วันนี้มาจับเจ้า Huawei P9 เรียกว่าเป็นกระแสร้อนแรงในช่วงนี้ จากราคาที่เปิดมาไม่แพงตามที่คิด แถมยังมีฟีเจอร์แบบจัดเต็มอีกต่างหาก และแน่นอนว่า Leica ชื่อนี้รับประกันความเป็นมืออาชีพด้านการถ่ายภาพ ผมว่าในช่วงนี้ต้องยกให้เค้าล่ะครับ เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ พร้อมกับการเปิดจองในแต่ละโอเปอเรเตอร์ที่จัดโปรเต็ม มาแรงกันทั้งนั้นเลย ไม่ขอเข้าไปในรายละเอียดก็แล้วกัน แต่ราคาเร้าใจแน่นอน ส่วนวันนี้พามาชมในส่วนของดีไซน์ การออกแบบ ที่ในช่วงหลัง Huawei ทำออกมาได้แบบว่าโดนใจ น่าใช้กว่าเดิมเยอะเลย
Huawei P9 รหัส EVA-L19 Specification
- หน่วยประมวลผล Kirin 955 (Octa-core) 1.8GHz (จาก CPU Z) Quad-core 2.5 GHz Cortex-A72 & quad-core 1.8 GHz Cortex-A53
- หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-T880
- หน่วยความจำภายใน 32GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card สูงสุด 128 GB
- แรม : 3GB
- การเชื่อมต่อ 2G : GSM 850 / 900 / 1800 / 1900 – SIM 1 & SIM 2
- การเชื่อมต่อ 3G : HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100
- การเชื่อมต่อ 4G : LTE band 1(2100), 3(1800), 4(1700/2100), 7(2600), 20(800), 38(2600), 39(1900), 40(2300)
- รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด Hybrid SIM (Micro SIM)
- จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด HD 1920 × 1080 พิกเซล
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac , Bluetooth V. 4.0,
- Dual Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2, 27 มม, Leica optics+ Dual LED Flash
- Front Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- Android 6.0 พร้อม EMUI 4.1
- ขนาดตัวเครื่อง 145 x 70.9 x 7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 144 กรัม
- แบตเตอรี่ 3000 mAh, Li-Polymer
- ราคา 16,900 บาท
เมื่อรู้จักสเปคเบื้องต้นไปแล้ว ก็มาเข้าในส่วนของการแกะกล่องกันเลยดีกว่า
สำหรับ Huawei P9 ออกแบบมาด้วยตัวกล่องสีขาว ดูพรีเมี่ยม ชื่อรุ่นและ Leica เด่นชัด ซึ่งเป็นจุดเด่นสำหรับรุ่นนี้
Huawei P9 นอกจากจะมีเรื่องเลนส์ที่ใช้แล้ว ยังมีเรื่องของการออกแบบ Unibody รวมถึงพลัง Octa-core ของ Huawei Kirin 955 และสแกนนิ้วที่รวดเร็วแบบสุดๆ
ตัวกล่องด้านในก็จัดวางเอาไว้อย่างดีเลยทีเดียว
อุปกรณ์ที่มีในกล่องครับ มีแถมเคสพลาสติกกันรอยมาด้วย แน่นอนว่า อุปกรณ์ตัว adapter ที่เห็นเป็นของเมืองนอก เครื่องตัวนี้เป็นตัวเทสนะครับ ที่หัวเหว่ยส่งมาให้รีวิว ดังนั้นตัวขายจริงจะเป็นปลั๊กที่ใช้งานได้ในบ้านเรา ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องนี้
