Nexbit Robin สมาร์ทโฟน Cloud-First สีสวย ดีไซน์งาม และมาพร้อมความอินดี้ !!!

Nextbit- Robin 22

  Nextbit Robin เปิดตัวในบ้านเรามาสักพักใหญ่ ๆ แล้วครับ และได้ Feedback ตอบรับที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว สำหรับแบรนด์น้องใหม่จาก US ที่มาพร้อมกับจุดขายด้านระบบ Cloud ที่ไม่เหมือนใคร แถมยังมีดีไซน์ที่ดูเด่นเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย หลังจากทำพรีวิว Hands ON และ Unboxing แกะกล่อง ให้เพื่อน ๆ ได้รับชมกันไปในเบื้องต้นแล้ว วันนี้มารับชมกันต่อกับ Full Review ของ Nextbit Robin ครับ   

 

ความเดิมตอนที่แล้ว ^^

1. Hands on ลองจับ ลองสัมผัส Nextbit Robin สมาร์ทโฟน Cloud-Fitrs จากงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย !!! https://goo.gl/A0PS2R

2. Unboxing แกะกล่อง Nextbit Robin สมาร์ทโฟนที่มีจุดขายในเรื่อง Cloud-First !!! https://goo.gl/0E1VtB

3. แนะนำจุดเด่นที่น่าสนใจของ Nextbit Robin สมาร์ทโฟนน้องใหม่ ที่มาพร้อมความอินดี้และไม่ได้มีดีแค่ Cloud-First !!! https://goo.gl/ulmpp1

 

 

สเปคเบื้องต้นของ Nextbit Robin

● หน่วยประมวลผล Qualcomm™ Snapdragon 808 Hexa-Core Processor (two 1.8 GHz Cortex-A57 cores and four 1.4 GHz Cortex-A53 cores)
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 418
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB และให้ cloud storage100GB (ไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก Micro SD CARD)
● แรม : 3GB
● จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4
● การเชื่อมต่อ รองรับ 2G, 3G, 4G LTE
● GSM 850/900/1800/1900
● HSPA 850/900/1700/1800/1900/2100
● LTE Bands 1/2/3/4/5/7/8/12/17/19/20/28

● รองรับการใช้งานในระบบ 1 ซิมการ์ด Nano SIM

● การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac , Bluetooth 4.0 LE, NFC, USB Type C, Fingerprint ID sensor
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + แฟลชทูโทน ระบบโฟกัส PDAF
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 88 องศา
● Android™ 6.0 ครอบทับด้วย Nextbit OS
● ขนาดตัวเครื่อง 149 x 72 x 7 mm มิลลิเมตร
● น้ำหนัก 150 กรัม
● แบตเตอรี่ 2680 mAh (Qualcomm™ Quick Charge 2.0)

มี 2 สีให้เลือกใช้งาน ได้แก่สีมินต์ และ สีดำน้ำเงิน

ราคาวางจำหน่าย 12,900 บาท

 

 


Packaging & Accessories

Nextbit- Robin 1

Nextbit- Robin 2

กล่องแพ็กเกจของ Nextbit Robin มีดีไซน์ที่แหวกแนวไปจากสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไปครับ โดยมาในทรงสีเหลี่ยนผืนผ้าแนวยาว และใช้โทนสีฟ้า พร้อมลวดลายก้อนเมฆเพื่อสื่อถึงจุดขายในเรื่อง Cloud นั่นเอง

 

Nextbit- Robin 3

เมื่อแง้มกล่องออกมา จะพบกับตัวเครื่องและสายชาร์จที่ดูโดดเด่นสะดุดตา และด้านในของตัวกล่องจะมีการพิมพ์บอก Quick guide การใช้งานเบื้องต้นของ Nextbit Robin เอาไว้ให้อ่านแทนสมุดคู่มือ

 

Nextbit- Robin 8

เป็นแบรนด์ที่มีอารมณ์ขันนะครับ ดูได้จากซองหุ้มตัวเครื่องที่มีการสกรีนข้อความว่า ” นี่คือลำโพงอีกตัวนะ ไม่ใช่ปุ๋มโฮม ” อ่านแล้วอมยิ้นขึ้นมาทันที ^^

