ตลาดสมาร์ทโฟนที่ครองส่วนแบ่งและผู้ใช้งานส่วนใหญ่ให้ความสนใจและพร้อมจะซื้อหามาใช้งานจริง ๆ ในยุคนี้ไม่ใช่พวก Flagship หรือเรือธงตัว Top แต่อย่างใดครับ เพราะด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในปัจจุบัน ส่งผลให้สมาร์ทโฟนมีราคาที่ถูกลง (ตลาดกลางและล่าง) ในขณะเดียวกันนั้น specification ก็มีความแรงขึ้นและคุ้มค่ามากขึ้นเมื่อเทียบจากจากราคาของยุคที่ผ่านมา ทั้งนี้ทั้งนั้นจึงส่งผลให้สมาร์ทโฟนระดับกลาง ๆ ก็สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างเหลือเฟือเพียงพอ และถ้าหากถามผมว่าชั่วโมงนี้สมาร์ทโฟน Mid-range ที่ครบเครื่องและคุ้มค่าที่ในตอนนี้คือรุ่นไหน ผมก็จะตอบอย่างหนักแน่นเลยว่าคือ vivo V3Max อย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะไม่ได้ดีที่สุดในทุกเรื่อง ๆ แต่ความครบเครื่องนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากเป็นคนที่ชอบความหลากหลายแล้วละก็ vivo V3Max สามารถตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวเลยครับ
ขอขอบคุณ vivo thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ
สเปคเบื้องต้นของ vivo V3Max
- หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652 (Octa-core 64bit) ความเร็ว 1.8GHz
- หน่วยความจำภายใน 32GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
- แรม : 4GB
- จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 × 1080 พิกเซล
- การเชื่อมต่อ 2G : 850/ 900/ 1800/ 1900MHz
- การเชื่อมต่อ 3G : 850/ 900/ 2100MHz
- การเชื่อมต่อ 4G FDD-LTE850/ 900/ 1800/ 2100/ 2600MHz
- รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด (Hybrid slot)
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth V. 4.1,
- กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสแบบ PDAF
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- Android 5.1 Lollipop ครอบทับด้วย Funtouch OS 2.5
- ขนาดตัวเครื่อง 153.9 × 77.1 × 7.58 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 168 กรัม
- แบตเตอรี่ 3000 mAh, Li-Polymer
- สีที่มีวางจำหน่าย Gold (เมทัลลิค) ราคาวางจำหน่าย 12,990 บาท
ปล. รูปในบทความสามารถคลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ได้ครับ
Packaging & Accessories
ตัวกล่องมาในสไตล์เรียบ ๆ อันเป็นเอกลักณ์ของค่าย vivo ครับ
เมื่อแง้มแกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง vivo V3Max นอนรออยู่ในถาดรอง
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีอะไรให้มาบ้าง มาสำรวจไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
1. ซิลิโคสเคสแบบใส และเข็มจิ้มเปิดถาดซิมที่ออกแบบได้ดูโมเดิร์นแปลกตาดีครับ
2. อแดปเตอร์ชาร์จไฟที่รองรับเทคโนโลยี Fast charging โดยให้ Output มาที่ 5V-2A และ 9V-2A
โดยตัว vivo V3Max นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual-Chip Flash-Charging IC เพิ่มความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่มากขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า โดยใช้เวลาเพียง 5 นาที ก็สามารถฟังเพลงได้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมง และมั่นใจยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัย Nine Charging Protection Technologies บน V3Max
3. ชุดหูฟังสมอลทอร์คแบบ “เอียร์บัด”
