เอชพี ประเทศไทย เปิดตัว HP Elite X3 สมาร์ทโฟนระบบปฏิการ Windows 10 Mobile สุดร้อนแรง ที่กวาดรางวัลในงาน MWC 2016 ไปกว่า 20 รางวัล โดยจุดเด่นของ HP Elite X3 คือการที่มาพร้อมกับสเปคแฟลกชิป ด้วยหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 820 แรม 4 GB LPDDR4 หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.96 นิ้ว ความละเอียด 2K WQHD (2560 x 1440 พิกเซล) ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Biometrics สแกนม่านตา iris camera นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบกันน้ำกันฝุ่น มาตรฐาน IP67 ส่วนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 29,900 บาท ก็ถือว่าค่อนข้างร้อนแรงไม่แพ้สเปคเลยครับ แต่ถ้ามองในภาพรวม ๆ แล้ว ราคานี้ถือว่าสมเหตสมผล แต่อาจจะเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานในฝั่งคอมเมอร์เชียล ที่เน้นใช้งานภาคธุรกิจองค์กรนั่นเองครับ
สเปคเบื้องต้นของ HP Elite X3
● หน่วยประมวลผล Qualcomm MSM8996 Snapdragon 820 Quad-core (2×2.15 GHz Kryo & 2×1.6 GHz Kryo)
● หน้าจอแสดงผลชนิด AMOLED ขนาด 5.96 นิ้ว ความละเอียด 2K WQHD (2560 x 1440 พิกเซล) กระจก Gorilla Glass 4
● หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 530
● แรม 4GB
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64GB และรองรับหน่วยความจำ MicroSD ได้สูงสุด 2TB
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + ไฟแฟลช 1 ดวง ค่ารูรับแสง f/2.0 , เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.4″ sensor, 1.3 micron pixels, ระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Auto Focus)
● กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์จาก Sony ในรุ่น IMX268
● รองรับระบบกันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IP67 (อยู่ในน้ำลึกได้ไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที )
● รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด 2G/3G/4G, LTE-A CAT 6
● พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และมี เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, สแกนม่านตา iris camera
● แบตเตอรี่ความจุ 4150mAh รองรับระชาร์จแบบไร้สาย (Qi/PMA wireless charging)
● ขนาดตัวเครื่อง 161.8 x 83.5 x 7.8 มม.
● น้ำหนัก 195 กรัม
● ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile
● ราคาวางจำหน่าย 29,900 บาท
สเปคอย่างละเอียดดูได้จากที่นี่ครับ >>>> https://goo.gl/S9dGGH
ดีไซน์งานออกแบบของ HP Elite X3 ออกจะดูเรียบ ๆ ไม่ได้ฉีกแนวไปจากท้องตลาดสักเท่าไหร่ เนื่องจากเน้นการทำตลาดคอมเมอร์เชียล งานออกแบบจึงดูเรียบขรึม เพื่อให้เหมาะกับตลาดเชิงธุรกิจ
ในด้านของตัววัสดุหลักจะเป็นโพลีคาร์บอเนตหรือพลาสติกนั่นเอง และมีการตัดขอบด้านล่างด้วยอะลูมิเนียมขัดเงา พร้อมวางตำแหน่งลำโพงไว้ที่ด้านล่าง ทำให้ดูแล้วมีความพรีเมี่ยมขึ้นมาอีกนิด
มาดูไฮไลท์หลัก ๆ ที่น่าสนใจของ Elite X3 กันต่อครับ
1. HP Elite X3 เลือกใช้จอแสดงผลชนิด AMOLED ขนาด 5.96 นิ้ว ความละเอียด 2K WQHD (2560 x 1440) ที่ให้ความสว่างถึง 550 nits, อีกทั้งยังมาพร้อมกระจกป้องกันรอยขีดข่วน Gorilla Glass 4 และเคลือบสารกันแสงสะท้อน anti-reflection coating
