OPPO แบรนด์นี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ณ เวลานี้อีกแล้ว แถมยังเพิ่งเปิดตัว พรีเซนเตอร์ ใหม่ ดาวิกา ไปได้ไม่นาน มีโฆษณาออกมาแบบว่าขนาดผมไม่ค่อยได้ดู หรือได้ฟังโฆษณาก็ยังติดหู ติดตาเลยล่ะ วันนี้ก็เลยเอาเจ้า OPPO F1s ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ด้วยราคาไม่ถึงหมื่นมารีวิวให้ชมกันครับ กับการใช้งานประมาณสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ก็รู้ว่า OPPO ไม่ธรรมดาจริงๆ
ต้องบอกเลยว่าช่วงก่อนหน้านี้ OPPO กับ Color OS ดูๆ แล้วก็เดิมๆ ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ ผมเลยห่างๆ จากการรีวิว OPPO ไปซะหลายต่อหลายรุ่น จนล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว OPPO F ซีรีส์ไป น่าจะตั้งแต่ช่วงต้นปี เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แล้วก็ได้มาจับเจ้า OPPO F1s นี่ล่ะ ซึ่งเค้าบอกว่าเค้าเชี่ยวชาญเรื่องกล้องด้านหน้า หรือการถ่ายเซลฟี่มากๆ จะมากแค่ไหน ใหม่ ดาวิกา ไม่ได้แอ้มหรอก
OPPO F1s เป็น Selfie Expert ที่หาใครเทียบยาก เพราะอะไรนะหรือ? เพราะกล้องด้านหน้าเค้าให้มามากกว่ากล้องด้านหลังไงล่ะ กล้องด้านหน้า 16 ล้านพิกเซล แต่กล้องด้านหลังแค่ 13 ล้านพิกเซล
ตัวกล่องจริงๆ แล้วเป็นสีขาวเรียบๆ ดูสวยงาม ส่วนที่เห็นด้านบนเป็นแค่เปลือกชั้นนอก
อุปกรณ์ในกล่องก็มาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จ หูฟัง adapter eject sim มีฟิล์มกับเคสแถมให้ด้วยนะ แต่ตัวนี้คือเครื่องทดสอบ อุปกรณ์อาจจะไม่ครบนิดนึง
ตัว adapter ขนาดใหญ่ดี
ขนาด 2A ชาร์จแบตขนาด 3075 mAh ได้สบายๆ ไม่ได้รองรับ VOOC หรือชาร์จแบบเร็วนะครับ
หูฟังที่ใช้เป็น small talk ได้
แค่เห็นแต่ด้านหน้าก็นึกว่าแบรนด์ผลไม้ซะอีก รูปร่างดูดี สวยงามโดนใจ เหมือนใหม่ดาวิกา (เกี่ยวไหม?) หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วถือว่าใหญ่เต็มตาเต็มใจเหมือน ใหม่ ดาวิกา (ยังจะเอามาเกี่ยว?) แต่ทว่าความละเอียดยังอยู่ที่ HD ล่ะนะ อินเทรนด์ด้วยกระจก Gorilla Glass 4 และหน้าจอแบบ 2.5D
กล้องด้านหน้าขนาด 16 ล้านพิกเซล นี่ก็ไม่ค่อยเห็นมากนักที่กล้องด้านหน้าจะมีความละเอียดมากกว่ากล้องด้านหลังในขณะที่ เซ็นเซอร์ขนาดเล็กกว่า แต่เค้าก็การันตีว่า F2.0 ซึ่ง ดีกว่ากล้องด้านหลังที่ F2.2 เอิ่ม ไม่ได้เจอง่ายๆ นะ ถึงขึ้นชื่อ และมั่นใจได้ว่าเป็น Expert Selfie จริงๆ
