รีวิว Android SmartWatch DT No.1 D6 ใช้งานได้ครบทุกความต้องการบนข้อมือ

DTNo1-D6-review-122

จากข่าวก่อนหน้านี้ จับ Pokemon ด้วย Android Smartatch แบรนด์ DT No.1 รุ่น D6 วันนี้ผมจับมารีวิวใช้ชมกันครับ กับเจ้านาฬิกาสุดฉลาด ที่ไม่ได้มาพร้อมกับ Android Wear เหมือนแบรนด์ใหญ่ๆ แต่ทว่า มาพร้อมกับ Android 5.1 เรียกได้ว่า DT No.1 D6 นี่เป็น Android Watch ก็ไม่ผิดนัก เพราะว่าลงแอปบน playstore ได้เต็มๆ เพียบ มากมาย แต่ทว่ามันก็มีทั้งข้อดีและข้อกังวลล่ะนะ ในเรื่องของการใช้งาน ยิ่งจะเอามาใช้จับ Pokemon Go ที่กำลังฮิตกันอยู่ในตอนนี้ด้วยแล้วล่ะ ก็มาอ่านรีวิวกันดีกว่า แล้วพิจารณาดูว่าจะจัดไหม

สำหรับ DT No.1 D6 แบรนด์คือ DT No.1 ซึ่งเป็นแบรนด์จากจีนแผ่นดินใหญ่ ทุกวันนี้ทั้ง Smartphone ต่างๆ ก็มาจากจีนทั้งนั้นล่ะครับ ซึ่ง รุ่น D6 ก็เป็นรุ่นล่าสุดที่ออกมา และน่าสนใจไม่น้อยเพราะทำอะไรได้หลายๆ อย่าง ลองดูสเปคกันตามนี้

Product Overview
Model NO.1 D6
Product modeling Android Smartwatch
System Android 5.1
Cpu MTK6580
Screen Resolution 1.63 inch 320 * 320
RAM 1GB
ROM 8GB
Wifi Support
Google Play Support
Features
Make calls Support
See text messages Support
Contacts Support
Heart Rate Support
Pedometer Support
Bluetooth BT2.1 + BLE4.0
Browser Support
Barometer Support
Voice Search Support
Alarm Support
Weather Support
Health Data Synchronization Support
Change Clock Face Support
Instill App Support
Hardware
Speaker Support
Battery capacity 450mAH
Vibration motor Support
Antenna Support
Side buttons Support
Chargers Support
USB Support
G-SENSOR Support

สเปคดูแล้วเรียกว่ารองรับการใช้งานแทบจะครบหมด และมาดูตัวเรือนและรายละเอียดต่อเลยดีกว่า

DTNo1-D6-review-046

เปิดราคาขายอยู่ที่ $89.99 โดยการสั่งซื้อแน่นอนว่าจาก Online Store ในจีนครับ จาก http://www.buyswear.com/

DTNo1-D6-review-005

ด้านข้างกล่องก็มีสเปคบอกเอาไว้ชัดเจน

DTNo1-D6-review-007

อุปกรณ์ที่มีให้ในกล่องครับ มีตัวเรือน D6 คู่มือ สายชาร์จ และปากกาหัวใหญ่สำหรับเขียนบนหน้าจอ

DTNo1-D6-review-051

ตัวปากกาต้องบอกว่าผมแทบไม่ได้ใช้เลย เอามาลองอย่างเดียวเนื่องจากหัวมันใหญ่ ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้งานบนหน้าจอเล็กๆ

DTNo1-D6-review-053

ตัวสายชาร์จที่มีหัว connector แบบนี้ก็เห็นได้ทั่วๆ ไป แต่ทว่ามีแม่เหล็กติดมาด้วยทั้งสองข้าง ทำให้เวลาชาร์จจะติดแน่นกับตัวเรือนโดยอัตโนมัติ

DTNo1-D6-review-067

หน้าจอมีขนาด 1.63 นิ้วซึ่งจริงๆ เท่าที่เห็น Android Smartwatch จากจีน เรือนนี้น่าจะใหญ่ที่สุดแล้ว แถมยังมีปุ่มกดด้านหน้าเหมือนบน Android Smartphone ติดมาด้วย รู้เลยว่า Full Android จริงๆ และ หน้าจอเป็น sapphire ขูดขีด เป็นรอยไม่ง่ายนะครับ คือราคาต้องบอกว่าถูก และยังใช้วัสดุอย่างดีอีกต่างหาก ถ้าไม่เชื่อก็ดูคลิปรีวิวด้านล่างนะครับ