4. สาย USB On-The-Go [OTG]
5. สาย Micro USB สำหรับซิงค์และชาร์จไฟ
ปล.เครื่องที่ผมได้รับมารีวิวเป็น Testing Phone จึงไม่มีคู่มือและใบรัปประกันมาในกล่องนะครับ
Design & Hardweare
ดีไซน์ของ vivo V3Max เมื่อดูจากด้านหน้าจะเห็นว่าไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนภายในค่ายสักเท่าไหร่ แต่เมื่อดูในภาพรวม ๆ ก็จะเห็นได้ว่า vivo V3Max ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงอยู่พอสมควร เช่นการดีไซน์ขอบข้างโค้งมนและตัดขอบ Edge-Cut Design แบบเส้นคู่รอบตัวเครื่องส่วนด้านหลังมีการตัดขอบบน-ล่างด้วยการเล่นระดับของโทนสี สำหรับวัสดุหลักตัวโครงสร้างหรือบอดี้จะเป็นโลหะเกรดเพรีเมี่ยม ที่มีความทนทานและสวยงาม พร้อมเคลือบพื้นผิวด้วยแร่ธาตุพิเศษ
ในส่วนของ Build Quality ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับการที่เป็นเครื่อง Testing Phone หรือไม่ เพราะงานประกอบในส่วนการตัดขอบล่างที่ด้านหลังตัวเครื่องยังไม่เรียบเนียนเท่าที่ควร
มาพูดถึง Handle การจับถือพกพากันต่อ แม้จะมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วก็ถือว่าไม่อึดอัดนะสำหรับมือผู้ชายทั่ว ไป เนื่องจากดีไซน์ที่เน้นความโค้งมนไม่มีเหลี่ยมสัน ทำให้การจับถือและพกพาไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด และข้อดีอีกอย่างก็คือตัวเครื่องนั้นยังมาพร้อมกับความบางเบาอีกด้วย
จากนี้มาสำรวจภาพรวมของตัว Hardware กันต่อครับ
จากนี้มาสำรวจภาพรวมของตัว Hardware กันต่อครับ
vivo V3Max มาพร้อมกับจอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080P (1920 × 1080 พิกเซล) ตัวกระจกเป็นแบบโค้ง 2.5D ตามสมัยนิยม และเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกกันรอยจาก Corning Gorilla Glass 3 ตัวจอแสดงผลของ vivo V3Max มีคุณภาพที่ดีครับ ทั้งเรื่องความสว่าง สีสัน และการตอบสนองในการสัมผัส
ด้านหน้าส่วนบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และถัดจากตัวกล้องจะเป็นที่อยู่ของลำโพงสนทนาและชุดเซ็นเซอร์ Accelerometer และ Proximity Sensor สุดท้ายไฟแจ้งเตือน LED Notification จะอยู่ที่มุมขวามือสุดของตัวเครื่อง
ด้านหน้าส่วนล่าง 3 ปุ่มควบคุมมาตรฐานของระบบแอนดรอยด์ จะเป็นแบบ Capacitive Button แต่ไม่มีไฟแบล็คไลท์มาให้ใช้งานนะครับ โดยตัวปุ่มนั้นจะสกรีนสัญลักษณ์ด้วยสีเงิน เมื่อใช้งานกลางวันหรือในสภาพแสงที่ไม่น้อยจนเกินไปก็ยังพอมองเห็นได้อย่างชัดเจนครับผม
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีเพียงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น ส่วนด้านล่างจะประกอบไปด้วย พอร์ต Micro USB ไมค์สนทนาและ ลำโพงหลักของตัวเครื่องที่ออกแบบได้ดูสวยงามดีครับ ในเรื่องของคุณภาพเสียงจากตัวลำโพงก็ถือว่ายอดเยี่ยมเลยครับ ทั้งความดังและความใส ถึงแม้จะเป็นลำโพงแบบโมโนก็ตาม
ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องด้านบนจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิม โดยถาดซิมของ vivo V3Max จะเป็นแบบไฮบริดตามสมัยนิยมของสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดในปัจจุบัน คือจะเป็นใช้งานร่วมกันระหว่างซิมการ์ดและหน่วยความจำภายนอก MicroSD
ตัวถาดซิม 1 จะใช้ซิมแบบ Micro SIM ส่วนถาดซิมสองจะเป็นแบบ Nano SIM ซึ่งในถาดซิม 2 จะใช้งานร่วมกับ MicroSD จึงต้องเลือกว่าจะใช้งาน 2 ซิมหรือจะใช้งานหน่วยความจำภายนอก เพราะมันไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้นั่นเอง
