ASUS Zenfone 3 Ultra เป็นรุ่นรอง Top ของซีรีย์ Zenfone 3 ที่มี Target พร้อมเจาะกลุ่มตลาดผู้ใช้งานที่ชื่นชอบ “แฟบเล็ต” สเปคแรง ๆ แต่ไม่ใช่สไตล์ Tablet นะครับ อธิบายง่าย ๆ คือ จอใหญ่สเปคแรง ใช้งานในภาพรวมไม่แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนมากนัก ซึ่งตัว Zenfone 3 Ultra นั้นสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างลงตัว จุดเด่นหลัก ๆ ของรุ่นนี้คงไม่ต้องเหลากันมาก เอาเป็นว่าจัดเต็มในเกือบทุก ๆ ด้าน หากชื่นชอบ สมาร์ทโฟนจอใหญ่ ๆ แล้วละก็ ไม่ควรมองข้าม Zenfone 3 Ultra กันนะครับ
สเปคเบื้องต้นของ ASUS Zenfone 3 Ultra
● หน่วยประมวลผล Qualcomm MSM8976 Snapdragon 652 Octa-core 1.8 GHz
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 510
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 2TB
● แรม : 4GB
● จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels (~324 ppi pixel density) กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4
● การเชื่อมต่อ รองรับ 2G, 3G, 4G LTE Cat 6
● รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด แบบไฮบริด (Micro-SIM, – Normal SIN – dual stand-by)
● การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac , Bluetooth V. 4.2
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 23MP Camera, f/2.0 aperture, 6 P Largan lens Auto Focus 0.03 second laser auto-focus 32 second long exposure 4-axis, 4 stops Optical Image Stabilization for steady photos Dual-LED real tone flash PixelMaster Camera Modes
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 8MP Camera , f/2.0 aperture PixelMaster Camera Modes
● High-Res Audio certification 24-bit/192kHz
● Android™ 6.0 ครอบทับด้วย ASUS ZenUI 3.0
● ขนาดตัวเครื่อง 186.4 x 93.9 x 6.8 มิลลิเมตร
● น้ำหนัก 233 กรัม
● แบตเตอรี่ 4,600 mAh
ราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 21,990 บาท
Packaging & Accessories
ตัวกล่องแพ็กเกจของ ASUS Zenfone 3 Ultra จะมาใช้โทนสีและรูปแบบคล้าย ๆ กับตัว Zenfone 3 ZE552KL (Marshall Limited Edition) เลยครับ เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่ขนาดเท่านั้นเอง
เปิดกล่องออกมาดูไปพร้อม ๆ กันเลยครับผม
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะประกอบไปด้วย
1. เข็มจิ้มเปิดถาดซิม + คู่มือการใช้งานอย่างย่อและใบรับประกันสินค้า
สาย USB Type-C ซิงค์และชาร์จไฟ + อแดปเตอร์ชาร์จไฟชนิดขาแบน ให้ OUT PUT มาที่ 5V- 2A และ 9V – 2A 18W
ส่วนการที่มาพร้องกับ OUT PUT แบบสองแรงดัน เพราะว่า Zenfone 3 Ultra นั้นรองรับ Quick change 3.0 นั่นเอง โดยระบบชาร์จแบตเร็วของทาง ASUS จะมีชื่อเรียกว่า BoostMaster Fast Charging โดยสามารถชาร์จไฟได้ 60% ในเวลา 45 นาที
หูฟังที่แถมมา คือ ZenEar
เป็นหูฟังสมอลทอร์คแบบอินเอียร์ ที่พรีเมี่ยมและเสียงดีใช้ได้เลยครับ ภายในกล่องจะมีจุกยางสำรองมาให้ใช้อีก 3 ขนาด ตัวหูฟังมีจุดเด่นคือรองรับ Hi-Res Audio ด้วยนะครับ จับคู่กับ Zenfone 3 ที่รองรับ Hi-Res Audio 24-bit/192kHz และ DTS Headphone:X™ virtual 7.1 ได้อย่างลงตัว
Design & Hardweare
