ค่าย ZTE เปิดตัว ZTE AXON 7 และ AXON 7 Mini อย่างเป็นทางการ และในงานนี้ยังได้เปิดตัว มาริโอ้ เมาเร่อ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ แซท ที อี ประเทศไทยอีกด้วย สำหรับ ZTE AXON 7 เป็นรุ่นเรือธงที่มาพร้อมสเปคที่ค่อนข้างจัดเต็ม ส่วนรุ่น Mini จะมีสเปคที่ลดหลั่นลงมาเล็กน้อย แต่ไฮไลท์หรือจุดขายหลัก ๆ จะไม่แตกต่างกันมากนัก โดยตัว AXON 7 Mini จะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 5.2 นิ้ว เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนในขนาดกะทัดรัดนั่นเอง
สเปคเบื้องต้นของ ZTE AXON 7
● หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 820 ( 2.2 GHz)
● หน้าจอแสดงผลชนิด AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2K Quad HD (1440×2560 พิกเซล) กระจกโค้ง 2.5D
● หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 530
● แรม 4GB
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64GB และรองรับหน่วยความจำ MicroSD ได้สูงสุด 128GB
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชทูโทน ค่ารูรับแสง f/1.8, ระบบโฟกัสแบบ PDAF ระบบกันสั่นไหวแบบ OIS และ EIS
● กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 พร้อมเลนส์มุมกว้าง 88 องศา
● ชิปประมวลผลเสียง AKM 4961 และชิป AKM 4490 และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
● รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
● พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และมี เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
● แบตเตอรี่ความจุ 3250 mAh และรองรับเทคโนโลยี Quick Charge 3.0
● ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย MiFavor UI 4.0
สำหรับจุดเด่นหลักจะเป็นเรื่องระบบเสียงกับกล้องครับ โดย ZTE AXON 7 มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอที่ขับเคลื่อนด้วย ชิปประมวลผลเสียงถึง 2 ตัว ส่วนกล้องก็จัดเต็มทั้งทางด้าน Hardware โดยมาพร้อมความละเอียดถึง 20 ล้านพิกเซล และมีค่ารูรับแสง f/1.8 ซึ่งจะช่วยให้การถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกันสั่น OIS และ EIS สำหรับวีดีโอ
ดีไซน์ของ ZTE AXON 7 เป็นแบบ Full-Metal Unibody ที่มาพร้อมกับวัสดุยอดนิยมอย่าง Aluminum นอกจากนี้ยังได้ทีมงานของฝ่ายออกแบบรถ BMW มาช่วยรังสรรค์งานดีไซน์ของ ZTE AXON 7 อีกด้วยนะครับ
สำหรับด้านหน้าจะตัดขอบบนล่างด้วยช่องลำโพงคู่สเตอริโอตามสไตล์ของซีรีย์ AXON และความเจ๋งของ ZTE AXON 7 ก็คือรองรับระบบเสียง Hi-Res โดยมาพร้อมกับระบบเสียง Dual Hi-Fi ด้วยซาวด์ชิปถึง 2 ตัว แถมคว้ารางวัลในงาน IFA 2016 ที่ผ่านมาอีกด้วยครับ
ต่อกันด้วยจุดเด่นของจอแสดงผลครับ ZTE AXON 7 เลือกใช้จอชนิด AMOLED ในขนาด 5.5 นิ้ว ให้ความละเอียดมาถึง 2K Quad HD (1440×2560 พิกเซล) สำหรับกระจกจะเป็นแบบโค้ง 2.5D และเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกป้องกันรอย cornini gorilla glass 4 แถมยังเคลือบสารพิเศษที่ช่วยลดการเก็บรอยนิ้วมือไว้อีกด้วย
ด้านบนจัดวางตำแหน่งช่องเสียบหูฟังไว้มุมขวามือ ส่วนไมค์ตัดเสียงรบกวนจะอยู่ที่ฝั่งซ้ายครับ
สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อทั้งซิงค์และชาร์จไฟจะเป็นแบบ USB Type-C ตามสมัยนิยม
ฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะประกอบได้ด้วยปุ่ม Power และปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ส่วนทางฝั่งซ้ายจะเป็นที่ซ่องถาดซิมครับ โดย ZTE Axon 7 จะรองรับการใช้งานได้แบบ 2 ซิมการ์ด แต่ตัวถาดจะเป็นไฮบริดที่ต้องเลือกระหว่างการใช้งาน 2 ซิมหรือ 1ซิม+ MicroSD Card ครับ
กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชทูโทน ค่ารูรับแสง f/1.8, ระบบโฟกัสแบบ PDAF ระบบกันสั่นไหวแบบ OIS และ EIS
สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นมีจุดเด่นตรงที่ปลดล็อคได้ไวถึง 0.27 วินาที แถมยังมีฟีเจอร์ที่ใช้งานได้มากมายมากกว่าการปลดล็อคเพียงอย่างเดียว ต้องบอกว่าเป็นค่ายเดียวที่ใส่ฟีเจอร์มาให้ใช้งานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเยอะที่สุดในปัจจุบันเลยครับ
เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 6.0 (Marshamallow) และครอบทับด้วย MiFlavor UI 4.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องของเซอร์วิสการบริการหลังการขาย ที่ค่าย ZTE ทำเซอร์ไพรส์มาก ๆ โดยมาพร้อมกับ “Privilege Protection” AXON 7 Series VIP Service
● รับประกันเพิ่มเติมอีก 1 ปี (รวมการประกันจริงคือ 2 ปี)
● เปลี่ยนหน้าจอฟรี 1 ครั้ง (นับจากวันที่ซื้อภายในระยะ 6 เดือนแรก)
● อุบัติเหตุจากของเหลว ซ่อมฟรี 1 ครั้ง (นับจากวันที่ซื้อภายในระยะ 24 เดือน)
ต่อกันที่รุ่นน้อง ZTE AXON 7 Mini
สเปคเบื้องต้นของ ZTE AXON 7 Mini
● หน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 617 Octa-core (4×1.5 GHz Cortex-A53 & 4×1.2 GHz Cortex-A53)
● หน้าจอแสดงผลชนิด AMOLED ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920 x 1080 พิกเซล)
● หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 405
● แรม 3GB
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32GB และรองรับหน่วยความจำ MicroSD ได้สูงสุด 128GB
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชทูโทน ค่ารูรับแสง f/1.9, ระบบโฟกัสแบบ PDAF
● กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
● ชิปประมวลผลเสียง AKM 4962 (Hi-Fi sound playback and recording) และรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
● รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
● พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และมี เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
● แบตเตอรี่ความจุ 2705mAh และรองรับเทคโนโลยี Quick Charge 3.0
● ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถูกครอบทับด้วย MiFavor UI 4.0
สำหรับดีไซน์งานออกแบบ รวมไปถึงการจัดวางเลย์เอาท์ของ AXON 7 Mini จะไม่แตกต่างไปจากรุ่นพี่มากนัก ส่วนที่ต่างจริง ๆ ก็คือสเปคภายในเท่านั้นเอง ที่ต้องมีการลดหลั่นลงมาเพื่อลงมาทำตลาด Mid-range หรือตลาดระดับกลาง
สรุปในภาพรวม ทั้ง 2 รุ่นมีความน่าสนใจทั้งในส่วนของ Hardware และเทคโนโลยี รวมไปถึงบริการหลังการขาย แถมเมื่อบวกกับการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ AIS ที่ทำโปรโมชั่นเร้าใจออกมา ก็ต้องบอกว่าน่าจับตามองมาก ๆ ครับ สำหรับวันนี้คงเป็นพรีวิวแรกจับบอกฟิลลิ่งคร่าว ๆ ให้ได้อ่านกัน ในส่วนของ Full Review นั้นจะติดตามในเร็ว ๆ นี้ครับผม
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ZTE Thailand ที่เชิญไปร่วมงานครับ
ถูกใจบทความนี้ 0
You must be logged in to post a comment.