Android Preview: Hands ON แรกจับลองสัมผัส ZTE Blade V7 Lite และ Blade V7 Max จากงานเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ

ZTE Blade V7 Series1

  ค่าย ZTE เปิดตัวสมาร์ทโฟนซีรีย์ Blade V7 ไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นด้วยสโลแกนสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับทุกคน และภายในงานวันนี้ไม่ได้มีแค่ Blade V7 Lite เพียงรุ่นเดียวนะครับ แต่ยังมี Blade V7 Max มาร่วมโชว์ตัวให้ได้สัมผัสกันในงานนี้อีกด้วย และเหมือนเช่นเคยครับ มาร่วมงานแล้วต้องไม่พลาดการเก็บภาพบรรยากาศและ Hands On มาฝากกันเหมือนเช่นเคย

ZTE Blade V7 Series1

สรุปจุดเด่นและคีย์ไฮไลท์หลักของ ZTE Blade V7 Lite ที่ได้ทำการเปิดตัวในวันนี้ http://goo.gl/oc8zQV 

ZTE Blade V7 Series24

ZTE Blade V7 Series25

ZTE Blade V7 Series26

จุดขายลำดับแรกก็คือ fingerprint scanner หรือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่มาพร้อมกับความเร็วในการสแกนเพียง 0.3 วินาที และยังรวมไปถึงฟีเจอร์อันหลากหลาย ที่มีให้ใช้งานมากกว่าแค่การปลดล็อคเพียงอย่างเดียว เช่น สามารถใช้ในการล็อค-ปลดล็อคแอพ เป็นชัตเตอร์กล้อง จับภาพหน้าจอ ควบคุมคอนโทรลมิวสิคเพลเยอร์เป็นต้น

ZTE Blade V7 Series27

ZTE Blade V7 Series28

ZTE Blade V7 Series29

ฟีเจอร์ถัดมาก็คือ gesture motion ในภาพรวม ๆ ฟีเจอร์ตรงนี้ไม่แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่งที่มีอยู่ในท้องตลาดสักเท่าไหร่ครับ  เช่นวาดท่าทางในอากาศ , วาดบนหน้าจอ เพื่อเปิดแอพ เคาะหน้าจอแบบดับเบิ้ลแท็บเพื่อปลุกหรือล็อคหน้าจอ และการทำงานร่วมกับชุดเซ็นเซอร์ Proximity Sensor , Light Sensor เป็นต้น

 

ZTE Blade V7 Series30

ZTE Blade V7 Series31

ZTE Blade V7 Series32

ZTE Blade V7 Series33

ต่อกันที่จุดขายหลักอีกหนึ่งอย่างก็คือกล้องนั่นเอง โดยในส่วนของกล้องหน้าจะมีความโดดเด่นที่ให้ความละเอียดมาถึง 8 ล้านพิกเซล และยังมีไฟแฟลชกล้องหน้าให้ใช้งานอีกด้วย นอกจากนี้ในฝั่งของตัว Software ก็ยังเอาใจคอเซลฟี่แบบสุด ๆ ด้วยลูกเล่นพาโนรามาที่สามารถเก็บภาพเซลฟี่ได้กว้างสะใจกันเลยที่เดียว

สำหรับกล้องหลังจะมาพร้อมกับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีไฟแฟลชมาให้ใช้งานหนึ่งดวง จุดเด่นในฝั่งของตัว Software จะมีโหมดโปรที่สามารถปรับตั้งค่าการถ่ายได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานการถ่ายภาพ และคนที่ชอบการปรับตั้งค่าในแบบแมนวลเพื่อรีดประสิทธิภาพของกล้องให้ออกมาแบบสุด ๆ

 

ZTE Blade V7 Series34

ZTE Blade V7 Series35

มาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่นล่าสุด และในฝั่งของสเปคทางด้าน Hardware ก็ต้องบอกว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มอีกหนึ่งรุ่นเมื่อเทียบกับราคาค่าตัวและคู่แข่งในท้องตลาด

ZTE Blade V7 Series20

ZTE Blade V7 Series21

เนื่องจากได้รับเครื่องตั้งแต่ก่อนงานเปิดตัว และได้ทำการแกะกล่องและพรีวิวไปบ้างแล้ว จึงไม่ขอลงรายละเอียดซ้ำนะครับ สามาารถชมแกะกล่องและพรีวิวของ ZTE Blade V7 Lite ได้ที่นี่ครับ >>> http://goo.gl/CkQddk

 