Zenfone 3 Ultra มาพร้อมงานออกแบบ Full metal unibody ที่มีจุดขายในเรื่อง “ดีไซน์ซ่อนเส้นเสารับสัญญาณ” ได้อย่างแนบเนียน โดยปรกติสมาร์ทโฟนที่เลือกใช้วัสดุโลหะ จะมีการวางเส้นรับสัญญาณไว้ที่ด้านหลัง หรือด้านข้างของตัวเครื่อง แต่สำหรับ Zenfone 3 Ultra จะมีการซ่อนไว้ในจุด ที่คนส่วนใหญ่จะมองไม่ค่อยเห็น ทำให้งานออกแบบนั้นดูกลมกลืนเรียบเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน เป็น Full metal unibody ที่ไม่มีส่วนเกินอย่างแท้จริง สำหรับดีไซน์หลักก็จะเหมือนกับ Zenfone 3 โมเดล ZE552KL คือฉีกแนวไปจากตระกูล Zenfone 2 แต่ยังวางตำแหน่งของปุ่มระดับเสียงไว้ที่ด้านหลังเหมือนเดิมครับ
สำหรับวัสดุหลักของ Zenfone 3 Ultra จะเป็นอลูมิเนียมเกรดพรีเมี่ยม ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอากาศยาน และตัดขอบแบบ diamond-cutting พร้อมกระบวนการขัด hyperfine จนได้พื้นผิวที่สวยงาม พูดง่าย ๆ คือต้องผ่านกระบวนการผลิตกว่า 240 ขั้นตอนกว่าจะสำเร็จออกมาเป็นชิ้นงานของตัวโครงสร้างหลัก จึงไม่แปลกใจเลยครับ ที่ตัวเครื่องนั้นมีความสวยงามและงานประกอบที่เรียบร้อยและแข็งแรงแน่นหนามาก ๆ
สุดท้าย Handle การจับถือพกพา ด้วยความเป็น “แฟบเล็ต” ที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอถึง 6.8 นิ้ว เรียกว่าใกล้เคียงกับ Tablet 7 นิ้วเลยครับ แต่ยังดีที่งานออกแบบของ Zenfone 3 Ultra จะมีขอบจอที่แคบกว่า ทำให้ภาพรวม ๆ มีขนาดที่กะทัดรัดกว่า Tablet 7 นิ้วทั่ว ๆ ไป สรุปเลยละกัน หากใช้งาน Tablet 7 นิ้ว ทั้งการจับถือและพกพาได้โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัด ก็สามารถใช้งาน Zenfone 3 Ultra ได้แบบชิล ๆ เหมือนกันครับ
มาเฉลยกันหน่อย ว่าเส้นสัญญาณเสาอากาศนั้นหายไปไหน จริง ๆ ก็คือแอบมาอยู่ตรงเส้นตัดขอบจอนั่นเองครับ ให้สังเกตดี ๆ เส้นคาดที่ดูแวววาวนั้นจะไม่ได้เป็นเส้นเดียวตลอดขอบ แต่จะแซมด้วยจุดสีขาวเล็ก ๆ ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 จุด คือด้านบนและด้านล่าง ตรงนี้แหล่ะครับคือเส้นเสารับสัญญาณของ Zenfone 3 Ultra
Zenfone 3 Ultra มาพร้อมกับจอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels (~324 ppi pixel density) กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4
จุดเด่นของจอแสดงผลที่มาพร้อมกับ Zenfone 3 Ultra นอกจากตัว Software VisualMaster 3.0 แล้ว ก็จะมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีคือ Tru2Life+ เป็นการประมวลผลแบบเดียวกับที่ใช้ในทีวี 4K ของปัจจุบัน อธิบายง่ายๆ คือมันสามารถแสดงผลได้อย่างคมชัดแม่นยำและมีความเที่ยงตรงสูงนั่นเอง
สรุป ตัวจอแสดงผลของ Zenfone 3 Ultra ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส มุมมองกว้าง การตอบสนองเป็นเยี่ยม โดยส่วนตัวผมชอบจอของ Zenfone 3 Ultra มาก ๆ ครับ และด้วยการที่มาพร้อมกับจอขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้วด้วยแล้ว ยิ่งตอบโจทย์ทางด้านเอนเตอร์เทนได้เป็นอย่างดีเลยครับ
กล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.0 aperture และขับเคลื่อนด้วย Software Pixel Master 3.0
