OPPO A37 เป็นอีกหนึ่งรุ่นล่าสุดที่เข้ามาทำตลาด Mid – Range ตามหลังรุ่นพี่ F1 ที่ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรไปแล้วก่อนหน้านั้น และถึงแม้ A37 จะไม่ออกตัวแรงว่าเป็น Selfie Exper เหมือนรุ่นพี่ แต่ด้วยคุณสมบัติทางด้าน Camera Hardware อาทิเช่นขนาดของพิกเซลไซน์ ก็พอจะมองออกได้ว่า OPPO A37 น่าจะเน้นจุดขายในเรื่องกล้องเช่นเดียวกันครับ เพียงแต่จะมาในรูปแบบสมดุลที่ให้ความสำคัญทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพอ ๆ กันนั่นเอง
ขอขอบคุณ OPPO Thailand สำหรับเครื่องทดสอบและใช้ในการเขียนบทความนี้ครับ
สเปคเบื้องต้นของ OPPO A37
• หน่วยประมวลผล Qualcomm MSM8916 Snapdragon 410 Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53
• หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 306
• หน่วยความจำภายใน 16GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 256 GB
• แรม : 2 GB
• จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียด HD 1280 × 720 พิกเซล กระจกโค้ง 2.5D Corning Gorilla Glass 4
• การเชื่อมต่อ 2G : 850/900/1800/1900MHz
• การเชื่อมต่อ 3G : 850/900/2100MHz
• การเชื่อมต่อ 4G FDD LTE : Bands 1/3/8
• รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด (NANO SIM)
• การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth V. 4.0,
• กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + LED Flash , f/2.0 1/3.2″ sensor size, 1.4 µm pixel size
• กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.2 1.4 µm pixel size
• Android 5.1.1 (Lollipop) ครอบทับด้วย Color OS 3.0
• ขนาดตัวเครื่อง 143.1 x 71 x 7.7 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก 136 กรัม
• แบตเตอรี่ 2630 mAh, Li-Polymer
• สีที่มีวางจำหน่าย Rose Gold , Gold
ราคาวางจำหน่าย -6,990 บาท
ปล. รูปในบทความสามารถคลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ได้ครับ
ตัวกล่องมาในไซส์ขนาดกะทัดรัด ด้านหน้ากล่องมีรูปตัวเครื่องและครีเอทจุดขายด้านเซลฟี่ด้วยรูปใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ในจอแสดงผล สำหรับด้านหลังกล่องจะมีการพิมพ์บอกสเปคเบื้องต้นมาให้อ่านกันพอสังเขปครับ
เมื่อแง้มแกล่องออกมาจะพบกับตัวเครื่อง OPPO A37 นอนรออยู่ในถาดรอง และรวมไปถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่จัดวางอยู่ด้านใน
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องจะมีอะไรให้มาบ้าง มาสำรวจไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
1. ซิลิโคสเคสแบบใส และเข็มจิ้มเปิดถาดซิม
2. อแดปเตอร์ชาร์จไฟชนิดขาแบน แบบสองขา ให้ Output มาที่ 5V-1A
3. ชุดหูฟังสมอลทอร์คแบบ “เอียร์บัด”
4. สาย Micro USB สำหรับซิงค์และชาร์จไฟ
5. คู่มือการใช้งานอย่างย่อ
ปล.เครื่องที่ผมได้รับมารีวิวเป็น Testing Phone จึงไม่มีคู่มือภาษาไทยและใบรัปประกันมาในกล่องนะครับ
Design & Hardweare
ดีไซน์ของ OPPO A37 เมื่อดูจากด้านหน้าจะเห็นว่าไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนภายในค่ายสักเท่าไหร่ เรียกว่ายังมีกลิ่นอายเดิม ๆ จากงานออกแบบหลักของค่าย OPPO ไว้อย่างเหนียวแน่น สำหรับวัสดุหลักตัวโครงสร้างหรือบอดี้จะเป็นโลหะเกรดเพรีเมี่ยม ที่นอกจากสวยงามแล้วยังมีคุณสมบัติเด่นในด้านความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย
ในส่วนของ Build Quality เท่าที่ได้สัมผัสและสำรวจอย่างละเอียด ทั้งบีบ ๆ จับ ๆ กด ๆ ยังไม่พบเจอความผิดปรกติแต่อย่างใด ในภาพรวมงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงดีมาก ๆ
มาพูดถึง Handle การจับถือพกพากันต่อ หน้าจอขนาด 5 นิ้วถือว่าไม่อึดอัดนะสำหรับมือผู้ชายทั่ว ไป และบวกกับดีไซน์ที่เน้นความโค้งมนไม่มีเหลี่ยมสัน ทำให้การจับถือและพกพาไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นมือของสุภาพบุรุสหรือสุภาพสตรี และข้อดีอีกอย่างก็คือตัวเครื่องนั้นยังมาพร้อมกับความบางเบาอีกด้วย
จากนี้มาสำรวจภาพรวมของตัว Hardware กันต่อครับ
OPPO A37 มาพร้อมกับจอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD 720P (1280 × 720 พิกเซล) ตัวกระจกเป็นแบบโค้ง 2.5D ตามสมัยนิยม และเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกกันรอยจาก Corning Gorilla Glass 4 ตัวจอแสดงผลของ OPPO A37 มีคุณภาพที่ดีครับ ทั้งสีสัน และการตอบสนองในการสัมผัส ส่วนเรื่องความสวางของหน้าจอยังไม่โดดเด่นมากนัก
ด้านหน้าส่วนบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่ชูจุดขายด้านเซลฟี่ด้วย pixel size ขนาดใหญ่ถึง 1.4 µm และถัดจากตัวกล้องจะเป็นที่อยู่ของลำโพงสนทนาและชุดเซ็นเซอร์ Accelerometer และ Proximity Sensor
ด้านหน้าส่วนล่าง 3 ปุ่มควบคุมมาตรฐานของระบบแอนดรอยด์ จะเป็นแบบ Capacitive Button มีทีดีไซน์ดู โมเดิร์นขึ้น แต่ทว่าก็ยังไม่มีไฟแบล็คไลท์มาให้ใช้งานนะครับ โดยตัวปุ่มนั้นจะใช้การสกรีนสัญลักษณ์ด้วยสีเงิน เมื่อเราใช้งานกลางวันหรือในสภาพแสงที่ไม่น้อยจนเกินไปก็ยังพอมองเห็นได้อย่างชัดเจนครับผม
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีเพียงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. เท่านั้น ส่วนด้านล่างจะประกอบไปด้วย พอร์ต Micro USB ส่วนลำโพงหลักของตัวเครื่องจะอยู่ทางด้านขวามือนะครับ ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นไมค์สนทนา เมื่อมองแวบแรกนึกว่าจะเป็นลำโพงสเตอริโอแต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเป็นลำโพงแบบโมโนครับ ตรงนี้เป็นเรื่องของการดีไซน์เพื่อความกลมกลืนนั่นเอง
สำหรับคุณภาพเสียงและความดังของลำโพงอยู่ในระดับปานกลางครับ คือจะออกแนวใส ๆ ไม่กระหึ่มและข้อดีคือแม้จะเร่งเสียงจนสุดก็ไม่มีอาการแตกพร่าให้ได้ยิน
สำหรับด้านซ้ายมือของตัวเครื่องจะมี ปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง ตัวปุ่มจะใช้วัสดุและสีเดียวกันกับตัวเครื่อง การจัดวางตำแหน่งจะอยู่ค่อนมาตรงกลาง ตรงนี้ดีมากครับ แม้คนมือเล็ก ๆ ก็ยังใช้งานสะดวก เพราะไม่ต้องเอื้อมนิ้วให้เมื่อย
ด้านขวามือของตัวเครื่องด้านบนจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิม โดยถาดซิมของ OPPO A37 จะเป็นแบบถาดแนวยาว ไม่ใช่ไฮบริดตามสมัยนิยมของสมาร์ทในยุคนี้ จึงทำให้สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ดไปพร้อมกับหน่วยความจำภายนอกได้ตามปรกติ สำหรับตัวซิมนั้นจะเป็นแบบ NANO SIM ทั้งซิม 1-2 และถัดจากช่องถาดซิมก็คือปุ่ม Power ของตัวเครื่องครับ
ด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มาพร้อมไฟแฟลช LED 1 ดวง โดยมีจุดเด่นในเรื่องของพิกเซลไซส์ที่มาพร้อมขนาด 1.4 µm เท่ากับกล้องหน้าเลยครับ