DTNo1-D6-review-055

เรื่องความหนา ต้องบอกว่าหนากว่าบรรดา Android wear ที่มีการออกแบบเหมือนนาฬิกาทั่วๆ ไป แต่สำหรับ DT No.1 D6 ก็ต้องรับความหนากันหน่อย

DTNo1-D6-review-054

ด้านข้างมีปุ่ม ปิด เปิดเครื่อง เอาไว้แค่ปุ่มเดียว จริงๆ ถ้าดีไซน์ให้บางกว่านี้ได้ก็จะดีมาก แต่มีเหตุผลครับว่าทำไมถึงดีไซน์บางๆ ได้ยาก

DTNo1-D6-review-057

ด้านหลัง มีเซ็นเซอร์วัด Heart rate ได้ด้วย รวมถึงตัว connector สำหรับชาร์จ และซิงค์ข้อมูล และแน่นอนว่า made in China  ซึ่งต้องบอกเลยว่าการวัด Heart Rate ทำได้จริง แต่ไม่ได้ทั้งวันนะ ต้องเข้าแอปแล้วใช้งานเป็นครั้งๆ ไป อาจจะไม่สะดวกนัก แต่ก็ดีกว่าไม่มีให้ใช้ ส่วนเรื่องแบต มาแกะฝาหลังกันครับ

DTNo1-D6-review-058

ตรงนี้จะเห็นว่ามีช่องสำหรับแกะฝาหลัง มาแกะกันเลย

DTNo1-D6-review-060

นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงทำให้ตัวเรือนหนา เพราะมีแบตเป็นก้อนอยู่นี่เอง

DTNo1-D6-review-061

แบตขนาด 450 mAh ถามว่าใหญ่ไหมสำหรับ Android Smartwatch ผมว่ามากนะ แต่อาจจะไม่มากพอสำหรับการใช้งานบางอย่าง ซึ่งจะสรุปในท้ายบทความต่อไป อีกเรื่องนึงก็คือ สามารถใส่ซิมได้ รองรับทุกเครือข่าย แต่ว่าต้องบอกเลยว่า 3G เท่านั้น เท่าที่ลองผมใช้ของ AIS ก็ใช้งานได้ตลอดทางล่ะ รองรับการใช้งาน WiFi ด้วย เรื่องการเชื่อมต่อนี่ต้องบอกว่าครบ และมี GPS ในตัวครับ ถึงบอกว่าทำไมถึงเล่น Pokemo GO ได้ก็ตรงนี้ แต่ไม่มีกล้องนะ ดังนั้นเปิดโหมด AR ไม่ได้

DTNo1-D6-review-059

อีกเรื่องครับของเจ้า D6 นี่คือสายที่ติดมาด้วย ไม่ใช่สายบ้านๆ แต่ว่าเป็นสายหนัง คือต้องบอกว่าหนังแท้ หรือไม่ก็ต้องเป็นหนังอย่างดีล่ะ เพราะเท่าที่ดูงานแล้วไม่ธรรมดา ทั้งความยืดหยุ่น วัสดุ ความนิ่ม และอื่นๆ ที่ผมจะรู้สึกได้ ปกติราคาระดับนี้ต้องบอกเลยว่าสายบ้านๆ ใช้งานไปไม่นานก็ลอก เจอเจ้านี่ไป มันเกินคาดจริงๆ

DTNo1-D6-review-098 DTNo1-D6-review-100 DTNo1-D6-review-101 DTNo1-D6-review-102

แต่อย่างเดียวที่ไม่ชอบก็คือ ตัวคล้องสายซึ่งมีติดเอาไว้ด้านบน 1 วง มันใกล้กับตัวล็อคมาก เวลาใส่ค่อนข้างลำบากนิดนึง และสายก็เป็นรอยย่นง่ายด้วย

หลักๆ ส่วนของ Hardware ตัวเรือนก็ประมาณนี้ มาต่อในเรื่องการใช้งานครับ ซึ่งเรื่องการใช้งานนั้น มองว่าเป็น Android ที่เราถืออยู่ในมือตามปกตินี่ล่ะ เพียงแต่มาอยู่บนข้อมือเรา ติดตัวไปได้ทุกที่แค่นั้นเอง ดังนั้นจะทำอะไรก็ได้ไม่ยาก เพียงแต่ว่าต้องดูเรื่องการลงแอปที่ใช้งานควบคู่ไปกับพื้นที่ที่มี