สำหรับปุ่มโฮมจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่รองรับการบันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุดที่ 5 ลายนิ้วมือ มีความเร็วในการปลดล็อคอยู่ที่ 0.2 วินาที และรองรับการสแกนแบบ 360 องศาซึ่งมีความแม่นยำค่อนข้างสูง สำหรับฟีเจอร์ที่รองรับการทำงานนอกเหนือไปจากการปลดล็อค คือสามารถรับสายได้จากตัวปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วนปุ่ม Back และ Recent จะเป็นแบบ Capacitive button ที่มีไฟแบลค์ไลค์มาให้ใช้งานด้วยครับ
ด้านหลังงานออกแบบจะแบนเรียบ ไม่เล่น curve เหมือนในซีรีย์ Zenfone 2
กล้องหลังจัดเต็มกว่า Zenfone 3 โมเดล ZE552KL เล็กน้อย คือตัวเซ็นเซอร์จะใหม่กว่า และความละเอียดก็เยอะกว่าด้วยครับ โดยมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ SonyIMX318 ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ส่วนอื่น ๆ จะไม่แตกต่างกัน เช่น กันสั่น 4 แกน และ EIS สำหรับการถ่ายวีดีโอ, เลเซอร์โฟกัส, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ ASUS TriTech, และ phase detection พร้อมขับเคลื่อนด้วยซอฟท์แวร์ ASUS PixelMaster 3.0
สำหรับกระจกเลนส์จะยื่นออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ฝั่งขวามือของเลนส์ก็คือเลเซอร์ที่ช่วยในการโฟกัส ส่วนแฟลชจะเป็นแบบ Dual-LED real tone
สำหรับคุณภาพจริงจะเป็นอย่างไร รอติดตามรับชมกันได้ในเร็วๆ นี้ครับ
ปุ่มปรับระดับเสียงยังจัดวางไว้ที่ด้านหลังเหมือนเช่นเดิม สำหรับตัวปุ่มนั้นจะแบบราบไปกับตัวฝาหลัง และมีการใส่ลวดลาย Texture ลงบนตัวปุ่มด้วย ทำให้ดูสวยงามพรีเมี่ยมและลงตัวมาก ๆ เลยครับ
ด้านบนของตัวเครื่องจะทีไมค์ตัดเสียงรบกวนและ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างจะประกอบไปด้วยพอร์ต USB Type-C , ไมค์สนทนาและลำโพงคู่สเตอริโอเสียงกระหึ่ม
ตัวลำโพงจะเป็นลำโพงที่มาพร้อมกับแม่เหล็กแบบ 5 ชั้น สำหรับ Zenfone 3 Ultra นั้นรองรับ Hi-Res Audio 24-bit/192kHz ด้วยนะครับ ทางฝั่ง Software ก็จะมี DTS Headphone:X™ virtual 7.1 , DTS-HD Premium Sound เรียกว่าจัดเต็มทั้งในส่วนของ Software และ Hardware
ฝั่งซ้ายมือของตัวเครื่องจะเรียบ ๆ โล่ง ๆ ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ
ทางฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย ช่องถาดซิม 1-2 และปุ่ม Power
รองรับ Nano SIN ทั้งซิม 1 และ 2 สำหรับถาดซิม 2 จะเป็นแบบไฮบริด คือรองรับการใช้งานร่วมกับหน่วยความจำภายนอก Micro SD Card
ในส่วนของการแกะกล่องสำรวจ Hardware ภายนอกของ Zenfone 3 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ
Software & Featere
ASUS Zenfone 3 Ultra เปิดตัวมาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่น 6.01 (Marshmallow) และครอบทับด้วย ZenUI 3.0 เวอร์ชั่นล่าสุด สำหรับพื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64GB จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานจริงประมาณ 52GB
ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของฝั่ง Software รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นที่บันเดิลมาให้ จะไม่แตกต่างไปจาก Zenfone 3 โมเดล ZE552KL เลยครับ จึงไม่ขอลงซ้ำ สามารถอ่านจากบทความเก่าได้เลยครับผม >>> Android Review: รีวิว ASUS Zenfone 3 ZE552KL (Marshall Limited Edition) ภาค Software ตอนที่ 1 !!!
