบริการใหม่ ‘Garmin Move’ ให้ยืมผลิตภัณฑ์การ์มิน 7 รุ่นไปทดลองใช้ในสนามจริง โดยวันนี้ผมก็จะพาเจ้า Garmin Forerunner 235 ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปสดๆ นี่ล่ะ มารีวิวให้ชมกัน แต่ทว่ายังไม่ได้ลองใช้งานนะครับ คงเป็นการรีวิวตัวเรือนของเจ้า Forerunner 235 และเปรียบเทียบกับ Foreruner 225 ที่ยังใช้งานอยู่ ในลักษณะรูปร่างภายนอก ไม่พอยังมี Fitbit Surge อีกด้วยครับ มาชมกันดีกว่าว่าแจ่มแค่ไหน
คือต้องบอกเลยว่าตั้งแต่ได้ข่าว ก็เล็งไว้แล้ว ว่าจะต้องสอยให้ได้ เนื่องจาก ช่วงนี้เริ่มมาปั่นบ้างเล็กๆ น้อยๆ หากได้เจ้า Garmin Forerunner 235 ที่ฉีกกฎชื่อรุ่นตัวเองให้รองรับการปั่นด้วยล่ะก็ คงจะดีไม่น้อย ซึ่งที่ใช้งานอยู่ ณ ปัจจุบัน ก็คือ Forerunner 225 ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ รีวิว Garmin Forerunner 225 นาฬิกาจับเวลา ระยะทาง และอัตราการเต้นของหัวใจ ที่นักวิ่งต้องมีข้อมือ ซึ่งของใหม่มา เก่าก็คงต้องไป แต่ก่อนไปก็ขอเอามาเปรียบเทียบกันสักหน่อยก็แล้วกันนะครับ แต่ก่อนจะเอาไปเปรียบเทียบในยกแรกเรื่องรูปร่างหน้าตา ก็ต้องขอดูเจ้า Forerunner 235 กันสักหน่อยก็แล้วกัน
ก่อนอื่นมาดูสเปคกันก่อนเลยครับ สีที่มีขายในไทยก็คือ สีแดง สีส้ม และสีเทา ขายในราคา 12,990 บาท
และเช่นเคย ได้มาทั้งกล่อง มาแกะกล่องกันดีกว่า
ตัวกล่องออกแบบมาไม่ค่อยต่างจากเดิมสักเท่าไหร่
ด้านหลังกล่องยังคงมีรายละเอียดเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
กล่องมีขนาดใหญ่กว่า Forerunner 225 อยู่พอสมควร
ภายในกล่องที่มีให้นอกจากเจ้า Garmin Forerunner 235 แล้ว ก็ยังมีชุดไขควงพร้อมสายสีดำ แถมให้ และสายชาร์จพร้อมคู่มือ
คราวนี้ก็มาดูตัวเรือนกันบ้างกับ Garmin Forerunner 235 ตัวเรือนมีน้ำหนักเบา และที่ได้มาคือสีแดงแรงฤทธิ์ สวยงามดี ซึ่งจากสเปคเส้นผ่าศูนย์กลางของหน้าจอ 31.1 มม. หรือประมาณ 1.23นิ้ว แสดงเป็นสีต่างๆ ได้ด้วย
หน้าตาดูดี น่าใช้งานจริงๆ น้ำหนักก็เบาอีกด้วย ฟังก์ชั่นต่างๆ ให้ใช้งานครบถ้วน
จริงๆ ตัวเรือนและสายเป็นสีแดงเข้ม แต่ต้องขออภัยแสงสว่างอาจจะจ้ามากไปหน่อย และภาพที่ออกมาทำให้สายดูเหมือนเป็นสีส้มไปเลย
การออกแบบปุ่มกด ก็ยังคงดีไซน์เดิมๆ ตำแหน่งก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไร ใครที่เคยใช้ Garmin ซีรีส์ Forerunner รุ่นก่อนหน้านี้ น่าจะเคยชินแล้ว เหลือแต่มือใหม่ที่อาจจะต้องศึกษากันเพิ่มเติมอีกนิด ใช้ๆ ไปเดี๋ยวก็คล่องเอง
ปุ่ม Go เริ่มการออกกำลังกาย ก็มีสีแดงชัดเจน กดง่าย ส่วนปุ่ม back ก็ใช้สำหรับเลื่อนถอยหลัง
ส่วนปุ่มนี้สำหรับ ปิดและเปิด และเป็นปุ่มเปิดแสงบนหน้าปัทม์ ถ้าหากสังเกตดีๆ วัสดุที่ใช้เป็นพลาสติกล้วนๆ
ส่วนของตัวน็อตนี่สามารถไขออกได้ง่ายๆ ด้วยเครื่องมือที่ให้มาในกล่อง เพื่อเปลี่ยนสายเป็นสีดำ สำหรับใส่ทำงานก็ได้นะ ถ้าหากสีแดงดูแจ่มเกินไป
สายที่เป็นลักษณะยางที่ดูเบาและน่าจะใส่สบาย
ที่ขาดไม่ได้ก็คือเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งบน Forerunner 235 สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ 24/7 เลยทีเดียว การออกแบบต่างๆ ก็ได้ดีไซน์หลักมาจาก Forerunner 230 นั่นล่ะครับ