 

Nextbit- Robin 5

Nextbit- Robin 6

Nextbit- Robin 4

อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาจะประกอบไปด้วย

1. สาย USB Type-C

2. เข็มจิ้มเปิดถาดซิม

ตัวสายมีสีสันที่สวยงาม เลือกใช้โทนสีที่เข้ากับสีของตัวเครื่อง และเป็นสายชนิดแบน ทำให้การเก็บรักษาและพกพาไปใช้งานมีความสะดวกคล่องตัวที่ดีมากครับ ส่วนเข็มจิ้มเปิดถาดซิมก็อออกแบบเป็นลายก้อนเมฆ เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์  Cloud ที่เป็นจุดขายของทางแบรนด์

 

Nextbit- Robin 7

ในกล่องก็จะมีเท่านี้ครับ อุปกรณ์พวก อแดปเตอร์ชาร์จ, หูฟัง, เคสหรือฟิลม์จะไม่มีแถมมาให้ ต้องซื้อหาเพิ่มเติมกันเองในภายหลัง แต่ในงาน TME 2016 ที่ผ่านมา ถ้าซื้อในงานจะมีของแถมให้มาอย่างครบถ้วน ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นร้าน power mall จะมีการจัดโปรแถมอุปกรณ์เสริมให้หรือไม่ ยังไงก็ลองเช็คและสอบถามไปยังร้านตัวแทนจำหน่ายกันอีกทีครับ

 

 

Design & Hardweare

Nextbit- Robin 20

Nextbit- Robin 19

Nenxbit Robin เป็นสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมและวงกลมมาเป็นเมนหลักในการออกแบบ เมื่อมองภาพรวมเราจะเห็นตัวบอดี้นั้นมีความเป็นเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน แต่ดูแล้วไม่แข็งกระด้าง เพราะเลือกใช้คุณลักษณะของวงกลมเข้ามาผสมผสนานได้อย่างลงตัว บวกกับการเลือกใช้สีสันในโทนพาสเทล ก็ยิ่งทำให้ Nenxbit Robin มีความโดดเด่นและดูฉีกแนวออกไปไม่ซ้ำใคร แถมยังไปคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที Red Dot design award 2016 มาครองอีกด้วย ตรงนี้การันตีเรื่องดีไซน์ของทางค่ายได้เป็นอย่างดีเลยครับ

สำหรับวัสดุหลักของ Nenxbit Robin จะเป็นโพลีคาร์บอเนต หรือพลาสติกนั่นเอง  แต่เกรดของตัววัสดุถือว่าดีเลยที่เดียวครับ ไม่ดู look cheap และจากที่สัมผัสและใช้งานมาหลายอาทิตย์ ยังไม่เจอสิ่งผิดปรกติแต่อย่างใด สรุปงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงดีครับ  อ้อ! เกือบลืมงานประกอบของ Nenxbit Robin เป็นแบบยูนิบอดี้ ที่ไม่สามารถถอดฝาหลังได้นะครับ

สุดท้าย Handle การจับถือพกพา ด้วยดีไซนืที่เน้นความเป็นเหลี่ยม แน่นอนว่าไม่กระชับรับกับสรีระของฝามือสักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่มาพร้อมกับหน้าจอเพียง 5.2 นิ้ว ซึ่งมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก และตัววัสดุไม่ได้เป็นแบบกลอสซี่ที่มีความเรียบลื่น การจับถือและพกพาในภาพรวม ๆ ไม่ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใดครับ

 

Nextbit- Robin 18

Nextbit Robin เลือกใช้จอแสดงผลชนิด IPS ขนาด 5.2 นิ้ว และให้ความละเอียดมาที่ Full HD  (1080 x 1920 pixels) พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4 ตัวจอแสดงผลมีความคมชัด สว่างสดใส และ respon การตอบสนองก็ถือว่าดีเยี่มเลยครับ

 

