มาอีกแล้วจร้ากับดราม่าร้อน ๆ แรง ๆ งานนี้บอกเลยว่า Hot กว่า Note 7 “ระเบิด” ตูมตาม กิมจิสะเทือนจนต้อง “รีบเรียกคืน” ไปตรวจสอบอีกนะ โดยเป็นภัยที่ดูไกลตัว แต่เอาเข้าจริงแล้วใกล้ตัวและน่ากลัวมาก ๆ นั้นก็คือพนักงานค่ายโอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ แอบล้วงข้อมูลลูกค้าแล้วนำไปเผยแพร่ต่อบุคคลภายนอก ซึ่งจากกระแสชี้ว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที บอกเลยงานนี้ “ศรัทธาสั่นสะเทือน” และเกิดกระแสลบต่อความเชื่อมั่นของแบรนด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผมขอสรุปย่อ ๆ ตามสไตล์การอ่านของคนในยุคนี้นะครับ อาจจะเกิน 8 บรรทัดไปบ้าง หวังว่าคงไม่ว่ากัน
พนักงานของบริษัท AIS สำนักงานใหญ่ ได้รับจ้างทำงานให้บุคคลภายนอก และทำการขโมยข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าไปให้แก่บุคคลอื่น จะเพื่อจุดประสงค์อะไรก็ไม่ทราบได้ แต่ข้อมูลเหล่านั้น กระทบกับความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตของตัวลูกค้าและครอบครัว
ลูกค้าท่านนี้ได้ทราบข่าวจากผู้หวังดี ว่ามีพนักงาน AIS รายหนึ่ง ได้ทำการแอบดูข้อมูลบันทึกการโทรเข้าโทรออก รวมถึงพิกัดสถานที่ ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว และบันทึกเป็นไฟล์ Excel ส่งให้กับบุคคลภายนอก ที่มีหลักฐานว่าบุคคลนี้ จ่ายเงินค่า “น้ำร้อนน้ำชา” ให้กับพนักงานคนนี้มาอย่างยาวนาน
เบื้องต้นได้แจ้งเรื่องไปยัง Serenade Callcenter และได้รับคำตอบกลับมาในวันเดียวกันว่า “ทำอะไรไม่ได้” ให้ไปตามเรื่องเอง วันต่อมาลูกค้าได้ไปแจ้งเรื่องด้วยตนเองกับผู้จัดการสาขา AIS Shop แห่งหนึ่ง
และได้สอบถามกับผู้จัดการคนนั้นมาโดยตลอด ซึ่ง ผู้จัดการคนนั้นได้แจ้งให้ทราบว่า หน่วยงานต้นสังกัด ของพนักงานคนนั้น ทราบเรื่องแล้ว ฝ่ายกฏหมายทราบเรื่องแล้ว และ ผู้บริหารทราบเรื่องแล้ว แต่ทุกอย่างก็เงียบไม่มีใครติดต่อกลับเพื่อให้ความกระจ่าง หรือทำความเข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว ลูกค้าท่านนี้จึงเหลืออดเหลือทนจนได้มาโพสระบายในเว็บไซต์ pantip
ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า มีการ export ออกมาเป็นไฟล์ Excel ที่ระบุตำแหน่ง จังหวัด อำเภอ ตำบล และ Latitude , Longtitude แบบละเอียด รวมถึงพวก OTP และอื่น ๆ ก็มาหมดเช่นกัน
งานนี้ถือว่าอันตรายมาก ๆ ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ สมมุติ ถ้าเป็นแก็งค์มิจฉาฉีพก็จะรู้ได้เลย ว่าผมโทรไปหาใครบ้างจากที่ไหน อย่างไร และในแต่ละช่วงเวลาผมจะอยู่ตรงไหนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ง่ายแก่การติดตามได้แบบละเอียด เรียกว่าถ้าจะจี้ ปล้า ฆ่าก็วางแผนกันได้สบายอุรา ไม่ต้องอดหลับอดนอนไปเฝ้าเหยื่อกันเลยทีเดียวครับ
และขอขอเสริมจากมุมมองส่วนตัว เรื่องนี้ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ ที่ AIS ต้องรีบออกแถลงการณ์ “อย่างเป็นทางการ” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
ช่วงแรก ๆ ในการแจ้งปัญหาและสอบถาม ดูเหมือนจะไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไหร่ แต่หลังจากโพสลง pantip ก็มีความเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น แต่ในฝั่งของผู้บริหารและแบรนด์ก็ยังไม่ออกมาแถลงข่าวยังเป็นทางการครับ ซึ่่งในความเป็นจริง ปัญหาตรงนี้ใหญ่มาก ถึงขั้นที่ผิดกฏหมายร้ายแรงและอาจจะถูกยกเลิกสัมปทานได้เลย เพราะเรื่องข้อมูลความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกของการให้บริการครับ
แม้ล่าสุดทาง AIS จะออกมาประกาศว่า บริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่า พนักงานมีเจตนากระทำความผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่กระทำผิดกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า โดยบริษัทได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันที และได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยในเบื้องต้น ทางบริษัทยังไม่ทราบเหตุจูงใจการกระทำของพนักงานรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการดำเนินการทางกฎหมาย และขอยืนยันว่าบริษัทจะเอาผิดพนักงานที่มีเจตนาทุจริตให้ถึงที่สุด
แต่คำถามที่ตามมา ผู้ทำกระผิดคือใคร มีตำแหน่งใดในบริษัท และทำไมระบบรักษาความปลอดภัยจึงหละหลวม ทั้ง ๆ ที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ แล้วมาตรการในการแก้ปัญหาและป้องกัน จะมีความชัดเจนพร้อมเผยแพร่ให้ลูกค้าทั่ว ๆ ไป ได้รับทราบกันตอนไหน
สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามที่ทาง AIS ต้องรีบออกมาตอบ เพื่อไขข้อข้องใจและสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้กับลูกค้าปัจจุบันครับ ไม่ใช่แค่ไล่ออก และบอกว่าจะดำเนินคดีตามกฏหมาย แล้วเรื่องทุกอย่างก็จบ เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ AIS ออกมาพูดในเบื้องต้น มันคือเบสิคพื้นฐานของการจัดการแก้ปัญหาอยู่แล้วนั่นเอง
งานนี้ดูกันยาว ๆ หาก AIS กล้าที่จะเดินหน้าชนและตีแผ่ความจริง ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการทำเป็นกระบวนการนะ คงไม่ใช่แค่บุคคล ๆ เดียวแล้วจะสามารถสร้างอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ด้วยการดึงข้อมูลอย่างละเอียดของลูกค้าออกมาได้ขนาดนี้ เพราะองค์กรยักษ์ใหญ่ที่ไหน ๆ ก็มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด จึงเป็นไปได้ยากครับ หากจะบอกว่างานนี้ไม่มีการทำกันเป็นกระบวนการ
ดราม่านี้จะจบอย่างไร ขอให้ติดตามกันอย่ากระพริบตานะครับ
ที่มา pantip http://goo.gl/GlxKfY
You must be logged in to post a comment.