ตัวปุ่มกด จะมีก็แค่ ปุ่มตรงกลางนี่ล่ะ เอ๊ะๆ เดี๋ยวก่อน นี่มันใหม่นี่ คือไม่ใช่แค่ปุ่ม Home ปกติ แต่ทว่ายังเป็นการป้องกันระดับสูงปรี๊ด ด้วยใหม่ เอ๊ย ด้วย fingerprint ที่ใช้เวลาเพียง 0.22 วินาทีในการสแกนนิ้วเพื่อเข้าใช้งาน จะเร็วไปไหน ระดับเศษเสี้ยวของวินาทีเลยทีเดียว
ส่วนของด้านหลัง วัสดุที่ใช้ฝาหลังโลหะประกบติด มีสีให้เลือกก็คือสีทองและสีชมพู ซึ่งเครื่องที่ได้มารีวิวเป็นสีทองนะ แต่น้ำหนักจับแล้วใช้ได้อยู่ ดูแข็งแรงดี ส่วนภายในให้ CPU มาเป็น MT 6750 octa-Core เรื่อง ความเร็วก็ใช้งานทั่วๆ ไปได้ครบ RAM จัด 3GB มาให้ก็พอใช้ ส่วนความจุ 32GB ก็เหลือๆ นะ แน่นอนว่าใส่เมมเพิ่มได้ด้วย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องพื้นที่ไม่พอเก็บข้อมูล
ตัวกล้องด้านหลังมาพร้อมแฟลชในตัว ส่วนความละเอียดอย่างที่รู้กันล่ะครับว่าให้มา 13 ล้านพิกเซล ดูจากเลนส์แล้ว น่าจะความละเอียดมากกว่ากล้องหน้าเสียด้วยซ้ำ F2.2 ซึ่งจริงๆ แล้ว หากความละเอียดเท่ากับกล้องหน้าจะดูดีมาก
งานประกอบของ OPPO เท่าที่ได้จับเครื่องแต่ละครั้ง ก็มาตรฐานดีนะ ด้านหลังเองก็คล้ายๆ ค่ายผลไม้เหมือนกัน
ด้านบนมีแค่ไมค์เท่านั้น ส่วนความหนาของตัวเครื่อง 7.38 มม. ถือว่าบางใช้ได้เลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะดูหนากว่าพี่ๆ ก่อนหน้านี้ไปสักนิดนึง
ด้านล่างมีทั้งลำโพงและไมค์ ที่เจาะรูกลมๆ และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนพอร์ทสำหรับชาร์จก็ยังคงเป็น micro USB ปกติ
ด้านข้างนึง เป็นปุ่มกด เร่งลดเสียงตามปกติ ส่วนการจับภาพก็ใช้ปุ่มสองปุ่มนี่ล่ะ กด power+volume down พร้อมกัน เป็นการจับภาพปกติ ส่วนการกด power+volume up จะเป็นการจับภาพแบบสไลด์เต็มหน้าได้ กรณีที่หน้าเว็บเพจยาวๆ หรือหน้าแอปที่มีขนาดยาวกว่า 1 หน้า smartphone ปกติ อันนี้ก็ดีไซน์มาดีนะ ผมชอบเลยล่ะ
ส่วนอีกด้านก็เป็นปุ่ม power ตามปกติ และถาดใส่ซิมและเมม
สังเกตเห็นไหมครับว่า เข็มจิ้มหรือ eject sim นี่มีขนาดยาวกว่าปกติทั่วๆ ไป ดังนั้นอย่าทำหายนะ
ข้อดีอีกข้อก็คงเป็นเรื่องของ นอกจากรองรับ 4G ทุกค่ายแล้ว ยังสามารถใส่ SIM ได้ 2ซิมพร้อมๆ ไปกับใส่ memory เพิ่มเติมได้เลย แต่ว่าซิมใดซิมนึงเป็น 4G อีกซิมก็จะรองรับแค่ 2G เท่านั้นล่นะ ส่วน microSD ที่เค้าโปรโมทไว้จะมีแถมเพิ่มให้ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องกังวล แนะนำให้ซื้อแบบ 64GB มาใช้งานเลย เดี๋ยวนี้เมมก็ไม่แพงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
