หลังจาก Huawei ได้เปิดตัว Huawei P9 และ Huawei P9 Plus พร้อมวางจำหน่ายตัวเครื่องอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2016 นี้ มีหรือที่ทางทีมงาน PDAMobiz จะพลาดไม่จัดเจ้าสมาร์ทโฟนกล้องเทพที่พัฒนาคู่กับ Leica มาลองใช้งาน ซึ่งบทความนี้ผมจะทำการแกะกล่องตัวเครื่องให้ได้ชมกันก่อน และบทความต่อไปจึงจะรีวิวในส่วนของกล้องให้ชมกันนะครับ
Huawei P9 Plus Specifications:
– หน้าจอ ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080 401 ppi)
– 3D Touch Display
– Chipset HiSilicon Kirin 955 (Quad-core 2.5 GHz Cortex-A72 & quad-core 1.8 GHz Cortex-A53)
– GPU Mali-T880 MP4
– Ram 4GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64GB
– รองรับ Micro SD Card สูงสุด 256GB
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม (ในกรณีที่ไม่ใช้ Micro SD Card)
– กล้องหลังสองตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง (F2.2) (Pixel Size 1.25 ไมครอน) โดยกล้องตัวนึงเป็นกล้องขาวดำ (monochrome) อีกตัวเป็นกล้องสี (RGB) พร้อมด้วย Laser Focus และไฟแฟลช LED 2 ดวง 2 สี
– รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ความละเอียด Full HD (4K ไม่ได้นะจ๊ะ)
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อม Auto Focus
– เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, DLNA, WiFi Direct, hotspot
– Bluetooth 4.2
– LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 6(900), 7(2600), 8(900), 12(700), 17(700), 18(800), 19(800), 20(800), 26(850), 28(700), 38(2600), 39(1900), 40(2300), 41(2500) – VIE-L29
– HSPA 42.2/5.76 Mbps, LTE Cat6 300/50 Mbps
– NFC
– ขนาดตัวเครื่อง 152.3 x 75.3 x 7 mm.
– น้ำหนัก 162 กรัม
– แบตเตอรี่ 3,400mAh
– Android 6.0 Marshmallow
– ราคา 21,990 บาท
– สีทอง (ณ ขณะนี้ในประเทศไทย ไม่รู้อนาคตจะมีสีอื่นเข้ามาหรือไม่)
กล่องของ Huawei P9 Plus เป็นกล่องสีขาวรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส พร้อมบอกชื่อรุ่นกลางกล่องเลย และด้านล่างมีโลโก้สีแดงอันคุ้นตา Leica พร้อมคำว่า Dual Camera เพื่อบ่งบอกว่ารุ่นนี้ใช้กล้อง Leica 2 ตัว
เปิดกล่องออกมาจะเจอกับตัวเครื่อง P9 Plus ซึ่งต้องบอกเลยว่าตอนนี้มีวางจำหน่ายเพียงสีเดียวคือสีทองเท่านั้น
ยกถาดที่ใส่ตัวเครื่องออกจะเจอกับกล่องด้านในอีกสามกล่องซึ่งแยกอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ ซึ่งมันก็ดีนะ ง่ายกว่าแบ่งเป็นช่องๆ แล้วใส่อีก
อุปกรณ์ทั้งหมดที่ได้ในกล่องมีดังนี้
– ตัวเครื่อง P9 Plus
– Hard Case แบบใส
– Adapter Fast Charge
– สาย USB-C to USB-A
– Small Talk
– เข็มจิ้มถาดซิม
สำหรับ Adapter ของตัว P9 Plus นั้นจะได้มาเป็นแบบที่รองรับ Fast Charge (แต่บนเต้าเขียน Quick Charge) ซึ่งจะแตกต่างจากตัว P9 ที่ได้ Adapter ปกติ