Nextbit- Robin 11

Nextbit- Robin 12

ตามที่เกริ่นไปในตอนต้น งานดีไซน์ของ Nextbit Robin จะใช้แนวคิดในเรื่องรูปทรงเรขาคณิตของสีเหลี่ยมและวงกลมมาเป็นเมนหลัก โดยตัวเครื่องจะมีรูปทรงเป็นสีเหลี่ยม การเก็บดีเทลในองค์ประกอบอื่น ๆ จึงนำรูปทรงกลมเข้ามาผสาน เพื่อให้เกิดความซอฟท์และลงตัว

สำหรับเซ็นเซอร์ Proximity sensor และ Light sensor ดูผ่าน ๆ จะดูเหมือนกล้องหน้า แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่นะครับ เพราะกล้องหน้านั้นมีมาให้ 1 ตัวตามปรกติ โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังจัดเต็มความบันเทิงด้วยลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมกับ Dual Smart Amplifier ที่ให้ซุ้มเสียงค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่จะเหมาะกับการฟังในแบบ In door หรือในห้องที่ไม่มีเสียงรบกวนมากนัก เพราะความดังนั้นยังไม่โดดเด่น แต่จะได้ในเรื่องของคุณภาพรวม ๆ มากกว่า

สุดท้าย 3 ปุ่มนำทางของระบบแอนดรอยด์จะเป็นแบบ On Screen Button ที่รวมอยู่ในหน้าจอครับ

 

Nextbit- Robin 9

ด้านหลังเล่นสีทูโทนตัดด้วยสีขาวทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตาดีมาก ๆ เลยครับ ตัวกล้องหลักด้านหลังมาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลชแบบทูโทน, ระบบโฟกัสแบบ PDAF และเทคโนโลยี advanced de-noise พร้อมรองรับการบันทึกวีดีโอขนาดความละเอียด 4K

 

Nextbit- Robin 10

ฟีเจอร์ที่ต้องบอกว่าเป็น Gimmick ก็คือไฟแจ้งเตือนที่อยู่ด้านหลังนี่เอง เจ้าไฟสี่ดวงที่อยู่ด้านล่างของโลโก้ก้อนเมฆ จะกระพริบเมื่อมีการถ่ายโอนข้อมูลไปยัง Cloud ของระบบครับ

 

anigif

คร่าว ๆ ก็ประมาณนี้ครับ แต่การที่ไฟแจ้งเตือนอยู่ด้านหลังเครื่อง เราคงไม่ได้มีโอกาสเห็นบ่อย ๆ สักเท่าไหร่ ^^

 

Nextbit- Robin 17

Nextbit- Robin 13

มาสำรวจกันต่อครับ การจัดวางเลย์เอาท์ของด้านบนจะมี ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และไมค์ตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB Type-C , ไมค์สนทนา และไฟแจ้งเตือน LED Notification

 

Nextbit- Robin 14

ด้านซ้ายมือของตัวเครื่อง ออกแบบปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงด้วยรูปทรงกลม และใช้สีมินต์เช่นเดียวกับตัวเครื่อง ซึ่งดูแล้วสวยงามลงตัวดีมาก ๆ เลยครับ

 

Nextbit- Robin 15

Nextbit- Robin 16

ปุ่ม Power จัดวางตำแหน่งอยู่ทางฝั่งขวามือของตัวเครื่อง โดยมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และเลือกใช้สีมินต์เช่นเดียวกับสีของตัวเครื่อง ถัดลงมือคือช่องถาดใส่ซิมการ์ด

 

Nextbit- Robin 21

รองรับการใช้งาน 1 ซิมการ์ดเท่านั้น และใช้ซิมชนิด Nano SIM สำหรับจุดเด่นของ Nextbit Robin ก็คือรองรับคลื่นความถี่ครอบคลุมเกือบทุกย่านความถี่ที่มีให้บริการ เรียกว่าเอาไปใช้งานได้เกือบทั่วโลกเลยครับ ตรงนี้เป็นจุดแข็งที่หลาย ๆ ค่ายมักจะมองข้ามไป ส่วนใหญ่จะตัดและเลือกการซ่อยรุ่นแบ่งการรองรับคลื่นความถี่ออกไปตามโซนทวีปเสียเป็นส่วนใหญ่

 

สำหรับการ สำรวจทางด้าน Hardware ของ Nextbit Robin ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ

 

 