พอดีมี A9 Pro อยู่ในมือ ลองถ่ายภาพคู่กันสักหน่อย
ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วกับ 6 นิ้วแทบไม่ต่างกันเลยแฮะ
ด้านหลัง สีทองทั้งสองค่ายก็มีความทองแตกต่างกัน
มาดูซอฟท์แวร์กันมั่ง
สำหรับ OPPO F1s อย่างเดียวที่ต้องปรับก็คือ Base OS นี่ล่ะ ที่ยังอิงกับ Android 5.1 ถึงแม้ว่จะใช้งานได้ดีในระดับที่เรียกว่าน่าพอใจแล้วก็ตามที ซึ่งก็ครอบด้วย ColorOS 3.0 ที่ยังคงความสดใสและฟีเจอร์ต่างๆ ครบถ้วน
ส่วนของหน่วยความจำ พื้นที่ที่เหลือ ก็มีให้ใช้งานพอสมควรอยู่แล้ว ส่วนตัว ColorOS มีอัพเดทเวอร์ชั่นล่าสุด รองรับการเล่น Pokemon GO โดยการเปิด AR ได้แล้วนะ
คีย์บอร์ดภาษาไทยและอังกฤษ คือภาษาไทยนี่ล่ะ ที่ใช้ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ พวกสัญลักษณ์ ตัวเลขต่างๆ รู้สึกว่าได้เลยว่า ไม่ได้ใช้ OPPO มานานมาก จนรู้สึกไม่คล่อง ปกติก็ถือแบรนด์โน้นนี่นั่น แต่ส่วนใหญ่พวกสัญลักษณ์และตัวเลขจะอยู่ขวามือหรือไม่ก็ด้านบน แต่สำหรับ OPPO แล้วจะอยู่ด้านซ้ายมือ ซึ่งจริๆ ก็แค่ไม่ชินแค่นั้นเอง
อย่าลืมว่า OPPO F1s มีสแกนนิ้วมือ ซึ่งสแกนได้สูงสุด 5 นิ้ว และสามารถใช้ปลดล็อคใช้งานได้หลายอย่างเหมือนกัน แต่หลักๆ ผมเอาไว้ปลดล็อคเครื่องเพื่อเข้าใช้งานนั่นล่ะ ส่วนจะไปใช้แอพอื่นๆ อันนี้ก็แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคนเลย หรือจะเก็บไฟล์ก็ได้ เรียกว่ารองรับความปลอดภัยในอีกระดับนึง เรื่องของแอพและไฟล์ ที่เป็นส่วนตัว
ส่วน O-Cloud สำหรับใครที่ใช้ OPPO ควรลงทะเบียนใช้งาน เพราะมีที่เก็บไฟล์ฟรีๆ ให้ใช้ รวมถึง SMS ก็ยังแบ็คอัพขึ้น cloud ไว้ได้ด้วยนะ ฟรีๆ
ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นพวกการเปิด % แบตเตอรี่ให้แสดงบนแถบแจ้งเตือนด้านบน หรือว่าจะเป็นโลโก้เครือข่าย ก็แสดงให้ได้เลย ไม่ต้องไปหาดาวโหลดแอพมาลงเพิ่มเติม และใครที่ชอบอ่านหนังสือล่ะก็ อย่าลืมเปิดโหมดถนอมสายตาด้วยนะ
ส่วนของการทดสอบพลัง ก็ไม่มากไม่น้อย กลางๆ ส่วน multi-touch ในทุกวันนี้น่าจะ 10 จุดกันหมดอยู่แล้ว ใช้งานก็ปกติดีครับ
การเปิด AR ในเกมส์ Pokemon GO ซึ่งในช่วงแรกไม่สามารถใช้งานได้ แต่อัพเดทเฟิร์มแวร์ล่าสุดใช้งานได้เรียบร้อยแล้วนะ
สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างก็คือ เรื่องของการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ เรียกว่ายาวเต็มที่ จนกว่าจะสุดหน้า เราสามารถนำมาใช้งานต่อได้เลย
ตัวอย่างภาพหน้าจอที่จับมา คือการดาวโหลดธีมนั่นเอง โดยการกดปุ่ม Power+Volume Up พร้อมกัน
ส่วนของกล้อง มีโหมดให้เลือกไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะโหมดผู้เชี่ยวชาญ ที่มีให้ปรับภาพต่างๆ ได้มากมาย แน่นอนว่าทั้ง บิวตี้โหมด หรือพาโนรามา ก็จัดได้ครบ ชัทเตอร์ไวตามสไตล์ OPPO
สำหรับโหมดบิวตี้ ปรับได้ถึง 7 ระดับ และนอกจากนั้นยังปรับสีผิดได้อีกด้วย
มาดูตัวอย่างภาพถ่ายกันดีกว่า (คลิ้กที่ภาพเพื่อดูขนาดเต็มๆ)
เซ็ทแรก เซ็ทดอกไม้
ชุดต่อไปเซ็ทของกิน
ชุดภาพทั่วๆ ไป
ชุดต่อไปเซ็ทบุคคล
กล้องหน้าต่างกันเห็นๆ
หน้าเนียนมาก
โดยทั้งหมดนี้ใช้โหมด Auto และ บิวตี้นะครับ
มาสรุปกันสักนิดก่อนจาก
สำหรับ OPPO F1s ผมว่าในราคาไม่เกินหมื่นแล้วกล้องคุณภาพดีๆ ก็หายากล่ะ ครับ อีกอย่าง OPPO เองก็เน้นด้านการถ่ายภาพมาตั้งแต่ไหนแต่ไร จน F series นี่ชัดเจนมากว่ามาเอาดีทางด้านกล้อง โดยเฉพาะ แถมยังมีใหม่ ดาวิกา เป็นพรีเซนเตอร์ให้อีก ทำให้คนจำแบรนด์ OPPO ได้แบบติดตาติดใจ รู้เลยว่าเน้นเรื่องการถ่ายภาพเต็มๆ โดยเฉพาะ การ Selfie ที่แปลกใจก็เห็นจะเป็นกล้องด้านหน้าที่มีความละเอียดมาก และคุณภาพดี แทบจะอยากใช้แทนกล้องหลังเลยทีเดียว ส่วนอื่นๆ การใช้งานทั่วๆ ไปตอบโจทย์ได้หมด ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ความละเอียดแบบ HD ที่ดูน้อยไปหน่อย แต่ผมว่าแค่นี้ก็เหลือๆ แล้วล่ะ ความจุ และ RAM ก็ให้มาพอใช้งาน เล่น Pokemon GO เปิด AR ได้ เพราะเค้าให้อัพเดทเฟิร์มแวร์ล่าสุดแล้ว ใครยังไม่ได้อัพก็อย่าลืมซะล่ะ ตัวเครื่องอาจจะมีน้ำหนักมากไปสักนิดนึง อื่นๆ ก็มีเรื่องแบตที่อึด แต่ก็แลกด้วยการชาร์จที่ทิ้งไว้ตลอดคืน ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่รองรับ VOOC ช่วยให้ชาร์จเร็วขึ้น แต่สำหรับ OPPO F1s ไม่มี VOOC ทำให้แบตใหญ่และชาร์จนานกว่าพี่ๆ น้องๆ OPPO นั่นเอง ที่เหลือผมว่า จบ ครบในเครื่องเดียว ใหม่ สวย สเปคดี กล้องเด่น เน้นทุกรายละเอียดเซลฟี่ล่ะครับ
ขอบคุณ OPPO Thailand ที่ให้ยืมเครื่องทดสอบ
You must be logged in to post a comment.