DTNo1-D6-review-073

หน้าปัทม์ เปลี่ยนได้หลากหลายโดยการแตะค้างที่หน้าจอ แต่มาแบบ standard ก็สวยงามดี

DTNo1-D6-review-074

สามารถควบคุมเพลงได้ โดยโอนถ่ายเพลงผ่านแอป บน Android Smartphone หรือผ่าน USB บนคอมก็ได้ แล้วแต่สะดวกเลยอันนี้ การฟังเพลงก็ฟังผ่านตัวเรือนได้เลย หรือถ้าจะเอาสะดวกกว่าผมว่า Bluetooth headset จะดีกว่าเรื่องของเสียงด้วย

DTNo1-D6-review-085

โดยพื้นที่ใช้งานมีเหลือให้ประมาณ 4.83 GB และแน่นอนว่าเพิ่มเมมไม่ได้นะครับ ดังนั้น ไม่ควรจัดเต็มเด็ดขาด ควรโหลดแอปที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงเพลงก็อาจจะต้องดูดีๆ หน่อย เพราะถ้าพื้นที่เหลือน้อยก็จะส่งผลให้การทำงานโดยรวมไม่ดีไปด้วยนะ

DTNo1-D6-review-078

เรื่องการใช้งานโทรศัพท์ เหมาะกับการใช้งานร่วมกับ Bluetooth headset เช่นกัน ปุ่มกดสะดวก สามารถซิงค์คอนแทคจาก Google Account ที่เราเซฟเอาไว้ได้

DTNo1-D6-review-079

แน่นอนว่ามี Play Store และ Browser ก็ใช้งาน Online ได้หมด เพียงปัญหาเดียวก็คือ ขนาดตัวอักษรจะค่อนข้างเล็กถึงเล็กมาก เพราะขนาดหน้าจอ 1.63 นิ้วนั่นเอง แต่ความละเอียดนี่คือ 320×320 ซึ่งละเอียดแล้วสำหรับ Android Smartwatch แต่ก็มีผลให้การแสงผลละเอียดและเล็กนั่นล่ะครับ แต่ไอคอนที่อยู่บนหน้าจอ ก็ใหญ่คลิ้กใช้งานสะดวกนะ

DTNo1-D6-review-084

social ก็ได้หมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็น facebook, twitter, IG แต่อย่าลืมว่าไม่มีกล้อง ดังนั้นอาจจะไม่สะดวกเล่น IG ที่ต้องอาศัยการถ่ายภาพร่วมด้วย และการนับจำนวนก้าว สามารถทำได้ แต่ต้องเปิดแอปเอาไว้ด้วย ไม่ได้แทรคอัตโนมัตินะครับ

DTNo1-D6-review-094DTNo1-D6-review-096

การป้อนข้อมูล หรือ อินพุตผ่านคีย์บอร์ดบนหน้าจอ ภาษาอังกฤษไม่เท่าไหร่ แต่เจอภาษาไทยนี่ล่ะ แป้นเล็กมาก แต่เชื่อไหมว่า พิมพ์ถูกตัวอักษรได้แบบไม่น่าเชื่อเลย ด้วยขนาดหน้าจอเล็กๆ แล้วนิ้วเราใหญ่ๆ แบบนี้ อันนี้แปลกใจมากจริงๆ

DTNo1-D6-review-093

แบตเตอรี่ที่ใช้งาน ส่วนใหญ่ก็แนะนำให้ใช้แสงบนหน้าจอระดับแรก อย่างที่เห็นในรูปเลยว่าหลักๆ แบตจะถูกดูดไปจากหน้าจอนี่ล่ะ จากการใช้งานทั่วๆ ไป โทรศัพท์บ้าง ฟังเพลงบ้าง เล่นแอปทั้งวันอยู่รอดปลอดภัย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยนะ แต่ถ้าจะดูหน้าเว็บแบบโหลด 3G เยอะๆ เปิด GPS ไปจับ Pokemon ด้วย เปิดติดๆ กันไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง

DTNo1-D6-review-108

แน่นอนว่าเล่นเกมส์ได้ DTNo1-D6-review-142

Social ก็ได้

DTNo1-D6-review-116

ลงแอปสำหรับออกกำลังกายก็ได้ แต่อย่างที่บอกล่ะครับ ว่าถ้ามีการใช้งาน GPS ด้วยแล้ว แบตหมดไวมาก ผมลองใช้งาน endomodo และเปิดเพลงฟังแบบออนไลน์ไปด้วย กับวันนั้นที่ใช้แบต 54% อยู่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง DTNo1-D6-review-118 DTNo1-D6-review-119 DTNo1-D6-review-120