ที่ว่า Fast หรือ Quick Charge ก็คือหากจ่ายไฟปกติจะมีแรงส่ง 5V 2A แต่ถ้าเครื่องที่รองรับอย่าง P9 หรือ P9 Plus จะจ่ายไฟได้ที่ 9V 2A
สายซิงค์ก็อย่างที่ได้บอกไปว่าแถมเป็นบบ USB-C to USB-A ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียบกับคอมพิวเตอร์ไม่ได้ (แต่บางรุ่นแถม C to C เลย)
หูฟังรูปร่างหน้าตาคุ้นๆ เหมือนของค่ายไหนสักค่าย เป็นแบบธรรมดาไม่ใช่ in ear ที่ส่วนใหญ่ Android รุ่นเรือธงจะแถมกัน
ต่อไปเรามาดูตัวเครื่อง Huawei P9 Plus กัน อย่างที่ได้บอกไปว่าตอนนี้สีที่วางจำหน่ายมีเพียงสีเดียวคือสีทองเท่านั้น ฉะนั้นเครื่องรีวิวจะเป็นสีอะไรไปได้ล่ะนอกจากสีทอง
ด้านหน้าตัวเครื่องก็มีหน้าจอดำๆ ขอบบางๆ ประกบด้วยแถบบนล่างสีทองนี่ล่ะ
ด้านหลังนี่ยิ่งแล้วใหญ่ สีทั้งหมดเลย เว้นแต่จะมีทองอ่อนบ้างเข้มบ้างว่ากันไป
ดูตัวเครื่องแบบระยะ close up ขึ้นมาอีกหน่อย เหนือหน้าจอนั้นจะมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่มี Auto Focus กับลำโพงสำหรับสนทนา (และเป็นลำโพงคู่ด้วย) และทางซ้ายของกล้องหน้าจะมีไฟแจ้งเตือน LED
ด้านล่างหน้าจอไม่มีปุ่มใดๆ มีเพียงตัวอักษรบอกแบรนด์ว่านี่คือ Huawei เพราะปุ่มต่างๆ ไปอยู่บนหน้าจอหมดแล้ว
ด้านหลังตัวเครื่องมีกล้องหลัง 2 ตัว โดยกล้องตัวซ้ายจะเป็นกล้องที่สามารถถ่ายรูปขาวดำได้อย่างเดียว และกล้องตัวที่สองจะถ่ายรูปสีได้ ประกบคู่กับ Laser Focus และไฟแฟลช LED 2 ดวง 2 สี โดยกล้องทั้งสองตัวจะมีค่ารูรับแสง (F 2.2) และระยะเลนส์ 27มม. และในส่วนของแถบกล้องก็มีคำว่า Leica เพื่อบ่งบอกว่าพัฒนาร่วมกันกับ Leica นั่นเอง
ส่วนปุ่มสี่เหลี่ยมตรงกลางนั่นคือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งมันสามารถใช้งานเป็นชัตเตอร์ในการถ่ายรูปได้ด้วยนะ
ด้านล่างของหลังตัวเครื่องไม่มีอะไรนอกจากคำว่า Huawei
ด้านบนตัวเครื่องมี IR Blaster และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องถาดซิมอยู่
จิ้มถาดซิมออกมาจะพบกับถาดซิมแบบ Hybrid Slot ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ระหว่างสองซิมการ์ดหรือหนึ่งซิมการ์ดร่วมกันกับ Micro SD Card
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มพาวเวอร์ (สีแดง) และปุ่มเพิ่มลดเสียง
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบทั้งหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5มม., ช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์แบบ USB-C และมีลำโพงของตัวเครื่องอีกหนึ่งตัว ส่วนรูสีดำเล็กๆนั่นคือไมโครโฟน
ปิดท้ายการรีวิวแกะกล่อง Huawei P9 Plus ด้วยการเทียบขนาดกับ Samsung Galaxy S7 Edge ที่มีขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วเท่ากัน ส่วนสูงนี่ถือว่าใกล้เคียงเลยล่ะ แต่เรื่องสีทองนี่มากันคนละแบบ
สำหรับการรีวิวแกะกล่อง หัวเว่ย พีเก้า พลัส ก็คงจบลงเพียงเท่านี้ครับ ในอนาคตเดี๋ยวจะรีวิวในส่วนของกล้องให้ได้เห็นภาพกันว่ามันสามารถถ่ายภาพออกมาได้ดีแค่ไหนนะครับ
You must be logged in to post a comment.