Software & Featere

SW_Robin 4

SW_Robin 5

Nextbit Robin เปิดตัวมาพร้อมกับ Android เวอร์ชั่น 6.0 ในฝั่งของ UX/UI จะเป็น “Nextbit OS” ที่ทางค่าย Nextbit พัฒนาออกมาเป็นแนวทางของตัวเอง สำหรับภาพรวม ๆ คือจะมีความเป็น pure google ที่เรียบง่าย ไม่เน้นฟีเจอร์และบันเดิลแอพวุ่นวาย อีกทั้งไม่มีหน้า Appdrawer ตามสไตล์ของเทรนด์ในปัจจุบัน

 

SW_Robin 7

ตัว launcher เลือกใช้โทนสีพาสเทลและออกแบบไอคอนหลักด้วยทรงกลม เพื่อให้เกิดความกลมกลืนไปกับดีไซน์ทางด้าน Hardware ภายนอก   

 

Screenshot_20160926-233845-horz

fingerprint scanner รองรับได้สูงสุดที่  5 ลายนิ้วมือ ความเร็วและความแม่นยำในการสแกนทำได้ค่อนข้างดีครับ

 

 

Cloud-First อันเป็นจุดขายหลักของทางแบนด์ หลักการทำงานจะเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

SW_Robin 1

Nextbit Robin จะให้พื้นที่ Cloud แบบไม่มีวันหมดอายุให้แก่ผู้ใช้งานถึง 100GB  เราสามารถเข้าใช้งาน Cloud ผ่านเมนู Smart storage ที่อยู่ใน Setting หรือเมนูการตั้งค่านั่นเอง

จุดเด่นของระบบ Cloud จาก Nextbit  ก็คือความฉลาดของตัว Software ที่จะเรียนรู้พฤติกรรมจากผู้ใช้งาน และจัดสรรรพื้นที่หน่วยความจำของเราให้เหมาะสมในแบบอัตโนมัติ โดยตัวระบบจะทำการสำรองข้อมูล ทั้งแอพและรูปถ่ายขึ้นไปยัง Cloud ให้โดยอัตโนมัติ เมื่อระบบเห็นว่าพื้นที่ในเครื่องนั้นใกล้จะเต็ม โดยจะวิเคราะห์จากพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เช่นบางแอพที่เราไม่ได้ใช้บ่อย ๆ หรือรูปที่เราถ่ายไว้นานแล้ว และไม่เคยเปิดดูเลย ก็จะถูกสำรองข้อมูลไปยัง Cloud แล้วลบข้อมูลเดิมที่อยู่ในเครื่องออกไป เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับรองรับข้อมูลใหม่ ๆ นั่นเอง

 

SW_Robin 2

เราสามารถใช้บัญชี Gmail ของเราในการลงทะเบียนได้เลยครับ และเมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย  สามารถเลือกการปรับตั้งค่าการซิงค์ข้อมูลของเราได้ตามความเหมาะสม เช่นเลือกให้สำรองข้อมูลเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi เท่านั้น  หรือให้สำรองข้อมูลเมื่อมีการเสียบสายชาร์จเป็นต้น

 

SW_Robin 3

การสำรองข้อมูลจะเป็นแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้งานยังไม่สามารถกำหมดหรือจัดการในแบบแมนวนได้เอง ณ ปัจจุบันสำรองข้อมูลได้เฉพาะแอพ และรูปถ่ายเท่านั้นครับ ในส่วนของวีดีโอยังไม่รองรับ แต่คาดวว่าจะมีอัพเดตให้สำรองข้อมูลได้ยืดหยุ่นกว่านี้ในอนาคตครับ

 

SW_Robin 6

การสำรองข้อมูล ในฝั่งของรูปถ่ายจะเป็นการสำรองข้อมูลขึ้นไปให้เรื่อย ๆ ส่วนแอพฯ ตัว Software จะทำการลบเมื่อเห็นว่าพื้นที่ภายในตัวเครื่องของเราใกล้จะเต็มแล้ว โดยเลือกจากแอพที่เราไม่ค่อยได้ใช้งานเป็นลำดับแรก ๆ