สำหรับด้านขวามือของตัวเครื่องจะมี ปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง และปุ่ม Power ตัวปุ่มทั้ง 2 จะใช้วัสดุและสีเดียวกันกับตัวเครื่อง นอกจากนี้การจัดวางตำแหน่งก็ทำได้ดีมากอีกด้วยครับ เพราะจากการใช้งานจริงแล้วมันสะดวกมาก ๆ ไม่ต้องเอื้อมนิ้วไปไกล และไม่รู้สึกเมื่อยนิ้วแต่อย่างใด
ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มาพร้อมไฟแฟลช LED 1 ดวง และระบบโฟกัสแบบ PDAF ที่โฟกัสไวถึง 0.2 วินาที พร้อมทั้งใช้เวลาเข้าโหมดกล้องเพียง 0.7 วินาทีเท่านั้น
ถัดจากกล้องลงมาก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่มาพร้อมนิยาม Faster Fingerprint Unlocking ด้วยการสแกนลายนิ้วมือได้แบบ 360 องศา อย่างรวดเร็วเพียงแค่ 0.5 วินาทีเท่านั้น
ในส่วนของการสำรวจ Hardware ภายนอกของ vivo V3Max ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ
Software & Featere
vivo V3Max เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 5.1.1 (Lollipop) และครอบทับด้วย User Interface ” Funtouch OS 2.5″ สำหรับพื้นที่ของ ROM 32GB จะเหลือให้ใช้งานจริงราว ๆ 23GB และข้อดีอีกอย่างคือไม่มีการแบ่งพาร์ติชั่นในส่วน ROM แล้วครับ ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องการติดตั้งแอพพอเคชั่นอีกต่อไป
Funtouch OS 2.5 เป็น User interface ที่ผู้ใช้งานค่ายนี้รู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในภาพรวมก็จะเหมือนกับรอมจีนทั่วไป ๆ ที่ไม่มีหน้า App Drawer ซึ่งจะคล้าย ๆ กับ iOS นั่นเอง แอพต่าง ๆ จะอยู่รวมกันในหน้าโฮม แต่เราสามารถสร้าง Folder เพื่อแยกหรือจัดแบ่งหมวดหมู่ตามที่ต้องการได้ในภายหลัง ซึ่งในปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์มักจะนิยมสร้าง UX/UI ในสไตล์นี้
ส่วนความแตกต่างของ Funtouch OS 2.5 กับ User Interface ของแบรนด์อื่น ๆ ก็มีอยู่บ้างครับ เช่นการแยกในส่วนของแผง Notification และ พวก quick setting + toggle switch ออกจากกัน โดยในส่วนของแผง quick setting + toggle switch จะใช้วิธีลากจนด้านล่างของจอขึ้นไปด้านบนเพื่อเรียกใช้งาน หรือกดค้างที่ปุ่ม Recent เพื่อเรียกใช้งานก็ได้เช่นกันครับ
ตรงนี้ก็ไม่แตกต่างจากแบรนด์จีนอื่น ๆ ที่มีธีมให้เลือกปรับเปลี่ยนเพิ่มความสวยงามได้อย่างหลากหลายและครอบคลุมครับ ทั้ง ธีมหลัก ที่มีให้เลือกใช้งานมากมาย สามารถดาวน์โหลดแบบออนไลน์มาใช้งานได้อย่างสะดวก, และรวมไปถึงส่วนอื่น ๆ ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น เช่น ภาพพื้นหลัง, สไตล์การล็อคหน้าจอ, ขนาดและรูปแบบฟอนต์เป็นต้น
i Manager จะเป็นศูนย์กลางในการดูแลและจัดการระบบของตัวเครื่อง เช่น ลบไฟล์ขยะ, ลบแคช, บริหารจัดการ การเชื่อมต่อข้อมูลดาต้า, ตั้งตั้งถอดถอนแอพ, ดูแลรักษาระบบความปลอดภัย, เปิด-ปิดการใช้โหมดประหยัดพลังงาน, บล็อคสาย – ข้อความ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี Privacy ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกับระบบสแกนลายนิ้วมือด้วยครับ
Faster Fingerprint Unlocking เป็นอีกหนึ่งจุดขายของ vivo V3Max โดยรองรับได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้วมือ สามารถปลดล็อคหน้าจอผ่านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ทันที โดยไม่ต้อง wake up หรือกดปุ่ม Power ก่อนแต่อย่างใด