2. ระบบป้องกันที่รัดกุมนอกจาก Fingerprint sensor ที่ด้านหลัง ยังมี Windows Hello ที่ใช้ iris camera หรือระบบการสแกนม่านตา ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในแบบ Biometrics
3. กล้องหน้าให้ความละเอียดมาที่ 8 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์จาก Sony ในรุ่น IMX268 และระบบเสียงแบบสเตอริโอจากลำโพงที่เป็นพาร์ทเนอร์หลักมาอย่างยาวนานก็คือค่าย Bang & Olufson
4. รองรับระบบกันน้ำกันฝุ่นในมาตรฐาน IP67 (อยู่ในน้ำลึกได้ไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลา 30 นาที )
5. มีไมค์ตัดเสียงรบกวน 3 ตัว (3 noise-cancelling microphones)
5. แบตเตอรี่ความจุ 4150mAh รองรับระชาร์จแบบไร้สาย (Qi/PMA wireless charging)
ด้านหลัง
กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + ไฟแฟลช 1 ดวง / ค่ารูรับแสง f/2.0 , เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.4″ sensor, 1.3 micron pixels, ระบบโฟกัสแบบ PDAF (Phase Detection Auto Focus)
ตัวเลนส์กล้องจะยืนนูนออกมาเล็กน้อยครับ และด้านข้างจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวน ถัดลงมาด้านล่างคือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ตรงนี้มีข้อดีนะครับ เพราะจะช่วยให้สแกนได้ง่ายและสะดวกขึ้น
ด้านล้างมีไมค์สนทนา และ ‘pogo pin’ connection dots. แบบ 5 พิน เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ที่จะมีตามออกมาในอนาคต
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. จะอยู่ที่ด้านบน ส่วนด้านล่างจะเป็นพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จไฟและเชื่อมต่อถ่ายโอนข้อมูล
ฝั่งขวามือไล่เรียงลงมาจากด้านบน – ปุ่ม Power- และปุ่มเพิ่ม – ลดระดับเสียง
ทางด้านซ้ายมือของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิม สำหรับ HP Elite X3 จะรองรับการใช้งานในแบบ 2 ซิมการ์ด แต่ทว่าตัวถาดจะเป็นแบบไฮบริด ที่ใช้งานร่วมกับหน่วยความจำภายนอก Micro SD Card ตรงนี้จึงต้องเลือกระหว่างจะใช้งาน 2 ซิม หรือใช้แบบ 1 ซิม + Micro SD Card นั่นเอง
ในด้านการเชื่อมต่อ HP Elite X3 รองรับ 2G/3G/4G, LTE-A CAT 6 และการเชื่อมต่ออื่น ๆ ดังนี้
WiFi 802.11a/b/g/n/ac (2×2)
Bluetooth 4.0 LE combo,
Miracast supported
NFC (NQ210)
Wireless charging (Qi/PMA)
Standalone GPS
Assisted GPS
ในชุดวางจำหน่ายจะแถมซิลิโคสเคสมาให้ด้วยครับ
ไฮไลท์และถือว่าเป็นจุดขายของ HP Elite X3 ก็คือฟีเจอร์ continuum ที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อทำงานในรูปแบบ 3 in 1 คือเป็นได้ตั้ง Desktop โหมดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และ Laptop Mode หรือโน๊ตบุ๊คพกพา โดยจะมีอุปกรณ์ต่อพ่วงคือ Desk Dock เพื่อใช้งานในโหมด Desktop และตัว Lap Dock เพื่อใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊ค
มาดูรายละเอียดกันได้เลยครับ โดยผมขอเริ่มจากตัว Desk Dock เป็นลำดับแรก
สเปคเบื้องต้นของตัว Desk Dock
