รีวิว Samsung Galaxy J1 (2016) รุ่นเล็กกันบ้าง

Samsung Galaxy J1 (2016) สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กจากแบรนด์ใหญ่ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการอัพเกรดตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเน้นเจาะตลาดกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการสมาร์ทโฟนราคาแพงแต่รองรับการใช้งานพื้นฐานต่างๆ ได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งจากที่ทดสอบใช้งานมาอาทิตย์กว่าๆ ก็พบว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยล่ะครับ

Samsung Galaxy J1 (2016) Specs:
– หน้าจอ Super Amoled 4.5 นิ้ว ความละเอียด 480×800 (207 ppi)
– CPU Quad Core 1.2GHz
– GPU Mali-400MP
– Ram 1GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 8GB
– รองรับ Micro SD Card
– กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ค่ารูรับแสง 2.2, LED Flash, Auto Focus
– กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
– รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุด 720p (HD)
– Wi-Fi 802.11 b/g/n, Wi-Fi Direct, hotspot
– Bluetooth 4.1 A2DP, LE
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม/3G ทุกเครือข่าย
– ขนาดตัวเครื่อง 132.6 x 69.3 x 8.9 mm.
– น้ำหนัก 131 กรัม
– แบตเตอรี่ 2,050mAh
– Android 5.1.1 Lollipop
– ราคา 3,690 บาท

Join PDAMobiz on Telegram

1.หน้าตาตัวเครื่อง

Samsung ยังคงออกแบบสมาร์ทโฟนของตนได้ออกมาหน้าตาเป็นมาตรฐานเดียวกันเช่นเคยไม่เว้นรุ่นเล็กใหญ่กล่าวคือยังคงปุ่มโฮมยาวๆอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ใต้หน้าจอเช่นเคย เพียงแต่ว่าสำหรับรุ่น J1 (2016) นี้ ขอบหน้าจอจะยังคงเป็นสีดำแม้ว่าตัวเครื่องจะเป็นสีขาวก็ตาม และสำหรับวัสดุตัวเครื่องก็แน่นอนว่าเป็นพลาสติก

ด้านหลังตัวเครื่องออกแบบคล้ายกับหลายรุ่นคือยังคงวางลำโพงขนาบกับกล้องถ่ายรูปอยู่

เหนือหน้าจอจะมีกล้องหน้าอยู่ทางขวามือ ซึ่งอันนี้ออกจะแปลกตาหน่อยเพราะส่วนมากกล้องจะอยู่ทางซ้าย

ใต้หน้าจอยังคงมาตามมาตรฐานคือมีปุ่ม Recent Apps, Home, Back

ด้านหลังตัวเครื่องมีกล้องหลังถูกขนาบด้วยลำโพงและไฟแฟลช LED

ด้านบนตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5มม.

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่มลดเสียง

ด้านขวามีปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดหน้าจอ/เครื่อง

ด้านล่างตัวเครืองมีช่องเสียบสายชาร์จ/ซิงค์แบบ Micro USB ขนาบด้วยไมโครโฟน

รุ่นเล็กยังคงเปิดฝาหลังเพื่อแกะแบตเตอรี่เปลี่ยนได้เช่นเคย โดยสำหรับ J1 (2016) นี้มาพร้อมแบตขนาด 2,050mAh

เมื่องัดแบตเตอรี่ออกมาจะพบกับช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro Sim ส่วนช่องใส่ Micro SD Card นั้นอยู่เหนือขึ้นไป

สำหรับหน้าจอ J1 (2016) ถือว่าน่าประทับใจเพราะสีสันสดใสดีจริง และไม่ใช่จอห่วยๆ ที่มองได้เพียงไม่กี่องศา กล่าวคือมององศาไหนก็ชัดแจ๋วอยู่นั่นล่ะ

ลองเทียบขนาดกับ Huawei P9 Plus (5.5 นิ้ว) ดู จะเห็นว่าตัวเครื่องนั้นเล็กกว่ากันพอสมควร ฉะนั้นในเรื่องของการใช้งานมือเดียวนี่ทำได้สบายๆ ไม่ต้องเกร็งมือกันล่ะ

2.User Interface, Benchmark

User Interface ของ Samsung นี่จำง่ายดีครับ เหมือนกันหมดคือถูกครอบมาด้วย Touchwiz ซึ่งเป็น Launcher ที่จะแยกระหว่างหน้า App Drawer กับ Home Screen เอาไว้ และบนตัวเครื่องของ Samsung เองก็จะมีแอพพลิเคชั่นมาตรฐานทั้งหลายที่ทาง Samsung ได้ใส่เอาไว้ครบ เช่น File Manager, Galaxy App, S Planner, Radio ฯลฯ

Notification Bar ก็เช่นกัน ยังใช้งานง่ายเหมือนเดิมกล่าวคือหากลากลงมาก็จะเห็นแถบทางลัดในการเปิดปิด Wi-Fi, Bluetooth, Mobile Data ฯลฯ ถัดลงมาจะมีแถบปรับความสว่างของหน้าจอและล่างลงมาเลยก็จะเป็นการแจ้งเตือนต่างๆ ที่เข้ามาบนตัวเครื่องเรา ทั้งนี้ทางลัดในการเปิดปิดค่าต่างๆ นั้นยังสามารถปรับแก้ไขตามที่เราชอบได้เช่นเคย

สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่อง J1 (2016) ผ่านทางแอพฯ Benchmark ต่างๆ ได้ผลดังนี้
– Antutu: 21569
– Geekbench 4: Single Core 388, Multi Core 1029
– Quadrant Standard: 4886
– Multitouch: 5 จุด

3.กล้องถ่ายรูป

Samsung Galaxy J1 (2016) มาพร้อมกล้องถ่ายรูปหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งจะมีโหมดถ่ายรูปไม่เยอะเท่าไหร่นักประกอบด้วยโหมดดังนี้
กล้องหลัง: Auto, Pro, Panorama, Continuous shot, Beauty Face, Sound & Shot และ Sport
กล้องหน้า: Selfie, Sound & Shot

ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายจะเป็นอย่างไรลองมาดูกันครับ ภาพทุกภาพมิได้ตกแต่งใดๆ เช่นเคย นอกเสียจากใส่ลายน้ำและย่อขนาดภาพเท่านั้น

กล้องหลัง

กล้องหน้า

กล้องหน้าเจอแสงในออฟฟิศตอนเย็นหน่อยเล่นเอาหน้ามืดไปเหมือนกัน ฮ่าๆ แต่ถ้าแสงพอนี่โหมดบิวตี้ก็เนียนตาดีอยู่ไม่เวอร์วังมากไป

สรุป:Samsung Galaxy J1 (2016) เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานพื้นฐานเช่นเล่น Social Network, Line เข้าเว็บบ้าง ฟังเพลงบ้าง มีกล้องถ่ายรูปติดไว้พอถ่ายได้ไม่ได้หวังคุณภาพอะไรของภาพนัก โดยต้องการใช้งานได้ 2 ซิมด้วย แม้ว่าตัวเครื่องจะไม่รองรับ 4G ก็ตาม แต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่ติดขัดและไม่ได้รู้สึกว่าตัวเครื่องประมวลผลช้าแต่อย่างใด ซึ่งใครที่เล็งๆ ไว้เป็นเครื่องสำรองอีกเครื่องก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน กับราคาของตัวเครื่อง 3,690 บาทก็คงต้องลองคิดกันดูว่าตอบโจทย์ของเราหรือไม่