Smart motion โหมดการใช้งานอัจฉริยะ เป็นฟีเจอร์ที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างของสมาร์ทโฟนจากค่าย vivo ครับ
Smart Wake เป็นโหมดการวาดบนหน้าจอ ใช้งานได้ในขณะที่หน้าจอดับอยู่ โดยมีรูปแบบในการเรียกใช้งานที่หลากหลาย เช่น เลื่อนนิ้วขึ้นเพื่อปลดล็อค, เลื่อนนิ้วลงเพื่อถ่ายรูป, วาด c เพื่อเข้าสู่หน้าการโทร, วาด m เพื่อเข้าสู่การฟังเพลง, วาดเส้นเปลี่ยนเพลง, วาด e เพื่อเข้าสู่เว็บเบราว์เซอร์ และ วาด w เพื่อเข้าสู่ WeChat เป็นต้น
Air operation จะเป็นโหมดที่ใช้งานร่วมกับเซนเซอร์ เช่นการโบกมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอ , เลื่อนภาพในเมนูอัลบั้ม เลื่อนหน้าหลัก, เปิดหน้า Black screen เป็นต้น ส่วน Smart turn on/off screen จะเป็นเป็นการทำงานร่วมกับ Light senser เช่นเมื่อนำโทรศัพทย์ออกจากกระเป๋า หน้าจอจะติด หรือ เคาะหน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อปลุกหน้าจอเป็นต้น สำหรับ Smart call จะอำนวยความสะดวกในด้านการโทรออกและรับสาย ซึ่งทั้งนี้ในทุก ๆ เมนู จะมีไกด์ไลน์บอกรายละเอียดและวิธีใช้งานไว้ให้ ไม่ต้องกังวลหรือจะงงว่าแต่ละเมนูนั้นทำงานอย่างไร
ฟีเจอร์ Super screenshot จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและมีลูกเล่นให้ใช้งานเพียบ เช่นจับภาพหน้าจอแนวยาว Long screenshot จะสามารถจับภาพหน้าจอแนวยาวได้ในครั้งเดียว เหมาะกับการจับภาพหน้าจอเว็บหรือแอพแชพต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถจับภาพหน้าจอได้อีกหลายรูปแบบ รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวได้อีกด้วย
Smart Spilt ฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ vivo V3Max
หลักงานทำงานจะแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 หน้าจอ เช่น เปิดใช้งานบน Youtube หรือ Social Network ต่างๆ ไปพร้อม ๆ กัน
สามารถขยายขนาดของหน้าต่างและรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน
Multimedia
มี FM Radio ให้ใช้งานแบบทศนิยม 1 จุด ภาครับสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ภาพรวม ๆ แล้ว ความสามารถน้อยไปนิดครับ เพราะไม่สามารถบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ได้
Music Player เป็นจุดขายของ vivo เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะรุ่นกลาง ๆ และรุ่น Top ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับชิปเสียง และแอมป์ (ในบางรุ่น) สำหรับ vivo V3Max จะมาพร้อมกับชิปเสียง Hi-Fi AK4375 ซึ่งทาง Vivo ได้จับมือร่วมกับ Asahi Kasei Microdevices Corporation บริษัทชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณภาพเสียง โดยมีค่า SNR สูงถึง 105dB และต่ำสุด -97dB
สำหรับตัวระบบเสียง Hi-Fi จะสามารถใช้งานได้ เมื่อเชื่อมต่อกับหูฟังเท่านั้น และนอกจากนี้ยังสามารถใช้งานระบบเสียง Hi-Fi ร่วมกับบางแอพได้อีกด้วย ส่วน BBE ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการปรับปรุงคุณภาพเสียงที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น หาก Hi-Fi เป็นระบบ Auto ตัว BBE ก็คือการปรับในแบบ manual ที่มีความละเอียดและยืดหยุ่นนั่นเองครับ
VDO Player มีบางฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานได้คล้าย ๆ กับแอพยอดนิยมอย่าง MX Player ก็คือ การ Swipe ด้านซ้ายหรือขวา เพื่อเป็นการปรับความสว่างหรือระดับเสียง นอกจากนี้ยังรองรับการเล่นในหน้าต่างป็อปอัพขนาดเล็กได้อีกด้วย