 

การใช้งานอื่นๆ ทำได้หมดตามปกติ

DTNo1-D6-review-170

กับการเล่นเกมส์ Pokemo Go ถามว่าเล่นได้ไหม เล่นได้แน่นอน จับมอนสเตอร์ได้ เล่นได้เต็มๆ แต่ทว่าดูดแบตมากเช่นกัน ซึ่งระหว่างที่ชับรถ ก็เปิดไว้ที่ข้อมือ เวลารถหยุดก็หมุนขึ้นมาดู ประมาณสัก 2 ชั่วโมงระหว่างรถติด แบตลดไปประมาณ 30-40% ซึ่งแน่นอนครับว่าหน้าจอไม่ได้ติดตลอดนะ ถ้าจะเอามานั่งเล่นแบบจริงๆ จังๆ แนะนำว่า Android Phone ตัวใหญ่ๆ แบตอึดๆ จะดีกว่า แต่ถ้าคิดว่าเล่นมั่งไม่เล่นมั่งขำๆ ผมว่าเจ้า D6 ก็เป็นทางเลือกนึง

คลิปรีวิวครับ โชว์ให้ดูว่ากันรอยขีด่วนได้จริง

 

สรุปกันสักหน่อย

สำหรับ DT No.1 D6 ต้องบอกว่าเป็น Android Smartwatch ที่จัดเต็มมาก ความสามารถมีมากมาย ใช้ประโยชน์ได้ทุกทาง เรื่อง Hardware ตัวเรือนไม่ได้สวยงามหรูหรามากนัก ด้วยข้อจำกัดเรื่องความหนา แต่ก็แลกมาด้วยวัสดุที่ใช้ มีคุณภาพเกินราคา ทั้งหน้าจอ sapphire ที่เป็นรอยขูดขีดได้ยากมากๆ ถึงมากที่สุด สายหนัง ที่ไม่ธรรมดา ที่เว็บเค้าบอกไว้ว่าจากอิตาลี่เลยทีเดียว ตัวเรือนแข็งแรงทนทานดี

เรื่องการใช้งานข้อจำกัดเดียวของ DT No.1 D6 ก็คือขนาดหน้าจอ ด้วยขนาดหน้าจอที่ 1.63 นิ้วถึงว่าเล็ก ถ้านำมาใช้งานร่วมกับแอป Android ปกติ ถ้าเป็นบน Android Wear ก็จะอีกเรื่องนึง ออกแบบมาให้เหมาะกับหน้าจอ แต่สำหรบเจ้า DT No.1 D6 แล้ว ถึงแม้ว่าจะใช้งานแอปที่ Android Wear ใช้งานไม่ได้ คือลงแอปปกติทั่วๆ ไปได้ก็ตามที แต่ก็แลกมาด้วยการอินพุตที่ยากขึ้น ตัวอักษรต่างๆ ที่แสดงขึ้นมาก็เล็ก อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา

และแบตเตอรี่เองก็เช่นเดียวกัน ขนาด 450 mAh ถ้าใช้งานเป็น Android Smartwatch ตามปกติ ที่ไม่มีแอปพลิเคชั่นอะไรมากมายต้องบอกว่าเหลือๆ แต่พอใช้งานการเชื่อมต่อได้ครบๆ อย่าง bluetooth/WiFi/3G/GPS ถ้าเปิดพร้อมๆ กันก็กินแบตมหาศาลแล้ว อย่างยิ่งก็คือหน้าจอ ถ้า always on รับรองไม่กี่ชั่วโมงก็หมด ซึ่งการชาร์จก็ต้องผ่านสายของตัวเอง ใช้งานร่วมกับสายคนอื่นๆ ไม่ได้ ดังนั้นเรื่องสายชาร์จก็ต้องติดตัวเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน และหากเราใช้งานต่างๆ มากล่ะก็ ความร้อนที่เกิดขึ้น เราจะรู้สึกได้ที่ข้อมือเลยล่ะ แต่ก็อุ่นๆ นะ ไม่ได้ร้อนมากนัก แต่เราจะไม่รู้สึกแบบนี้กับ Android Smartwatch ตัวอื่นๆ ที่เคยใช้

สุดท้ายใครอยากได้ code ติดตามบน facebook fanpage กันนะครับ ราคาพิเศษ แต่สั่งจาก Online Store ที่จีนนะ



ถูกใจบทความนี้  3