Samsung Galaxy A9 Pro นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหญ่สุดหรือตัวท็อปของ A Series ก็ว่าได้ซึ่งต้องบอกเลยว่าความสามารถของตัวเครื่องนั้นไม่แพ้เรือธงเลยล่ะ ด้วยสเปคตัวเครื่องที่มาพร้อม Snapdragon 652 พ่วงด้วย Ram 4GB ทำให้ไม่ต้องกังวลว่า Ram จะไม่พอใช้ ผสานกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ยักษ์ 5,000mAh ที่จะทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดระหว่างวันอีกต่อไป และยังมีกล้องที่มีค่ารูรับแสงกว้างถึง 1.9 และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งผมเองก็ได้เครื่องรีวิวมาจากทาง Samsung และได้ลองใช้งานมาสักพักจึงมาเขียนรีวิวให้ได้ชมกันเช่นเคยครับ
Samsung Galaxy A9 Pro Specifications:
– หน้าจอ Super Amoled ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920x1080p)
– Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 Octa-core (4×1.8 GHz Cortex-A72 & 4×1.4 GHz Cortex-A53)
– GPU Adreno 510
– Ram 4GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB
– รองรับการใช้งาน Micro SD Card สูงสุด 256GB
– กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง (F) 1.9 พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว (OIS) และไฟแฟลช LED, รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง (F) 1.9, รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD
– รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Nano Sim) โดยสามารถสแตนด์บาย 4G/3G พร้อมกันได้ (Dual Sim Dual Standby)
– 2G bands GSM 850 / 900 / 1800 / 1900 – SIM 1 & SIM 2 (dual-SIM model only)
3G bands HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100
HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100 -A910F/DS (Brazil)
4G bands LTE band 1(2100), 3(1800), 5(850), 7(2600), 8(900), 40(2300)
LTE band 1(2100), 2(1900), 3(1800), 4(1700/2100), 5(850), 7(2600), 8(900), 17(700), 28(700), 38(2600), 40(2300) -A910F/DS (Brazil)
Speed HSPA 42.2/5.76 Mbps, LTE Cat6 300/50 Mbps
– Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, WiFi Direct, hotspot
– Bluetooth 4.2, A2DP, EDR, LE
– FM Radio
– NFC
– Fingerprint Scanner
– Fast Battery Charging
– ANT+ Support
– แบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh
– Android 6.0 Marshmallow
– ราคา 15,900 บาท
– วางจำหน่าย 3 สีคือ สีขาว, สีดำ และสีทอง
1.พรีวิวตัวเครื่อง
Samsung Galaxy A9 Pro เป็นสมาร์ทโฟนตัวท็อปของค่าย A-Series ซึ่งมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่มากถึง 6 นิ้ว หน้าตาตัวเครื่องก็มาในแบบสไตล์สมาร์ทโฟน Samsung ทุกรุ่นนี่ล่ะ ซึ่งรุ่นนี้แม้ราคาไม่ถึงสองหมื่นแต่หน้าจอเนี่ย Super Amoled Full HD เลยฉะนั้นสีสันจัดจ้านคมสะใจแน่นอน
เหนือหน้าจอจะมีลำโพงสำหรับสนทนาประกบด้วยเซ็นเซอร์ Proximity ทางซ้ายและกล้องหน้าทางขวา
ด้านล่างหน้าจะมีปุ่มกดสามปุ่มไล่จากซ้ายไปขวาคือ Recent Apps, Home, Back
ด้านหลังตัวเครื่องมีกระจกครอบเอาไว้ และค่อนข้างโล่งมีเพียงกล้องหลังและโลโก้ Samsung เท่านั้น
ด้านบนฝาหลังมีกล้องถ่ายรูปอยู่ตรงกลางพร้อมไฟแฟลช
ด้านล่างฝาหลังไม่มีอะไร เพราะลำโพงไปอยู่ด้านล่างตัวเครื่องแทน