Performance
สำหรับผลคะแนนถือว่าค่อนข้างแรงพอตัว ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากชิปเซ็ตตัวใหม่ Qualcomm Snapdragon 652 และ RAM 4GB เรียกว่าใช้งานได้ไหลลื่นสุด ๆ ทั้งการใช้งานทั่ว ๆ ไป หรือการเล่นเกมหนัก ๆ ก็ไม่หวั่นเลยครับ
Camera & Sample
User interface หรือหน้าเมนูกล้องบน vivo V3Max ยังใช้รูปแบบเดิม ๆ ครับ คือดูเรียบง่ายสะอาดตา สามารถใช้งานและเข้าถึงโหมดการถ่ายภาพและการตั้งค่าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว หากใครใช้ค่ายนี้มาก่อนจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
มีฟิลเตอร์ให้ใช้งานหลากหลาย และอีกหนึ่งจุดเด่นของค่าย vivo คือมีโหมดใส่ลายน้ำลงไปในรูปภาพได้ด้วย
โหมดการถ่ายและการตั้งค่า อาจจะไม่ไม่เยอะหรือละเอียดยิบย่อย แต่ก็เพียงพอและช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีครับ เช่นการสั่งถ่ายรูปด้วยเสียง หรือสั่งถ่ายรูปจากท่ามือเป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโหมดโหมดโปรมาให้ใช้งานเหมือนรุ่นพี่ภายในค่าย สำหรับโหมดโปรสามารถตั้งค่าได้ยืดหยุ่นเช่น ชดเชยแสงแสง, ปรับค่า ISO, ปรับสปีดชัตเตอร์, ปรับโหมดโฟกัส, ไวท์บาลานซ์, เป็นต้น แต่น่าเสียดายคือไม่สามารถเรียกใช้งานแบบด่วนด้วยการลากนิ้วจากปุ่มชัตเตอร์ได้เหมือน Xshot , X5 Pro นะครับ ต้องเข้าไปเรียกใช้งานจากหน้าเมนูการตั้งค่า
จากนี้มาดูรูปถ่ายจาก vivo V3Max กันได้เลยครับ
คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ได้ครับ
Normal mode
HDR mode
Normal mode
HDR mode
กล้องหน้า
โหมดบิวตี้ของค่าย vivo จะปรับแต่งในรูปแบบ 0-100 ซึ่งถือว่าค่อนข้างละเอียดและยืดหยุนดีมากครับ
สรุป กล้อง vivo V3Max
แม้จะไม่ได้ชูจุดขายในเรื่องกล้องแบบจัดเต็ม แต่คุณภาพไฟล์ที่ได้จากกล้องถือว่าสอบผ่านเลยครับ ทำผลงานได้ดีมากทั้งกล้องหน้าและหลัง ถึงจะไม่เทพสุด ๆ เหมือนพวกเรือธงจากค่ายอื่น ๆ แต่คุณภาพไฟล์จากกล้อง V3Max สามารถนำไปใช้งานบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้อย่างเหลือเฟือเลยครับ หากจะมีสิ่งที่ผมรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง ก็คือน่าจะใส่ระบบกันสั่น OIS มาให้ด้วย เพราะในคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง Huawei G7 Plus เขาก็มีกันสั่นมาให้ใช้งานครับ
สรุป vivo V3Max
ข้อดี
1. สเปคจัดเต็ม ในราคากลาง ๆ โดยเฉพาะการที่ให้ RAM มาถึง 4GB
2. ฟีเจอร์จัดมาให้อย่างครบเครื่องทั้ง Faster Fingerprint Unlocking, Dual-Chip Flash-Charging และชิปเสียงรุ่นพิเศษ Hi-Fi AK4375
3. แม้จะไม่ได้ชูจุดขายเรื่องกล้องหลังสักเท่าไหร่ แต่ภาพรวมก็ทำผลงานได้น่าประทับใจครับ
4. Firmware หรือ ROM ของตัวเครื่องปรับแต่งมาค่อนข้างดีมาก ทำให้การใช้งานในภาพรวมมีความลื่นไหลที่ดี
สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. ข้อจำกัดเดิม ๆ ที่เลือกใช้ถาดซิมแบบไฮบริด
2. งานประกอบในส่วนของรอยต่อตรงฝาหลังยังไม่เนี๊ยบเท่าที่ควรจะเป็น
3. มาพร้อม Android 5.1.1 และจากที่ผ่าน ๆ มาค่าย vivo มักจะมีปัญหาเรื่องความชัดเจนในการอัพเดต จึงต้องเผื่อใจไว้สักเล็กน้อย
ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว vivo V3Max แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^
สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ โดยคลิ๊กที่ลิงก์นี้ครับ >>> pdamobiz.com
You must be logged in to post a comment.