หูฟังก็ออกแบบมาคล้ายๆ กับค่ายผลไม้เหมือนกันนะ อันนี้บอกตรงๆ ว่าไม่ได้แกะฟังเพราะมีส่วนตัวอยู่แล้ว จึงขอผ่านไปในเรื่องของเสียงของหูฟังนะครับ
สาย USB Type-C ที่ห้ามลืมเลยทีเดียว สะดวกตรงจะเสียบใช้งานด้านไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบผิดเสียบถูก
ตัวเครื่อง มีขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้ว ต้องบอกว่าขนาดนี้เป็นขนาดเหมาะมือมากใช้งานง่าย ใช้มือเดียวสบาย ถึงแม้ว่าเจ้า Huawei P9 จะมีผู้พี่อย่ง Huawei P9 Plus ที่จัดเต็มกว่าก็ตามที แต่แค่เจ้า P9 นี่ก็เหลือร้านแล้วล่ะ นอกจากดีไซน์โดนแล้วยังมีฟีเจอร์อีกเพียบเลย
ด้านหน้าที่เราจะสังเกตุว่าไม่มีแฟลชในตัว เวลาถ่ายภาพด้านหน้าจะใช้แสงจากหน้าจอแทนแสงแฟลช ซึ่งเวลาใช้แสงจากหน้าจอ แสงจะกระจายทั่วหน้าเรานะ แต่ถ้าเป็นแสงจากแฟลช นอกจากแสงจะวิ่งไปไม่ทั่วแล้วยังแสบตาอีกต่างหาก ส่วนกล้องด้านหน้าก็ 8 ล้านพิกเซล คงไม่ต้องบอกมุมว่ากว้างแค่ไหน เพราะช่วงนึงที่แต่ละแบรนด์พยายามบอกว่าองศากว้างมาก กว้างน้อย แต่รับรองว่า Huawei P9 เก็บได้หมด
ด้านล่างแปะแบรนด์ Huawei เอาไว้ชัดเจน ต้องเขียนต้วใหญ่ด้วยสินะ HUAWEI ส่วนการออกแบบเป็นแบบ Unibody ขึ้นรูปชิ้นเดียว ด้วยความที่เป็นโลหะ การจับหรือสัมผัสก็จะรู้สึกดี มั่นใจกว่า
ส่วนของสีที่ทุกวันนี้ด้านหน้าแทบมองไม่ออกแล้วว่าตัวเครื่องสีอะไร จะมองอีกทีก็ต้องคว่ำหน้าลงนี่ล่ะ
จุดเด่นสุดๆ ของ Huawei P9 ก็คือกล้องคู่ด้านหลังนี่ล่ะ ที่ทำให้เก็บภาพชัดตื้น ชัดลึกได้ดีมาก บวกกับความที่เป็น Leica ที่หลายคนคาดหวัง ก็ทำให้น่าลอง น่าใช้งานขึ้นไปอีก รวมถึงมี dual flash อีกด้วย นอกจากการถ่ายภาพแล้ว ยังมีเรื่องสแกนนิ้ว ที่ต้องบอกว่าเร็วมากๆ แค่แตะนิ้วเท่านั้นก็อันล็อคเครื่องเข้าใช้งานได้ทันที แบบว่าสุดๆ เลยล่ะอันนี้
ด้านล่างมีแค่เพียงโลโก้เท่านั้น
ส่วนด้านบนมีเพียงไมค์ตัวเดียว
ด้านล่างมีช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. พร้อมไมค์ และ port USB Type-C พร้อมลำโพงที่เสียงไม่ธรรมดาเลย ส่วนเรื่องการออกแบบผมว่าได้อิทธิพลมาจากผลไม้เยอะเหมือนกันนะสำหรับรุ่นนี้ รุ่นก่อนๆ ยังรู้สึกไม่มากเท่าไหร่ แต่มาจับเจ้า Huawei P9 นี่รู้สึกได้เลยว่า โดยหลักๆ แล้วยังอ้างอิงที่ผลไม้เยอะไปสักนิด
ตรง port USB Type-C นี่ต้องบอกว่าเป็นอีกปัญหาการใช้งานนึงนะ จะเรียกว่าปัญหาก็อาจจะไม่เชิง แต่ตอนนี้คือ มันไม่สามารถใช้งานร่วมกับ micro USB ทั่วๆ ไปได้ดังนั้น การจะไปที่ไหนยังไง ห้ามลืมสาย USB Type-C ติดตัวไปด้วย ไม่งั้นยุ่งแน่ๆ หากต้องการชาร์จแบตยังไงก็ต้องติดสายไปด้วย ไม่มี adpater ไม่เป็นไร ยังพอหาหยิบยืมได้ แต่ถ้าสายนี่เป็นอันจบชีวิต