โดยเท่าที่จับๆ ดูแล้ว ผมว่า Garmin Forerunner 235 น่าใช้มากทั้งฟังก์ชั่นต่างๆ ทั้งราคา ก็สมเหตุสมผล
เอามาเปรียบเทียบกับ Garmin Forerunner 225 กันบ้าง
ซ้าย Garmin Forerunner 235 ขวา Garmin Forerunner 225 ตัวเรือนมีขนาดต่างกัน เรื่องความหน้านี่ชัดเจน เรื่องขนาดหน้าจอนี่ใกล้เคียงกัน แทบไม่รู้สึกถึงความต่าง และอีกอย่างก็คือสีแดงที่สีของ Garmin Forerunner 235 สดกว่า
ส่วนของสาย เห็นๆ เลยว่าบน Garmin Forerunner 235 นี่มีรูระบายอากาศได้ดีกว่า ในขณะที่ Forerunner 225 นี่มีแค่เป็นช่องสำหรับสลักสายให้แน่นแค่นั้น
ลองดูทั้งสองส่วนก็คงเห็นว่าต่างกันตรงขนาดสายด้วย อันนี้ก็อาจจะเป็นอีกประเด็นนึงที่น้ำหนัก Garmin Forerunner 235 เบากว่า ใส่สบายกว่า
แล้วเราก็มาเปรียบเทียบกันในมุมต่างๆ กันอีกสักนิด
แต่ละด้านนี่เหมือนกัน มีแค่สัญญลักษณ์นิดหน่อย กับความหนา ความบางที่ต่างกัน
ขนาดความยาวของสายนาฬิกา Garmin Forerunner 235 สั้นกว่านิดนึง
เรื่องของ เซ็นเซอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ บน Garmin Forerunner 235 ใช้เทคโนโลยีของ Garmin เอง และใช้ไฟ 3 ดวง ส่วน Garmin Forerunner 225 เป็นเทคโนโลยีของ mio technology ถ้าหงายดูด้านนี้จะเห็นว่าบน Garmin Forerunner 225 มียางหุ้มเรือนด้านหลังอยู่ด้วย ทำให้ดูหนากว่า
ที่ชาร์จก็ต่างกัน
ใครดูดีกว่ากัน ผมว่า Forerunner 225 นะ
ลองใส่เปรียบเทียบกันครับ รู้สึกได้ถึงความเบาสบาย ที่ Forerunner 235 มีให้ (ก็ใหม่นิ เห่อกันนิดนึง) ซึ่งผมว่า Garmin Forerunner 225 ก็ยังน่าสนใจ เพราะดูแล้วอึดกว่า ถึกกว่า ในขณะที่ Forerunner 235 นี่เบาบาง น่าถะนุถนอมมากกว่า
และทิ้งท้ายด้วยเทียบกับ Fitbit Surge ซึ่งจริงๆ แล้วก็อาจจะเทียบด้วยกันยากนิดนึงเพราะ Fitbit Surge ออกมาปีนึงแล้ว
สำหรับ Fitbit Surge สามารถออกกำลังกายได้หลากหลายกว่านะ แต่ยังไง Garmin Forerunner 235 ในชั่วโมงนี้ก็แจ่มกว่าเห็นๆ
สรุปกันนิดนึง
ในส่วนของตัวเรือนผมว่าอันนี้โอเคเลย เบา ใส่สบาย ใหม่สด วัด HR ได้ตลอดวันอีกด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่ผมต้องการเลย ไม่ใช่แค่วัดเฉพาะตอนออกกำลังกายเท่านั้นนะ แบตอึดอยู่ได้ปหระมาณ 9 วัน สามารถตั้งให้เตือนแอพต่างๆ จากเมือถือมาที่ Garmin Forerunner 235 ได้ด้วย และเป็นภาษาไทยอีกต่างหาก ดีไซน์ก็มานแนว Forerunner 23x ซึรีส์นั่นเอง ดูไม่แข็งแรงนัก เรื่องนี้สู้รุ่น Forerunner 225 ไม่ได้แน่ๆ ดีไซน์จะว่าไปก็ไม่ได้ต่างจาก Forerunner 225 สักเท่าไหร่ซะด้วย แค่ใหม่กว่า และรองรับการปั่นจักรยาน ใครที่สนใจผมว่าทั้งสองตัวยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ แต่ Forerunner 235 ครบเครื่องกว่าแค่นั้นเอง เอาไว้ผมลองใช้งานแล้วจะมาบอกเล่ากันอีกทีนะครับ สำหรับผมคาดว่าเจ้า Garmin Forerunner 235 จะเข้ามาแทนที่ ทั้ง Garmin Forerunner 225 และ Fitbit Surge
ถูกใจบทความนี้ 243
You must be logged in to post a comment.