มาดูขอบตัวเครื่องกันบ้างจะเห็นว่า A9 Pro เนี่ยเป็นเครื่องแบบ Unibody คือถอดแบตเปลี่ยนไม่ได้ มันเรียบเนียนไปหมด และขอบตัวเครื่องก็ใช้วัสดุเป็นโลหะ ส่วนด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา และมีช่องที่ดูเหมือนช่องใส่ซิมการ์ด แต่ไม่ใช่
เพราะจริงๆ แล้วมันคือช่องใส่ Micro SD Card ซึ่งไม่ใช่แบบ Hybrid ด้วยคือมันใส่ได้แค่ Micro SD Card นี่แหละ
ด้านข้างตัวเครื่องทางซ้ายมีปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ ซึ่งงานประกอบแน่นดีมาก ปุ่มไม่มีดุกดิกเลย
ส่วนทางขวาของตัวเครื่องก็จะมีปุ่ม Power อยู่ พร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ดตรงกลางขอบเครื่องเลย
ซิมการ์ดที่ใส่นั้นเป็นแบบ Nano Sim ครับ ซึ่งบน A9 Pro เนี่ยทำถาดซิมแยกกับ Micro SD Card นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ซิมและ Micro SD Card พร้อมกันได้เลยโดยไม่ต้องมานั่งทำวิธีพิศดารอะไรให้เหนื่อย
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5มม., ช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์ แบบ Micro USB, ลำโพงและไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ลองเทียบขนาด A9 Pro (6 นิ้ว) กับ Huawei P9 Plus (5.5 นิ้ว)
ในส่วนของซอฟต์แวร์หรือเฟิร์มแวร์นั้น มาพร้อมกับ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งถือเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด (ณ ปัจจุบันขณะที่เครื่องวางจำหน่ายแล้ว) ซึ่งถูกครอบ User Interface (UI) ด้วย Touchwiz Launcher เช่นเคย หากใครใช้งาน Samsung มาก่อนก็จะคุ้นเคยกับเจ้านี่เป็นอย่างดีเลยล่ะ การใช้งานก็ยังคงง่ายเหมือนเดิม แบ่งแยกหน้า Home และ App Drawer เช่นเคย
Status Bar ยังคงเป็นแบบหน้าเดียวตามสไตล์เดิมของ Android และ Samsung โดยมี Toggle ให้ใช้มากมายเพื่อเป็นทางลัดในการเปิดปิด Wi-Fi, Location, Data ฯลฯ ซึ่งหากลากลงมาอีกครั้งก็จะเห็น Toggle ทั้งหมดที่มี
จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้บน A9 Pro คือเรื่องของความสามารถในการ Active ซิมทั้ง 2 ซิมได้ในรูปแบบ 4G/3G ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ทโฟน 2 ซิมในปัจจุบันหลายรุ่นที่ทำได้แค่ 4G/2G ซึ่งการใช้งานจริงยังคงเป็น Dual Sim Dual Standby คือถ้ามีการโทรที่ซิมนึงอยู่อีกซิมก็จะดับไป หากจะให้รู้ว่ามีคนโทรเข้ามาก็ต้องสั่ง Divert เอาเอง ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวยังไม่ได้มีการบอกว่าใช้ชื่อเรียกว่าอะไร แต่ไม่ใช่ Full Netcom 3.0 แน่นอนเพราะเทคโนโลยี Full Netcom 3.0 เค้าพัฒนาขึ้นเพื่อให้รองรับการใช้งานเฉพาะกับเครือข่ายที่จีนเท่านั้น
Advanced Feature:
– Pop-up view gesture คือการย่อแอพลงให้เหลือหน้าจอเล็กลง เผื่อจะซ้อนแอพละเปิดหลายๆ ตัว
– Smart Capture คือการโชว์ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมหลังจากจับภาพหน้าจอแล้วประกอบด้วย Capture More (ไว้ลากหน้าจอยาวๆ), Share และ Crop
– Palm swipe to capture คือการเอาสันมือปาดหน้าจอเพื่อจับภาพหน้าจอ
– Smart Alert คือการสั่นแจ้งเตือนเมื่อเราวางมือถือคว่ำจอเอาไว้นานๆ แล้วมาแหงนหน้าจอขึ้น
– Easy Mute ไว้ใช้ขณะมีสายเข้าหรือนาฬิกาปลุกดัง เพียงเอามือไปปิด Proximity Sensor มันก็จะเงียบไป
ทดสอบการใช้งานนำทางบน A9 Pro แล้วบอกได้ว่า GPS ค่อนข้างแม่นยำดีใช้ได้ ไม่พาหลงทางเวลาไปหาลูกค้า