เมื่อมีการสำรองและลบข้อมูลออกไปแล้ว ตัวไอคอนจะลายเป็นสีเทา ถ้าเราต้องการ restore กลับมาก็แค่แตะไปที่แอพนั้น ๆ ระบบ cloud ก็จะทำการการดาวน์โหลดแอพกลับมายังตัวเครื่อง ส่วนรูปถ่ายจะเป็นการลบรูปต้นฉบับแล้วสร้างเป็น thumbnail ความละเอียดต่ำ สำหรับการ restore ให้ทำการแตะที่รูปนั้น ๆ แล้วทำการซูม ตัวระบบจะทำการดาวน์โหลดรูปต้นฉบับกลับมายังตัวเครื่องอีกครั้ง

 

nexbt SW

ในกรณีที่เราไม่อยากให้มีการสำรองข้อมูลแอพขึ้นไปยัง cloud ให้เข้าไปที่ปุ่มวงกลมสีม่วงที่อยู่มุมขวาล่างของทุกหน้าโฮมสกรีน ในปุ่มนี้จะมีเมนูให้เลือกใช้งาน 3 หัวข้อหลักดังนี้

1. Archived apps: เป็นรายชื่อแอพต่าง ๆ ที่ถูกสำรองข้อมูลขึ้นไปยัง cloud ของระบบ

2. Pinned apps: เป็นวิธีกำหนดไม่ให้แอพถูกสำรองข้อมูลไปยัง cloud  ซึ่งเราสามารถกำหนดได้ง่ายๆ  ด้วยการแตะที่แอพแล้วลากลงมา เพียงเท่านี้ แอพที่ถูกปักหมุดไว้จะอยู่ในเครื่องตลอดไป ไม่โดนลบและสำรองข้อมูลขึ้นไปยัง cloud 

3. All apps: การเข้าถึงแอพในแบบลิสต์แนวตั้ง โดยแอพทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องจะแสดงรวมไว้ทั้งหมด

 

ข้อจำกัดของ Nextbit Cloud 

การ restore รูปถ่ายกลับมายังเครื่อง จะไม่ได้เก็บไว้ที่ Folder DCIM ตามปรกติครับ โดยเหตุผลเพื่อไม่ให้ไปทับซ้อนกับบริการของ Google Service ทำให้รูปภาพทั้งหมดที่ restore กลับมา จะไปอยู่ใน root ของตัวเครื่องที่เราไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ หากเราต้องการนำภาพกลับมาใช้งานตามปรกติต้องทำการ  restore และแชร์ไปยังบริการอื่น ๆ แล้วดาวน์โหลดกลับมายังเครื่องอีกครั้ง  

หรือไม่ก็รอ WebClient จากทางค่าย Nextbit ที่จะมีให้บริการในเร็ว ๆ นี้ สรุปการ restore  ในฝั่งของรูปภาพมีความลักลั่นและดูวุ่นวายไปสักนิด แต่ทางค่าย Nextbit ก็เตรียมที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ให้ครับ ถ้ามีอัพเดตอย่างไร ผมจะเขียนเป็นบทความให้อ่านกันอีกรอบ 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากที่นี่ https://goo.gl/Uqgi1S

 

 

Performance

SW Robin

SW Robin3

SW Robin2

สเปคโดยรวมของ Nextbit Robin จะเทียบเท่ากับพวกเรือธงของปีที่แล้ว อย่าง Nexus 5X หรือ LG G4 แต่การ optimize Firmware จะทำได้ดีกว่า ตรงนี้มีการทดสอบออกมาเป็นผลคะแนนให้ได้ดูกันไปแล้วตามบทความก่อนหน้านั้นครับ >>> https://goo.gl/QCIyLd

สรุปการใช้งานทั่ว ๆ ไป Nextbit Robin มีความลื่นไหลที่ดีมากครับ ไม่มีอาการกระตุก หรือหน่วงจนหนืดให้เบื่อหน่าย ในด้านการจัดสรรพลังงาน ผมขอเล่าจากการใช้งานจริงไม่อิงตัวเลขนะครับ ด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มา 2680mAh ก็ไม่ถือว่าเยอะเท่าไหร่ การใช้งานทั่ว  ๆ หากเป็นการใช้งานที่ไม่หนักมาก เช่นเล่นโซเชียลบ้าง ถ่ายรูปบ้าง ก็เกือบไม่รอดวันครับ เรียกว่าฉิวเฉียดกันเลยที่เดียว แต่ยังโชคดีที่ Nextbit Robin มีระบบ Quick Charge มาให้ใช้งาน ก็พอช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่งครับ

