หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เผยผลประกอบการ ครึ่งปีแรก ปี 2559 แซงหน้าการเติบโตของอุตสาหกรรมโดยรวม ชูตัวเลขผลประกอบการเข้มแข็งในตลาดต่างประเทศ

huawei-logo-1

 26 กรกฎาคม 2559, เซินเจิ้น ประเทศจีน – หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ผู้ผลิตแอนดรอยด์ สมาร์ทโฟนอันดับสองของโลก เปิดเผยตัวเลขผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของบริษัทฯ ในปี 2559 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สูงถึง 77.4 พันล้านหยวน (11.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีตัวเลขการจัดส่งสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 60.56 ล้านเครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 25% ขณะที่ตัวเลขการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของอุตสาหกรรมโดย รวมในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นเพียง 3.1% ตามรายงานของ IDC ซึ่งหมายความว่า การเติบโตของหัวเว่ยได้แซงหน้าการเติบโตของตลาดโดยรวมไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด     

 

huawei-logo-1
ริชาร์ด หยู (Richard Yu) ซีอีโอ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า “บริษัทของเราเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ในยุโรป และตลาดเกิดใหม่เช่นในอเมริกาเหนือ เอเชียกลาง และลาตินอเมริกา”

“พวกเราประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการรักษาระดับการเติบโตอันน่าประทับใจนี้เอาไว้แม้ว่าตลาดสมาร์ทโฟนจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงก็ตาม ซึ่งถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเราในระยะยาว ที่จะคอยสรรสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบสนองต่อกระแสความต้องการของผู้บริโภค พร้อมไปกับการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศไปพร้อมกัน ในอนาคตข้างหน้า หัวเว่ยและบริษัทคู่ค้าต่าง ๆ จะยังคงทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบบริการอันยอดเยี่ยมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมซึ่งรวมเอาเทคโนโลยี คุณภาพและสไตล์อันโดดเด่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างไม่หยุดยั้ง”
โครงสร้างรายได้ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่นำไปสู่ตัวเลขการเติบโตในต่างประเทศที่ก้าวแซงตัวเลขการเติบโตในประเทศ

โดยในครึ่งปีแรกของปี 2559 หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างรายได้ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศเร็วกว่าอัตราการเติบ โตในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่มากถึง 1.6 เท่า และจากรายงานของ GFK ตัวเลขส่วนแบ่งของบริษัทในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นไปถึง 11.4%  เมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคม 2559 โดยส่วนแบ่งของหัวเว่ยเพิ่ม ขึ้น 10% ในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีราคาประมาณ 500 – 600 ดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนั้น หัวเว่ยยังมีผลประกอบการที่โดดเด่นเป็นพิเศษในตลาดสมาร์ทโฟนในยุโรป และมีความก้าวหน้าอย่างมากในตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ โดยข้อมูลจาก GFK ชี้ว่าส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยเพิ่มขึ้นถึง 15% ในหลายประเทศในยุโรป และในตลาดไฮเอนด์ เช่น สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส หัวเว่ยก็มีความก้าวหน้าอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งในประเทศสำคัญๆ ทางฝั่งอเมริกาเหนือและแปซิฟิกใต้ หัวเว่ยก็มีความก้าวหน้าในด้านส่วนแบ่งการตลาดเช่นกัน เช่น ในประเทศอียิปต์ ส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยมีมากถึงกว่า 20% ขณะที่ในประเทศนิวซีแลนด์ ส่วนแบ่งของหัวเว่ยก็มีมากกว่า 15% รวมถึงยังมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในตลาดเกิดใหม่หลายแห่งในแถบลาตินอเมริกาและเอเชียกลางด้วยเช่นกัน โดยในบางประเทศนั้น ยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนในประเทศจีน หัวเว่ยยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน ภายในประเทศไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาด 18.6% ตามข้อมูลจากรายงานของ GFK ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

หัวเว่ยกำลังโฟกัสไปที่การสร้างนวัตกรรมที่เปี่ยมความหมาย
หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ซึ่งมียอดขายโดดเด่นอย่างต่อเนื่องยังคงแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาที่มีอยู่ทั่วโลก พร้อมไปกับการสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงด้านการสร้างแบรนด์ด้วย
โดยผลิตภัณฑ์รุ่นเรือธงของหัวเว่ย อาทิ P9, Mate 8, Honor V8 และ Matebook ล้วนได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทั่วโลก โดยยอดขายของสมาร์ทโฟน Mate 8 เพิ่มขึ้นถึง 65% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายของ Mate 7 ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้น สมาร์ทโฟน พีเก้า และ พีเก้า พลัส ยังมียอดขายกว่า 4.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายของ P8 ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ Matebook ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ 2-in-1 ชิ้นแรกของหัวเว่ยก็มีจัดจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป มีการดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ในระดับโลกด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคม 2559 มีร้านค้าปลีกกว่า 35,000 แห่งทั่วโลกที่มีผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยจัดจำหน่าย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 116 % และจากรายงานของ GFK ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยก็สามารถเข้าถึงร้านค้ามากกว่า 150,000 แห่งทั่วโลก

หัวเว่ยได้พยายามรักษาการลงทุนในด้านกีฬา ไลฟ์สไตล์ แฟชั่นและความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้หัวเว่ยกลายเป็นแบรนด์ที่ผูกพันกับชีวิตของผู้คนทั่วโลกและเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกันมากยิ่งขึ้นและทำให้พวกเขาจดจำแบรนด์หัวเว่ยได้มากขึ้นด้วย นอกจากนั้น หัวเว่ยยังได้ทำงานร่วมกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น Leica, Swarovski, Harman Kardon, Audi, Google, Microsoft และ Intel เพื่อส่งมอบนวัตกรรมที่ล้ำหน้าให้แก่ผู้บริโภคอยู่เสมอ

ในปี 2559 หัวเว่ยเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อติดอันดับ Top 100 Most Valuable Global Brands ของ The BrandZTM โดยกระโดดจากอันดับ 70 ในปี 2558 มาอันดับ 50 ในปี 2559 ด้วยมูลค่าแบรนด์กว่า 18,652 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ปัจจุบัน หัวเว่ยมีศักยภาพที่จะแข่งขันทั้งในตลาดสมาร์ทโฟน ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ ตลาดสมาร์ทโฮมและเทคโนโลยีคลาวด์ และกำลังกลายเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์อัจฉริยะแบบครบวงจร ผู้ทำให้ทุกการเชื่อมต่อของผู้บริโภคเป็นเรื่องง่ายและสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าที่เคย

 

ถูกใจบทความนี้  0