สำหรับความอึดของแบตเตอรี่ A9 Pro นี่ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ประทับใจมากเลยล่ะ ด้วยขนาดแบตเตอรี่ใหญ่ยักษ์ถึง 5,000mAh ทำให้ในแต่ละวันที่ใช้งานเนี่ยไม่เคยกังวลว่าแบตจะหมดเลย ซึ่งผมเองก็ลองใช้งานหนักๆ จัดเต็มคือเปิดจอเล่น Pokemon Go มันแทบทุกครั้งที่มีโอกาสเล่นได้ แต่ผ่านไปทั้งวันตั้งแต่เช้ายันกลับบ้านมืดค่ำแบตก็ยังเหลือถึง 29% ฉะนั้นสำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปแล้วล่ะก็ไว้ใจกับมันในเรื่องแบตได้เลย
ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องผ่านแอพ Benchmark ต่างๆ ได้ผลดังนี้
– Antutu: 60189 คะแนน
– Geekbench: Single Core 1103, Multi Core 3880
– Quadrant Standard: 31666 คะแนน
– Multitouch 10 จุด
3.กล้องถ่ายรูป
Samsung Galaxy A9 Pro มาพร้อมกล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กับค่ารูรับแสง (F) 1.9 ทั้งคู่ ทำให้ยังคงชูจุดเด่นในเรื่องการถ่ายรูปในสภาวะแสงน้อยเพราะมีค่ารูรับแสงกว้างนี่ล่ะ
สำหรับหน้าตาการใช้งานกล้องถ่ายรูปก็คล้ายๆกับตระกูล S Series แต่ว่าบน A9 Pro เนี่ยได้ถอด Effect มาไว้ด้านนอกด้วย ไม่ต้องไปนั่งแก้เองทีหลัง ซึ่งอันนี้ผมชอบนะ คือปรับก่อนถ่ายได้ไปเลย ไอ้การปรับหลังถ่ายเนี่ยมันทำได้กันหมดอยู่แล้ว แต่ว่าเจ้า A9 Pro เนี่ยไม่มี Auto HDR นะจ๊ะ
ส่วนโหมดการถ่ายรูปก็มีมาให้เยอะพอประมาณไล่กันไปตั้งแต่ Auto, Pro, Panorama, Continuous shot, HDR, Night และ Download อ่อมีโหมดดาวน์โหลดด้วย เฮ้ยไม่ใช่ อันนี้เอาไว้โหลดโหมดถ่ายรูปเพิ่มซึ่งก็มีอีก 4 โหมด คือ Sports Shot, Beauty Face, Rear cam selfie และ Animated Gif
แต่ในการใช้งานกล้องมือถือจริงๆ สำหรับผมส่วนใหญ่แล้วใช้แค่ Auto กับ HDR เท่านั้นล่ะครับ ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ากล้องของ A9 Pro เนี่ยจะถ่ายรูปออกมาได้ดีแค่ไหน
เช่นเคยภาพทุกภาพทำเพียงย่อส่วนและใส่ลายน้ำเท่านั้น ไม่ตกแต่งใดๆ เพิ่มเติม
ภาพนี้ใช้โหมด Auto แต่ภาพล่างเป็น HDR ครับ
ปิดด้วยภาพถ่ายจากกล้องหน้าไล่จากซ้ายไปขวาคือ ปิด Beauty, เปิด Beauty ระดับ 4 และ เปิด Beauty ระดับ 4 กับตาโตหน้าเรียวอีกหน่อย :p
สรุป: Samsung Galaxy A9 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟน (หรือแฟ็บเล็ตดี?) ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนซื้อใช้งานมาเป็นเครื่องหลักมาก ด้วยสเปคตัวเครื่องที่แรงไม่แพ้เรือธงในการใช้งานทั่วไปกับชิปเซ็ต Snapdragon 652 และ Ram 4GB พร้อมด้วยหน้าจอ 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่จะทำให้เราเล่นมันได้อย่างเต็มอรรถรส ประกอบกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวันอีกด้วย ทั้งยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดและ Micro SD Card พร้อมกันซึ่งตรงนี้เรือธงเองยังทำไม่ได้เลย (ถ้าไม่ใช่วิชามาร) กับราคา 15,900 บาท นั้นก็ถือว่าไม่ได้แพงหรอกครับ
ข้อดี
– จอใหญ่ สีสันสดมาก
– สเปคตัวเครื่องแรงระดับฟาดกับคนอื่นสบาย
– แบตอึดมากถึงมากที่สุด จะหาอึดกว่านี้คงยาก
– ใช้งาน 2 ซิมพร้อม Micro SD Card ได้ไม่ต้องเลือก
ข้อเสีย
– กล้องถ่ายรูปคุณภาพยังไม่ดีนัก กับสภาวะแสงน้อย
– เครื่องร้อนค่อนข้างง่าย ไม่แน่ใจว่าเพราะวัสดุที่ใช้ทำหรือเปล่า แต่หวังว่าจะมีการอัพเดทเฟิร์มแวร์แก้ไขให้ดีขึ้นได้
You must be logged in to post a comment.