ด้านข้างบางได้ใจพอตัว สมัยนี้ไม่ได้แข่งกันเรื่องความบางแล้วล่ะมั้งผมว่า แต่ 7 มม. นี่ก็ถือว่าบางเกือบสุดๆ แล้วล่ะ ด้วยความบางก็ทำให้จับถนัดมือไปโดยปริยายด้วยล่ะ
ตัวปุ่มปิดเปิดเครื่องสำหรับเจ้า Huawei P9 นี่ เค้าออกแบบมาต่างจากปุ่ม เร่งลดเสียงนะ เป็นโลหะเงาๆ ตรงแทบตัวปุ่มเวลาลูบแล้วรู้สึกสากนิ้ว คือทำให้รู้ว่าเป็นปุ่มปิด-เปิดเครื่องนั่นล่ะ อาจจะด้วยดีไซน์ แต่เรื่องการใช้งานแล้ว ผมว่าก็ไม่ต่าง เนื่องจากตำแหน่งปุ่มและขนาดที่มันบอกในตัวเองอยู่แล้วว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไร
ส่วนปุ่มที่อยากได้ที่สุด Huawei P9 คือ ปุ่ม shutter แยกต่างหาก เพราะยังไงเสีย ปุ่มลดเสียงที่นำมาใช้แทนปุ่ม shutter เวลาใช้งานจริงๆ มันก็ไม่สะดวกเท่าตัวปุ่มที่อยู่ท้ายเครื่องอยู่ดี เสียดายเหมือนกัน ไหนๆ จะเน้นเรื่องการถ่ายภาพแล้ว ก็น่าจะจัดเต็มให้
อีกด้านก็เรียบๆ มีแค่ถาดสำหรับใส่ SIM และ เมมโมรี่การ์ด
ขอบตัดที่ดูสวยงาม แต่ทว่าก็เป็นรอยได้ง่ายตามธรรมชาติ สำหรับเครื่องที่มีตัดขอบโลหะลักษณะนี้ ต้องดูแลรักษากันให้ดีสักหน่อย
ตรงถาดซิมก็มีตัว eject sim แถมมาให้ แนะนำว่าพยายามใช้ของที่ให้มาในกล่องนะครับ ถ้าไปใช้ร่วมกับรุ่นอื่นๆ อาจจะทำให้รูตรงถามซิมนี่เยินได้ แล้วมันจะดูไม่งามอย่างแรง
ถาดซิม คือเป็นแบบ Hybrid สามารถใช้ ซิมใด ซิมนึงเป็น ซิมหลักได้ หรือก็คือใช้ data ที่เป็น 4G ซิมไหนก็ได้
มาดูในส่วนของ software กันบ้าง
Huawei P9 มาพร้อมกับ Android 6.0 เรียบร้อยแล้ว การใช้งานต้องบอกว่าลื่นมาก เป็นเพราะส่วนประกอบทั้ง hardware ที่ดีและ software ที่โดน ใช้งานมายังไม่เจอบั๊กต่างๆ จะเจอแต่ก็ดาวโหลดแอพอย่าง Antutu ไม่ได้ ซึ่งคาดว่าเกิดจากตัวเครื่องเทสนะครับ ส่วนอื่นๆ ก็ตามสตไล์ของ Huawei ล่ะครับ
มาพร้อมกับ EMUI 4.1 เวอร์ชั่นล่าสุด แถมสเปคก็จัดเต็ม จะไม่ลื่นได้ไง
แอพที่ให้มาก็ใส่มาพอสมควรเหมือนกัน ตรงส่วนแอพยอดนิยม ก็คงจะมี facebook และ dropbox ล่ะครับที่ใช้งานกันประจำ อื่นๆ ส่วนตัวไม่ได้ใช้ มีแอพ EyeEm นี่ล่ะที่ประมาณว่าถ่ายรูปแล้วแชร์ไว้ และถ้ามีคนมาซื้อเราก็จะได้ % ได้ตังค์มากินหนมด้วยนะ
ส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คงเป็นเรื่องแอพสุขภาพซึ่งจับความเคลื่อนไหวจาก smartphone นั่นล่ะครับ เวลาพกติดตัวก็จะคำนวณการเคลื่อนไหวของเราในแต่ละวันเก็บไว้ แต่จะให้ดีต้องใช้ Huawei Talkband B2 นั่นล่ะ แจ่มสุด แต่บน P9 นี่จะวัดได้เฉพาะการก้าวเดิน และมีการจับการออกกำลังกายด้วยนะ วิ่ง เดิน หรือปั่น ก็ต้องพกเจ้า Huawei P9 ติดตัวไปด้วย ถ้าเป็นผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย ไม่ต้องลงแอพเพิ่มก็ใช้ได้ทันที