นอกจาก Blade V7 Lite แล้ว แซดทีอียังได้นำตัว Blade V7 Max (เบลด วี เซเว่น แมกซ์) มาลุยตลาดพร้อมๆ กันอีกด้วย

 

จุดเด่นของ Blade V7 Max

ZTE Blade V7 Series36

ดีไซน์แบบเมทัลยูนิบอดี้ ที่มาพร้อมกับความบาง 7.2 mm

 

ZTE Blade V7 Series37

ZTE Blade V7 Series38

หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ที่มาพร้อมกระจกแบบโค้ง 2.5D ตามสมัยนิยม และขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก Helio P10

ZTE Blade V7 Series39

และเลือกใช้พอร์ตแห่งอนาคต USB Type-C

 

ZTE Blade V7 Series40

ZTE Blade V7 Series41

จุดเด่นของ Blade V7 Max ก็ยังคงเหมือนกับ Blade V7 Lite ก็คือ fingerprint scanner ระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ  เพียงแต่จะมีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องดีไซน์ และเพิ่มฟีเจอร์อันหลากหลายมากยิ่งขึ้น 

 

ZTE Blade V7 Series42

ZTE Blade V7 Series43

กล้องหน้ายังชูจุดเด่นพาโนรามาเหมือนเดิม ส่วนกล้องหลังจะมาพร้อมกับความละเอียดที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพทางด้าน Hardware ที่ดีขึ้นกว่าตัว Blade V7 Lite

 

ZTE Blade V7 Series44

ระบบเสียง DTS เพื่อตอบโจทย์ด้านมัลติมีเดีย

ZTE Blade V7 Series46

ZTE Blade V7 Series45

สเปคในภายรวม ๆ ของ Blade V7 Max และมีสามสีให้เลือกใช้งาน ส่วนจะเข้าไทยสีไหนบ้างต้องรอลุ้นกันอีกทีในภายหลังครับ

 

ZTE Blade V7 Series2

ZTE Blade V7 Series3

แรกจับลองสัมผัสกันหน่อย ในภาพรวมของงานดีไซน์ ผมมองว่าได้รับแรงบรรดาลใจมาจากรุ่นพี่ในรุ่น axon เช่นการตัดขอบบนล่างด้วยลวดลาย Texture

ZTE Blade V7 Series4

ZTE Blade V7 Series5

กล้องหลังมาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และเลนส์เกรดคุณภาพ ในส่วนของตัว Hardware กล้อง จะดีกว่าตัว Lite พอสมควรเลยครับ

ZTE Blade V7 Series6

ZTE Blade V7 Series7

ZTE Blade V7 Series13

สามปุ่มเนวิเกเตอร์ยังคงเอกลักษณ์ของทางแบรนด์ไว้อย่างเหนี่ยวแน่น

 

ZTE Blade V7 Series11

ZTE Blade V7 Series9

ด้านบนจัดวางไปด้วยช่องเสียบหูฟังและไมค์ตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่พอร์ต USB Type-C และลำโพงหลักของตัวเครื่อง

 

ZTE Blade V7 Series8

ZTE Blade V7 Series10

ด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม Power และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับด้านซ้ายจะเป็นช่องถาดซิมและปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
 

ZTE Blade V7 Series12

มาพร้อมกับ Android 6.0 ตั้งแต่แกะกล่อง

 

ZTE Blade V7 Series14

ZTE Blade V7 Series15

ลองเทียบขนาดกับ Blade V7 Lite

 

ZTE Blade V7 Series22

ราคาเปิดตัวของ ZTE Blade V7 Lite จะอยู่ที่ 5,990 บาท ส่วน Blade V7 Max 9,990 บาท

 

ZTE Blade V7 Series23

สำหรับโปรโมชั่นในช่วงเปิดตัวของ ZTE Blade V7 Lite จะทำเคาะราคาพิเศษที่ 4,990 บาท นอกจากนี้แซดทีอีได้จับมือกับเอไอเอส มอบโปรโมชั่น เอไอเอส สมาร์ท ดีล (AIS Smart Deal) โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอสที่ซื้อแพ็คเก็จ “4G Smart Deal” เดือนละ 399 บาท และ “Non-stop” เดือนละ 599 บาท สามารถซื้อเครื่องเบลด วีเซเว่น ไลท์ ในราคาเพียง 1,990 บาท

 

ZTE Blade V7 Series16

ZTE Blade V7 Series17

ZTE Blade V7 Series18

ZTE Blade V7 Series19


สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ

สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ โดยคลิ๊กที่ลิงก์นี้ครับ >>> http://goo.gl/JS8E2P

 

 



ถูกใจบทความนี้  0