 

 

Camera & Sample

SW Camera

SW Camera2

SW Camera4

เมนูอินเตอร์เฟซกล้องของ Nextbit Robin มาในแนวเรียบง่าย และดูสะอาดตา

 

SW Camera3

Screenshot_20161004-102146

โหมดการถ่ายจะเน้นไปที่ Auto เป็นหลักครับ ไม่มีพวกซีนโหมดหรือฟิลเตอร์ ๆ ต่าง ๆ มาให้ใช้งาน สำหรับ Manual Mode นั้นปรับตั้งค่าได้เล็กน้อย มีแค่ การโฟกัส, ไวท์บาลานส์, ชดเชยแสง และ iSO ตรงนี้ยังไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควรครับ

 

จากนี้มาดูคุณภาพจากกล้องของ Nextbit Robin กันได้เลยครับ

Robin 12

Robin 18

 

 

เปรียบเทียบการเปิดใช้งาน Mode HDR และ Auto

Robin 13

Auto Mode
Robin 14

HDR Mode

 

Robin 4

Auto Mode

 

Robin 5

HDR Mode

 

 

จากนี้จะเป็นโหมด Auto ทั้งหมดครับ

Robin 2

Robin 3

Robin 7

Robin 15

Robin 16

Robin 17

Robin 8

Robin 1

Robin 10

Robin 11

Robin 19

Robin 20

Robin 21

Robin 22

Robin 23

Robin 24

Robin 9

Robin 25

Robin 26

Robin 6

สำหรับกล้องหน้าจะไม่มีโหมดบิวตี้มาให้ใช้งานนะครับ  ต้องถ่ายหน้าสด ๆ แล้วไปปรับแต่งด้วยแอพกันเองในภายหลังนะฮ่ะ ^^ สรุปคร่าว ๆ ในฝั่งของกล้องนั้นทำผลงานได้ค่อนข้างดีและน่าประทับใจมากครับ แต่ก็ยังไม่สุด ๆ นะ เพราะจากการใช้งานมีโฟกัสวืดวาด หรือหลุดโฟกัสอยู่บ้าง และถ้ามีระบบกันสั่น OIS มาให้ น่าจะสมบูรณ์แบบกว่านี้ครับ

สรุป Nextbit Robin

ข้อดี

1. ดีไซน์และสีสันมีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

2. รองรับคลื่นความถี่ได้เกือบครบทุกย่าน สามารถนำไปใช้งานได้เกือบทั่วโลก

3. ระบบ Cloud-First ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการสำรองข้อมูล และมีความแตกต่างไปจากระบบ Cloud ทั่วไป ๆ

4. กล้องหลังคุณภาพค่อนข้างดี ทำผลงานได้น่าประทับใจ

5. ลำโพงคู่สเตอริโอ คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

6. Firmware ปรับแต่งมาได้ดีทำให้การใช้งานมีความลื่นไหล แถมยังเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถ Unlock Bootloader ได้โดยที่ไม่หมดประกัน

สิ่งที่ต้องพิจารณา

1. ในแพ็กเกจไม่แถมอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้ เช่น อแดปเตอร์ชาร์จ หูฟังและเคส

2. ตัวเครื่องถ้าไม่ใส่เคส จะดูแลรักษายาก โดยเฉพาะสีมิ้นต์ที่ด้านหลังตัดด้วยสีขาว

3. ระบบ Cloud ที่ยังขาดความยืดหยุ่น ทั้งในการใช้งานและปรับตั้งค่า

4. ไฟแจ้งเตือนอยู่ที่ด้านล่างของเครื่อง ทำให้มองเห็นไม่ถนัดสักเท่าไหร่

5. แบตยังไม่อึดเท่าที่ควร

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามรับชมกันนะครับ 

ถูกใจบทความนี้  0