เรื่องหน้าจอ หากเราไม่พอใจสีที่หน้าจอ อาจจะติดเหลือง หรือแดงไปหน่อย ก็มาปรับตรงอุณหภูมิได้ ผมว่าตรงนี้ดีเลย ไม่ต้องมานั่งเถียงกันว่าจอใครเหลืองกว่าใคร ปรับเอาเองตามสบาย ส่วนคนที่ขี้เบื่อ สามารถเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้ด้วยการเขย่าและสามารถสุ่มได้ด้วย
เรื่องการสแกนลายนิ้วมือ สามารถใช้งานได้หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ การรับสาย หรือปิดปลุก แต่ต้องมาตั้งค่าด้านในด้วย ส่วนอีกอันนึงเวลาจะปลดล็อค เราสามารถใส่ลายเซ็นต์เอาไว้ด้านหน้าเครื่องได้ กรณีเครื่องหาย อาจจะใส่เบอร์โทร หรือไม่ก็ใส่ข้อความว่าให้คืนเครื่อง และติดต่อได้ที่ไหน
Huawei P9 ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีก เช่น Smart Cover ก็ไม่แน่ใจว่าจะขายในราคาเท่าไหร่นะครับ หรือว่าจะแถมให้ แต่มีฟีเจอร์นี้ด้วย
พวกการเคลื่อนไวแบบพิเศษต่างๆ ก็ยังอยู่ครบ ปุ่มด้าล่าง softkey ก็สามารถปรับได้ตามความถนัดอีกด้วย
การใช้งานนึงที่แปลกใจก็คือ เรื่องของการใช้ด้านหลังของนิ้วใช้แคปเจอร์ภาพ หรือใส่คำสั่งต่างๆ ปกติเราใช้นิ้วด้านหน้าในการแตะที่หน้าจอเพื่อใส่คำสั่ง แต่พอออกแบบมาให้หงายมือขึ้นแล้วใช้ด้านหลังแตะเพื่อใส่คำสั่งนี่ก็ดูแปลก และดูไม่สะดวกเท่าไหร่นะครับ เรียกว่าแปลกดี
แต่ฟีเจอร์นึงที่น่าสนใจก็คือ กดปุ่มปิดเปิดเครื่อง+เร่งเสียงพร้อมกัน จะสามารถบันทึกหน้าจอแบบวีดีโอได้ อันนี้แจ่มเลย
มีปุ่มลัด ลอยอยู่บนหน้าจอเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยนะ
อันนึงที่น่าสนใจก็คือเรื่องของคีย์บอร์ด ที่สามารถปรับขนาดเล็กลงได้ เพื่อการใช้งานมือเดียวได้สะดวกขึ้น จริงๆ ขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้วนี่ อาจจะไม่ต้องมีฟีเจอร์นี้ก็ได้นะ เพราะยังไงมือเล็กๆ อย่างผมก็ใช้งานได้สบายๆ แล้วล่ะ แต่มีก็ดีกว่าไม่มี อีกอย่างคือ คีย์บอร์ดเลย์เอาท์ภาษาไทย ที่บางตัวอักษรหรือบางสัญลักษณ์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่คุ้นชินของผม
ส่วนของ Link+ ที่ช่วยปรับปรุงเครือข่าย ให้ใช้งานได้ดีขึ้น จะมีก็ตอนเปลี่ยนสลับการใช้งาน mobile data กับ wifi data จะมี pop up เตือนขึ้นมา เรียกว่าใช้งาน data ได้ต่อเนื่องมากึ้นล่ะครับ อันนี้ก็น่าสนใจแต่เท่าที่ลองใช้งานไม่รู้สึกแตกต่างเท่าไหร่นัก
เรื่องของ software กล้อง
เรื่องฟังก์ชั่นกล้อง นี่ต้องบอกว่าจัดเต็ม ด้วยความที่มีกล้อง 2 ชิ้นทำให้การถ่ายภาพสนุกขึ้น เรื่องชัดลึก ชัดตืันนี่ถือว่าเป็นจุดเด่นของเจ้า Huawei P9 เลย ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆ ก็ไม่ได้ต่างจากรุ่นก่อนๆ มากนัก แต่แปลกใจอย่างนึงคือ ไม่มี food mode แฮะ
ตัวกล้องด้านหลังถ่ายภาพได้สูงสุด 12 ล้านพิกเซล ปรับ ISO ได้ถึง 3200 เลยทีเดียว