ในส่วนของการสำรวจ Hardware ภายนอกของ OPPO A37 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ
Software & Featere
OPPO A37 เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 5.1.1 (Lollipop) และครอบทับด้วย user interface ColorOS v.3.0.0i โดย ColorOS เวอร์ชั่นล่าสุด จะมีการปรับปรุงทั้งในส่วนของ UI และฟีเจอร์บางส่วน ในภาพรวม ๆ UI จะดูซอฟท์และสมูธขึ้นกว่าเดิมครับ
นอกจากนี้ยังมี Simple mode มาให้ใช้งานเหมือนเช่นเคย โดยจุดเด่นของ Simple mode จะเน้นการใช้งานที่เรียบง่าย ตรงนี้จะเป็นโหมดที่ออกแบบมาเพื่อเอื้อต่อผู้ใช้งานสูงวัยหรือในเด็กเล็กนั่นเองครับ
ธีมก็ถือว่าเป็นจุดขายหลักอีกหนึ่งอย่างของค่ายนี้ครับ ใน ColorOS v.3.0.0i มีการปรับปรุงใหม่เช่นกัน มีการแบ่งหมวดหมู่หรือ Categories ออกมาดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น
หน้าจอล็อคสกรีนก็ปรับปรุงมาในมาดใหม่อีกด้วยครับ โดยจะเป็นการเลือกใช้ภาพ Wall Paper สวย ๆ จากออนไลน์ ที่มาในชื่อ Lockscreen Magazine ซึ่งเราสามารถดูดีเทลหรือรายละเอียดของภาพนั้น ๆ และยังสามารถ Subscribe ได้อีกด้วยครับ
Securit CenterSecurit ปรับ UI และฟีเจอร์ใหม่ โดยจะมีฟีเจอร์หลักเพียง 3 หัวข้อเท่านั้น
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจก็จะมี Dirac (HD Sound) ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงเพลงให้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้นเมื่อฟังเพลงผ่านชุดหูฟัง, Eye protection display หลักการก็จะคล้าย ๆ โหมดการตัดแสงสีฟ้าของจอแสดงผล เพื่อเป็นการถนอมสายตาของผู้ใช้งานนั่นเอง
สุดท้าย จุดขายหลักของค่ายนี้และต้องบอกว่า OPPO เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่บุกเบิกฟีเจอร์ Gesture & motion จนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และผมเชื่อว่าหลายคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ฉะนั้นขออธิบายคร่าว ๆ นะครับ
หลักการทำงานของ Gesture & motion คือการวาด – การเคาะบนหน้าจอ โดยสามารถทำงานได้ทั้งบนหน้าจอที่เปิดและ wake off หรือปิดอยู่ อย่างเช่นการวาดเป็นรูปตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเรียกใช้งานแอพ, การเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อ wake on, wake off หรือ Smart call ที่จะทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์เป็นต้นครับ
Multimedia
FM Radio แบบทศนิยม 2 จุด ภาครับสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยครับ เพียงแต่ความสามารถน้อยไปนิด เพราะไม่สามารถบันทึกไว้ฟังในแบบออฟไลน์ได้ สรุปคือเน้นฟังอย่างเดียวเท่านั้น
Music Player เป็นแอพบันเดิลที่พัฒนาโดยค่าย OPPO เอง หน้าตาดูสวยงามและเรียบง่าย เพียงแต่ความสามารถโดยรวมไม่ได้เยอะอะไรนัก ที่สำคัญปรับ EQ ไม่ได้นะครับ ต้องไปเปิดในโหมด Dirac เพื่อใช้งานทดแทนครับ และในส่วนของ Widget รอบนี้จะไม่มี Widget Music ของ OPPO นะครับ แต่จะมีเฉพาะของ Google Music เท่านั้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงตัดออกครับ
VDO Player มีบางฟังก์ชั่นที่สามารถใช้งานได้คล้าย ๆ กับแอพยอดนิยมอย่าง MX Player ก็คือ การ Swipe ด้านซ้ายหรือขวา เพื่อเป็นการปรับความสว่างหรือระดับเสียง นอกจากนี้ยังรองรับการเล่นในหน้าต่างป็อปอัพขนาดเล็กได้อีกด้วย
