เอ่ยชื่อ FENDER ถ้าเป็นนักดนตรีต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่สร้างชื่อจากเครื่องดนตรี และได้รับการยอมรับในระดับสากล เรียกว่านักดนตรีดัง ๆ ระดับสากลต้องมีกีต้าร์คู่ใจแบรนด์นี้ไว้ครอบครองอย่างแน่นอน และวันนี้ FENDER เองได้ผันตัวมาเป็นผํ้ผลิตหูฟังในระดับพรีเมี่ยมของวงการ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากในหลาย ๆ ประเทศ และในโอกาสนี้ทาง FENDER และ บริษัท เจนเนอเรชั่น เอส จำกัด ได้ทำการเปิดตัวหูฟัง Fender In-Ear Monitor Series (IEMs) อย่างเป็นทางการในไทย ทางเว็บ PDAMobiz ของเราได้มีโอกาสไปร่วมงานด้วย จึงขอเก็บบรรยากาศและ Hands on ตัวโปรดักส์มาฝากเหมือนเช่นเคยครับ
ประวัติและความเป็นมาของฟูฟังแบรนด์ เฟนเดอร์
เฟนเดอร์ แอมพรีฟายเออร์ แอนท์ โปรออดิโอ ผู้ผลิตและจำหน่ายหูฟังในอเมริกา จับมือ บริษัท เจนเนอเรชั่น เอส จำกัด ตัวแทนจำหน่ายหูฟังระดับพรี่เมียม เปิดตัวหูฟัง Fender พร้อมกัน 5 รุ่นในประเทศไทย ประกอบด้วยรุ่น DXA1 (สีโปร่งใส), FXA2 (สีฟ้า), FXA5 (สีเงิน), FXA6 (สีแดง) และ FXA7 (สีทอง) โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมกับสเปคที่ต่างกัน ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 3 มิติ ทำให้สวมใส่ได้กระชับหู รวมถึงมีระบบตัดสัญญาณรบกวน ช่วยลดความเพี้ยนของเสียงได้เป็นอย่างดี ด้วยเทคโนโลยีหูฟัง Fender จดสิทธิบัตรนวัตกรรมใหม่ ผลิตจากเทคโนโลยีเฉพาะ ที่ออกแบบมาเพื่อความบันเทิงจากการฟังที่ดื่มด่ำ ทุกย่านความถี่ของเสียง และราคาที่สามารถตอบโจทย์ผู้ฟังได้ทุกกลุ่ม
จิม ไนล์สลิง รองประธานฝ่าย บริษัทเฟนเดอร์ แอมพรีไฟเออร์แอนท์ออดิโอ กล่าวถึงหูฟังรุ่นแรกนี้ว่า “ตื่นเต้นกับผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัท เชื่อว่าเหล่านักดนตรีและคอเพลงจะถูกใจกับการออกแบบและประสิทธิภาพของหูฟัง Fender”
หูฟัง Fender In-Ear Monitor Series (IEMs) ออกแบบและผลิตที่เมืองแนชวิลล์ (Nashville) โดยสร้างตามแบบดั่งเดิมของหูฟังแบรนด์ออริโซนิค( Aurisonic) ซึ่งทาง Fender ได้เข้าซื้อกิจการและเปลี่ยนแบรนด์เป็น Fender แล้ว ด้วยการผลิตที่มีประสิทธิภาพ สามารถได้ยินเสียงดนตรีสด และในรุ่นที่แพงขึ้นมาของ IEMs ถูกออกแบบโดยใช้การพิมพ์ดิจิตอลแบบสามมิติ 3D-printed Digital Hybrid Technology (DHT)™ ผ่านการทดลองอย่างละเอียดโดยหูนับพันหู เพื่อให้ได้ขนาดและสรีระของตัวหูฟังที่มีความพอดีและใส่ได้สบายกับสรีระของหูของแต่ละคนได้ถึง 95% และในอนาคตทุกรุ่นยังมีระบบจัดการเสียงด้วย Hybrid-Dynamic tuned Balanced Armature Array (HDBA) เป็นเทคโนโลยีสำหรับคนหูตึงซึ่งทาง Fender นำมาใช้และดัดแปลงระดับเสียงของเสียงกลางและเสียงแหลมเพื่อความแม่นยำของช่วงคลื่นเสียง
บรรยากาศช่วงพูดคุยถึงตัวหูฟัง Fender In-Ear Monitor Series (IEMs) ซีรีย์ FXA ทั้ง 5 รุ่น ที่ได้เปิดตัวในวันนี้ กับคุณสรศักดิ์ วงศ์ชินศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอเรชั่น เอส จำกัด
โดยคุณสรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า บริษัท เจนเนอเรชั่น เอส จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายหูฟังระดับพรี่เมียมและมีประสบการณ์ทางด้านหูฟังมายาวนาน โดยพยายามคัดสรรเลือกหูฟังแบรนด์ที่มีคุณภาพระดับโลกเข้ามาให้คนไทยได้ใช้ฟังกัน สำหรับหูฟัง เฟนเดอร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นแรก แต่ได้เสียงตอบรับดีมาก ต่างประเทศตอนนี้ผลิตออกมาขายไม่พอ สำหรับประเทศไทยล๊อต แรกที่เราได้รับมาจำนวนไม่มากเท่าไร เรียกว่าเป็นหูฟังที่ได้รับการยอมรับ และขายดีมาก ๆ ในหลาย ๆ ประเทศ
สำหรับตัวหูฟังที่ได้นำมารโชว์และให้สื่อได้ลองสัมผัสลองฟังนั้นขนมาครบทั้ง 5 ตัวเลยครับ แต่เนื่องจากผมไม่ได้มีความถนัดหรือเป็นกูรูในด้านเครื่องเสียงและหูฟังนะครับ จึงขอลงสเปคและบอกเล่าในแบบ Hands On และจากความรู้สึกส่วนตัวหลังจากได้ทดลองฟังในงานเปิดตัวครั้งนี้
ก่อนจะพูดถึงตัวโปรดักส์ มาดูในส่วนของแพกเกจจิ้งกันก่อน
กล่องแพกเกจของทุกรุ่นจะมีรูปแบบที่เหมือนกันครับ ความแตกต่างจะมีเพียงแค่การสกรีนชื่อรุ่นไว้ที่ด้านหน้าเท่านั้นเอง
กระเป๋าใส่หูฟังพกพา (SureSeal™) ด้านในจะประกอบไปด้วย จุกยางสำรอง 3 ขนาด อุปกรณ์ทำความสะอาดและสายต่ออุปกรณ์
สำหรับรุ่นเล็ก หรือรุ่น Begining ของซีรีย์ก็คือ DXA1 โดยมีสเปคเบื้องต้นตามนี้
DXA1 (สีโปร่งใส) ตัวขับเสียง 8.5mm วัสดุไทเทเนียม ด้วยย่านความถี่ 14Hz–22kHz ความไว 116dB @1mW (sensitivity) ความต้านทาน 16-ohm +/-10% @1kHz (impedance) พร้อมด้วยตัวลดทอนเสียงเพี้ยนที่ 18dB (noise reduction rating) ทนทานกะทัดรัดสรีระของตัวบอดี้ที่มีความพอดีและใส่ได้สบายกับสรีระของหูของแต่ละคนและมีสายหูฟัง MMCXi™ silver-plated low-oxygen cable เหมาะกับคนทั่วไปใส่ฟังสบายๆ
ราคา 4,490 บาท
ขยับสเปคและราคาขึ้นมาอีกนิดในรุ่น FXA2
FXA2 (สีฟ้าและสีดำ) มีเสียงทรงพลัง เสียงทุ้มคมชัด ด้วยความถี่ที่ 6Hz–23kHz (frequency response) ความไว 112dB @1mW (sensitivity) ตัวขับเสียงอยู่ที่ 9.25mm (precision rare-earth driver) และตัวปรับเสียง (Groove-tuned port) เพื่อให้ได้เสียงแหลมที่คมชัดและมีเสียงในย่านต่ำที่ผิดเพี้ยนน้อยมากๆ และความต้านทานเสียงที่ 16-ohm +/-10% @1kHz (impedance) สามารถใช้กับสมาร์ทโฟน กำจัดเสียงรบกวนขณะฟังได้ถึง 22dB รุ่นนี้ออกแบบด้วย 3 มิติ (3D-DHT) มีสายหูฟังแบบสายเคเบิล MMCXi silver-plated low-oxygen cable สายถอดได้
ราคา 8,900 บาท
รุ่นกลางที่เน้นเจาะตลาดกลุ่ม Mid- range ก็คือรุ่น FXA5
FXA5 (สีเงินและสีดำ) ประกอบไปด้วย ความถี่ 19Hz–21kHz (frequency response) ให้เสียงกลางดี และปลายคมชัด ความไว 120dB @1mW ให้เสียงที่ใส, เสียงที่ผิดเพี้ยนของเสียงช่วงบนจะได้ยินทุกอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับฟังเสียงในทุกสถานการณ์ ความต้านทานที่ 36-ohm +/-10% @1kHz (impedance) สามารถใช้กับสมาร์ทโฟน กำจัดเสียงรบกวนขณะฟังได้ถึง 22dB รุ่นนี้ลดสัญญาณรบกวนพร้อมป้องกันการรับฟังที่เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่แสดงสด ขนาดหูฟังมีความพอดีและใส่ได้สบายกับสรีระของหูของแต่ละคน และจะเป็นสายMCXi™ silver-plated low-oxygen cable รุ่น FXA5 มุ่งเน้นมืออาชีพ สายถอดได้
ราคา 12,900 บาท
FXA6 รุ่นรอง Top ของซีรีย์ที่มาพร้อมกับสีแดงแรงฤทธิ์