ส่วนกล้องด้านหน้าปรับ ISO ได้ที่ 1600 ก็ถือว่าแจ่มแล้วล่ะครับ ส่วนการปรับแต่งอื่นๆ มีอยู่ครบถ้วน การถ่ายแบบหน้าสวยนี่ต้องยกให้เลย เพราะมีแบบโหมดวีดีโอด้วย คือไม่ใช่แค่ภาพนิ่งเท่านั้น ยังมีภาพเคลื่อนไหวด้วย งานนี้ไม่ใช่แค่ภาพหลอกตาแล้วล่ะ วีดีโอที่เห็นมันก็ยังหลอกตาเราได้อีก
โหมดโปร ที่เชื่อว่ามืออาชีพต้องเลือกใช้ และได้ภาพสวยๆ แน่นอน
มาดูภาพถ่ายที่ฝีมือบ้านๆ แบบผมหน่อยก็แล้วกัน อาจจะไม่ได้ลองถ่ายโหมดต่างๆ ได้ครบถ้วนนะครับ
ภาพถ่ายดอกไม้สวยๆ
สองภาพนี้แบบว่า พลีชีพมาก เปรียบเทียบกล้องด้านหน้า ระหว่าง เปิดโหมดการแต่งสวยแล้ว สาวเชียว
ในที่แสงน้อยๆ หลอดไฟนีออนปกติ
สรุปกันสักหน่อย
สำหรับ Huawei P9 เรื่องสเปคเมื่อเทียบกับราคาแล้ว ยังไงก็คุ้ม ฟีเจอร์อัดแน่น บรรยายไม่หมดเลยทีเดียว ทั้งฟีลลิ่งการจับ การพกกาสะดวก การดีไซน์ โดนใจ ดีกว่ารุ่นก่อนๆ หลังๆ ต้องบอกว่า Huawei เหมือนจะมาถูกทางแล้ว การใช้งานลื่น ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่น แอพที่ติดมากับเครื่องก็ไม่เยอะมาก หน่วยความจำเหลือพอใช้งานสบายๆ รองรับ 4G ทุกคลื่นในไทย และยังสามารถใช้งานได้ทั้ง 2 SIM ด้วย (เลือกซิมได้ซิมนึง) แน่นอนว่าเพิ่มเมมโมรี่ได้ แต่ก็จะใช้งานได้เพียงซิมเดียวเท่านั้น กล้องนี่ต้องบอกว่าจัดเต็มมาก เลนส์สองชิ้นที่ให้การถ่ายภาพแบบชัดตื้น ชัดลึกได้แบบว่าดีมาก แถมปรับแต่งได้ทีหลังอีกต่างหาก โหมดต่างๆ ให้เลือกถ่ายเพียบ ขาดก็แต่โหมดถ่ายภาพอาหาร มาพร้อมกับ Leica รับประกัน แน่นอนว่าต้องขึ้นอยู่กับฝีมือด้วยล่ะนะ ถ้าฝีมือไม่ถึงก็เลือกโหมด auto ไปแบบผมก็แล้วกัน
ส่วนที่จะติก็คงเรื่องความร้อน เมื่อใช้งานกล้อง ความร้อนขึ้นสูงในระดับมากเลยทีเดียว กับเรื่องของกล้องหากเน้นเรื่องการถ่ายภาพ น่าจะมีปุ่ม shutter แยกต่างหากล่ะครับ อื่นๆ กับ USB Type-C นี่ก็ดี โอนถ่ายข้อมูลเร็ว แต่ ณ ปัจจุบัน คนยังใช้งานกันน้อย ทำให้เวลาเราลืมสายชาร์จติดตัวไปด้วย จะใช้งานร่วมกับคนอื่นๆ ไม่ได้ล่ะครับ แบตก็ดูดนิดนึงนะ 3000 mAh ก็พอรอดวันนึงอยู่ ถ้าไม่ได้ใช้งานกล้องเยอะๆ ก็รอด ล่ะครับ ส่วนฟีเจอร์ที่ใช้หลังนิ้ววาดบนหน้าจอ อันนี้ไม่ค่อยประทับใจ ถึงแม้ว่าจะสร้างความแตกต่างในการใช้งาน แต่เอาจริงๆ มันก็ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ รวมๆ แล้วก็ประมาณนี้ อีกอันนึงคือราคาเครื่องนี่ตก ตั้งแต่เปิดตัวเลยทีเดียว เพราะเจอโปรโมชั่นแรงๆ จากโอเปอเรเตอร์เข้าไป ส่วนตัวแนะนำข้ามไปเล่น P9 Plus น่าจะคุ้มค่ากว่านะ แต่อันนี้ก็อยู่ที่ budget ของแต่ละคนด้วยนะ
ขอบคุณ Huawei Thailand ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบ
You must be logged in to post a comment.