สำหรับผลคะแนนถือว่าอยู่ในระดับพอใช้งานครับ ด้วยชิปเซ็ตที่ไม่ใช่รุ่น Top ฉะนั้นจึงไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมากนัก เอาเป็นว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกันผลคะแนนก็ไม่ได้แตกต่างกันมากจนมีนัยสำคัญ สรุปสั้น ๆ เป็นรุ่นกลาง ๆ ที่ใช้งานได้ค่อนข้างลื่นไหล และยังไม่พบเจอ Bug ร้ายแรงอะไรในการใช้งานครับ
Camera & Sample
User interface หรือหน้าเมนูกล้องบน OPPO A37 ที่มาพร้อมกับ ColorOS v.3.0.0i ถูกปรับปรุงให้ดุเรียบง่ายและสะอาดตากว่าเดิม
มีโหมดการใช้งานหลัก ๆ จะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก แม้จะไม่เยอะหรือปรับตั้งค่าได้ละเอียด แต่ในการใช้งานจริงก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ
โหมดบิวตี้อันเป็นจุดขายของค่าย OPPO นั้นรองรับการใช้งานทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ขับเคลื่อนด้วย Software โหมด Beautify 4.0 ที่ปรับโทนสีผิวและความเนียนใสได้ถึง 7 ระดับ และใช้ระบบแฟลชในรูปแบบ Screen Flash หรือแสงจากหน้าจอนั่นเอง
ในส่วนของฟีเจอร์อำนนวยความสะดวกในการถ่ายก็จะมีทั้งรองรับคำสั่งเสียง ทัชชัตเตอร์และโหมดปาล์มหรือโบกมือเพื่อสั่งถ่ายรูปนั่นเองครับ
จากนี้มาดูรูปถ่ายจาก OPPO A37 กันได้เลยครับ
คลิ๊กที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ได้ครับ
ถ่ายในอาคารที่มีสภาพแสงน้อย และทดสอบยิงแฟลชในรูปทางขวามือ
HDR mode
HDR mode
Normal mode
HDR mode
Normal mode
HDR mode
กล้องหน้า
โหมดบิวตี้ของค่าย OPPO A37 ขับเคลื่อนด้วย Software “Beautify 4.0” ที่ปรับโทนสีผิวและความเนียนใสได้ถึง 7 ระดับ นอกจากนี้ยังเลือกปรับสกินโทนได้อีกด้วย ว่าจะเลือกให้ออกขาวใสกระจ่าง หรือให้ออกโทนสีชมพู และใช้ระบบแฟลชในรูปแบบ Screen Flash หรือแสงจากหน้าจอนั่นเอง
สรุป กล้อง OPPO A37
แม้จะไม่ได้ชูจุดขายในเรื่องกล้องแบบจัดเต็ม แต่คุณภาพไฟล์ที่ได้จากกล้องถือว่าสอบผ่านเลยครับ ทำผลงานได้ดีมากทั้งกล้องหน้าและหลัง สามารถนำไปใช้งานบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้อย่างเหลือเฟือเลยครับ และการรีวิวครั้งนี้ สภาพอากาศส่วนใหญ่มีฝนตกอากาศจึงครึ้มและแสงจะน้อยตลอด แต่คุณภาพที่ได้จากทั้งกล้องหน้าและหลังที่มาพร้อมกับพิกเซลไซส์ขนาดใหญ่ ก็สามารถเข้ามาชดเชยและแก้ปัญหาในเรื่องแสงน้อยได้เป็นอย่างดีเลยครับ
สรุป OPPO A37
ข้อดี
1. งานประกอบเรียบร้อย แข็งแรงดีมาก
2. คุณภาพกล้องอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทั้งกล้องหน้าและหลัง
3. Firmware หรือ ROM ของตัวเครื่องปรับแต่งมาค่อนข้าง stable ทำให้การใช้งานในภาพรวมมีความลื่นไหลที่ดี
4. ถาดซิมไม่ใช่แบบไฮบริด จึงทำให้สามารถใช้งานได้แบบ 2 ซิม + หน่วยความจำภายนอก
5. แบตเตอรี่ค่อนข้างอึด เมื่อใช้งานในแบบปรกติ ๆ
สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. มาพร้อม Android 5.1.1 ซึ่งรุ่นกลาง ๆ ในบางแบรนด์เปิดตัวมากับ Android 6.0 กันบ้างแล้ว
2. เสียงลำโพงเบาไปนิด
3. ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการแข่งขันในยุคนี้
ก็คงจะฝากไว้แต่เพียงเท่านี้ สำหรับรีวิว OPPO A37 แล้วพบกันใหม่ในรีวิวทดสอบด้านเอนเตอร์เทนครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ ^^
ถูกใจบทความนี้ 71
You must be logged in to post a comment.