FXA6 (สีแดง) เป็นการรวมกันของสัญญาณแบบ Hybrid-Dynamic tuned Balanced Armature Array (HDBA) tweeter ออกแบบเฉพาะเพื่อให้ตรงกับตัวขับเสียง 9.25mm (precision rare-earth driver) และตัวปรับเสียง (Groove-tuned port) การกำหนดค่าที่ไม่ซ้ำกันนี้ ให้เสียงเบสที่หนักแน่น การตอบสนองย่านความถี่จาก 6Hz – 22kHz ความไวที่ 109dB @1mW สำหรับใส เสียงผิดเพี้ยน เหมาะกับทุกสถานการณ์ ความต้านทาน 16-ohm +/-10% @1kHz สามารถรองรับ smartphone และ สามารถลดทอนเสียงเพี้ยนได้ถึง 22dB ให้เสียงทุกย่าน ทั้งสูง กลาง ทุ่มต่ำ คมชัด และยังมี Function ตัดเสียงรบกวนเพื่อถนอมโสตประสาทด้วย สำหรับมืออาชีพ สายถอดได้
ราคา 17,900 บาท
ปิดท้ายกันไปด้วยตัว Top สุดของตระกูล FXA7 ที่มาพร้อมกับสียอดนิยมในปัจจุบัน
FXA7 (สีทอง) เป็น Hybrid-Dynamic tuned Balanced Armature Array (HDBA) คู่ ที่ออกแบบมาเฉพาะให้ตรงกับตัวขับเสียง 9.2mm การกำหนดค่านี้ สร้างเสียงโปร่งใสกับการตอบสนองที่ความถี่ 6Hz–24kHz (frequency response) ความไวที่ 100dB @1mW (sensitivity) และความต้านทานที่ 16-ohm +/-10% @1kHz (impedance) โดยเฉพาะรุ่นนี้ยังมากับตัวกรองเสียงที่หู พร้อมตัวปรับ 1/8” ถึง ¼” (adapter) และ สามารถลดทอนเสียงเพี้ยนได้ถึง 22dB มีสองสีให้เลือก ทองเมทาลิค และดำเมทาลิค ให้เสียงทุกย่าน ทั้งสูง กลาง ทุ่มต่ำ คมชัด ในรุ่นนี้ ออกแบบโดยใช้ 3D-printed Digital Hybrid Technology (DHT) สายถอดได้
ราคา 21,900 บาท
สรุปความรู้สึกที่ได้ลองสัมผัสและรับฟังเสียงจาก หูฟัง Fender In-Ear Monitor Series (IEMs) ทั้ง 5 รุ่น
วัสดุและงานประกอบ ในส่วนของเฮาส์ซิ่งนั้นไม่มีปัญหาครับ แต่การเก็บงานอย่างพวกไดคัทของพวกข้อต่อสายยังดูไม่เนี๊ยบเท่าที่ควร โดยส่วนตัวผมมองว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว แต่ทั้งนี้หูฟัง Fender In-Ear Monitor Series (IEMs) ทั้ง 5 รุ่น สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ และจากที่ได้พูดคุยกับดีลเลอร์ที่มาร่วมงาน เขาก็บอกว่าควรจะเปลี่ยนสายใหม่ เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุดในการรับฟัง
สำหรับหูฟังที่นำมาโชว์ตัวในวันนี้เป็นของใหม่แกะกล่อง ยังไม่ผ่านการเบิร์นแต่อย่างใด ผมจึงขอพูดคร่าว ๆ ในภาพรวมนะครับ ทั้ง 5 รุ่นให้น้ำเสียงและเอกลักษณ์ที่ค่อนแตกต่างกันชัดเจน หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือคุณภาพเสียงนั้นขยับไปตามราคาค่าตัวเลยครับ เท่าที่ได้ลองฟังแล้ว ผมชอบ FXA6 และ FXA7 มากที่สุด และแน่นอนราคาก็สูงที่สุดด้วย แต่มันดีแบบไหน โดนใจอย่างไร อยากให้ไปลองฟังของจริงด้วยตัวเองครับ เพราะอย่างที่เกริ่นนำ คือผมไม่ได้เป็นกูรูทางด้านนี้ จึงไม่อยากออกตัวด้วยการบอกเล่าจากความชอบส่วนตัวเพียงอย่างเดียวครับ
หูฟัง Fender In-Ear Monitor Series รุ่น FXA ทั้ง 5 รุ่น ราคาตั้งแต่ 4,490 – 21,900 บาท วางขาย ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านมั่นคง และ Be Trend รับประกันศูนย์ 1 ปี
ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ โทร 02-2740665 หรือที่ www.facebook.com/MultigadgetStore
You must be logged in to post a comment.