Performance
สำหรับผลคะแนนจากชิปเซ็ต Snapdragon 652 นั้นไม่ได้แรงไปกว่า Snapdragon 625 บน Zenfone 3 โมเดล ZE552KL สักเท่าไหร่ คะแนนส่วนใหญ่จึงใกล้เคียงกัน แต่ในการใช้งานจริง มันก็ลื่นไหลดีครับ ยังไม่พบ Bug ร้ายแรงอะไร การทำงานในภาพรวมมีความสมูทใช้ได้เลยครับ
Camera & Sample
Software ทางฝั่งของ Camera ก็จะเหมือนกับ Zenfone 3 โมเดล ZE552KL ทุกประการ สิ่งที่แตกต่างก็คือ Zenfone 3 Ultra ใช้ตัวเซ็นเซอร์ที่ใหม่กว่า และความละเอียดก็เยอะกว่าด้วยครับ โดยมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ SonyIMX318 ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ส่วนอื่น ๆ จะไม่แตกต่างกัน เช่น กันสั่น 4 แกน และ EIS สำหรับการถ่ายวีดีโอ, เลเซอร์โฟกัส, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ ASUS TriTech, และ phase detection พร้อมขับเคลื่อนด้วยซอฟท์แวร์ ASUS PixelMaster 3.0
และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปชมภาพที่ถ่ายด้วยกล้องของ Zenfone 3 Ultra กันเลยดีกว่าครับ
HDR mofe
สรุป
Zenfone 3 Ultra เกิดมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่ม แฟบเล็ต โดยเฉพาะครับ ไลน์การทำตลาดจึงไม่ไปทับกับรุ่นย่อยของซีรีย์ 3 ตัวอื่น ๆ สิ่งที่เป็นจุดขายหลักของ Zenfone 3 Ultra ก็คือการตอบโจทย์ด้านเอนเตอร์เทนได้อย่างลงตัว ไล่เรียงตั้งแต่ขนาดและคุณภาพของจอแสดงผล ระบบเสียงและลำโพงคู่สเตอริโอ รวมไปถึงสเปคที่สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล จึงทำให้ Zenfone 3 Ultra โดดเด่นเหนือกว่า Tablet ในท้องตลาด เพราะว่าไม่ได้มีดีในเรื่องวัสดุ – สเปคหรืองานออกแบบเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมกับขนาดที่กะทัดรัด (เมื่อเทียบกับ Tablet ) สามารถพกพาไปใช้ใช้งานได้สะดวกกว่านั่นเอง สิ่งที่จะดูเป็นจุดอ่อน ก็คงมีเพียงเรื่องราคาเปิดตัวครับ เพราะการแข่งขันในบ้านเราดุเดือดรุนแรงไม่น้อย หากแบรนด์ไม่แข็งไม่แกร่ง ไม่ติดตลาดจริง ๆ คงเป็นเรื่องยากในการดันยอดขายของตลาดในบ้านเราครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะครับ แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้าครับผม
สามารถพูดคุยเกี่ยวกับบทความนี้ได้ที่หน้าเว็บบอร์ดเดิมครับ โดยคลิ๊กที่ลิงก์นี้ครับ >>> http://goo.gl/WNc5uy
You must be logged in to post a comment.