ตัว Desk Dock ในภาพรวมจะมีความคล้ายคลึงกับ Microsoft Display Dock เรียกว่าใช้หลักการทำงานเดียวกัน อธิบายง่าย ๆ คือเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของเราไปยังจอแสดงผลภายนอก ด้วยฟีเจอร์ Continuum เพื่อใช้งานในรูปแบบคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะนั่นเอง เพียงแต่ตัว HP Desk Dock จะมีความน่าสนใจกว่า ตรงที่ให้พอร์ตการเชื่อมต่อมาอย่างครบครัน และมีแอพพลิเคชั่นพิเศษ HP workspace ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน legacy desktop apps ในรูปแบบ virtualization ที่ไม่จำเป็นต้องติดตั้งลงไปภายในตัวเครื่อง
พอร์ตการเชื่อมต่อให้มาอย่างครบครัน ทั้ง RJ 45, Display Port, USB-A , และ USB Type-C
แถมยังมี Kensington Lock มาให้ใช้งานอีกด้วย
ด้านล่างจะเป็นแผ่นยางกันลื่น แต่จริง ๆ แล้วตัว HP Desk Dock ก็หนักเอาเรื่องอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องการจัดวางสักเท่าไหร่
การเชื่อมต่อระหว่างตัว HP Elite X3 และ Desk Dock ได้รับการออกมามาอย่างรอบคอบ โดยตัวแท่นรองรับการเชื่อมต่อจะให้มา 2 ขนาด คือการเชื่อมต่อกับตัวเครื่องในกรณีที่ไม่ใส่เคส และการเชื่อมต่อในแบบที่ใส่เคส ซึ่งฐานรองนั้นจะออกแบบมาเพื่อรองรับและสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดครับ
ต่อกันที่ Lap Dock (Mobile Extender)
สเปคเบื้องต้นของ Lap Dock
อธิบายง่าย ๆ มันคือ Notebook ที่ไม่มีใส้ใน ไม่มีหน่วยประมวลผล CPU, GPU, RAM และฮาร์ดดิกส์ใด ๆ ทั้งสิ้น มีแค่จอแสดงผลเปล่า ๆ พร้อมคียบอร์ด ทัชแพด และพอร์ตเชื่อมต่อมาให้เท่านั้นเอง
หลักการทำงานก็คือใช้การเชื่อมต่อผ่านไวเลสเข้ากับตัว HP Elite X3 เพื่อทำงานในรูปแบบของ Notebook ครับ
ด้ายซ้ายมือ มีพอร์ต Micro HDMI , USB Type-C ปุ่ม Power และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
ฝั่งขวามือ ปุ่มเช็คไฟแจ้งเตือนระดับแบตเตอรี่ พอร์ต USB Type-C (In – Out)
ลำโพง Bang & Olufsen stereo speakers จะอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง และ Lap dock มีแบตเตอรี่ในตัว ขนาด 4-cell (46.5 WHr) 45W ซึ่งทาง HP เคลมว่าใช้งานได้ราว ๆ 8 – 10 ชั่วโมงครับ
ฝาหลัง มาพร้อมกับโลโก้ใหม่ของแบรนด์
เมื่อกางสุดก็จะได้ประมาณนี้ครับ
สรุปแส่งท้าย HP Elite X3 มาพร้อมสเปคที่ค่อนข้างครบเครื่อง แถมมีฟีเจอร์อัดแน่นและครบครันในการใช้งานเชิงธุกิจ แน่นอนว่า Target ของรุ่นนี้ก็เน้นไปที่ตลาดองค์กร จับกลุ่มเป้าหมายผู้บริหาร – นักธุรกิจ แต่ผมเชื่อว่าผู้ใช้งานในกลุ่มคอนซูเมอร์เองก็คงให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยครับ โดยเมื่อเทียบกับ Microsoft Lumia 950 และ Lumia 950 XL แล้ว HP Elite X3 ดูจะมีภาษีที่ดีกว่าพอสมควรเลยครับ
สำหรับ HP Elite X3 เปิดราคามาที่ 29,900 บาท โดยพร้อมวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ และในชุดแพ็กเกจ จะแถม Desk Dock และซิลิโคสเคสมาให้ด้วย อีกทั้งยังมาพร้อมกับประกันแบบ On Site Service นาน 1 ปี (ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติมได้สูงสุด 5 ปี)
ส่วนตัว Lab Dock ยังไม่มีการเผยถึงราคาและช่วงเวลาวางจำหน่ายนะครับ ยังไงถ้ามีความเคลื่อนไหวและอัพเดตทางทีมงานจะรีบมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ HP Thailand ที่เชิญไปร่วมงานครับ
You must be logged in to post a comment.