สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จับมือสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ฮ่องกง (Hong Kong Applied Science and Technology Research Institute: ASTRI) ลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน หรือฟินเทค(FinTech) เพื่อสนับสนุนการใช้งานระบบโครงสร้างธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกัน
สุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ร่วมกับสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ฮ่องกง หรือ ASTRI (แอสทรี) ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญสำหรับเอ็ตด้าในการทำงานร่วมกับหน่วยงานในต่างประเทศในโครงการวิจัยและพัฒนาด้านฟินเทค เพื่อต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการทำธุรกรรมทางการเงินของทั้งสองประเทศร่วมกัน
“ที่ผ่านมา รัฐบาลได้เปิดตัวระบบการชำระเงินของประเทศที่เรียกว่า ‘พร้อมเพย์’ (PromptPay) โดยมีเป้าหมายในการโปรโมตการใช้งานระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปในวงกว้างมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งานง่ายและสะดวก ดังนั้น ฟินเทคจึงเป็นหนึ่งในทิศทางที่เราวางแผนที่จะมุ่งไปสู่การทำงานร่วมกันกับแอสทรีในโครงการวิจัยและพัฒนาที่มีจุดมุ่งหมายในการสร้างความสะดวกและความมั่นคงปลอดภัย ทั้งต่อภาคธุรกิจและประชาชนทั่วไปให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น” สุรางคณา กล่าว
ภายใต้การลงนามความร่วมมือดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญจากเอ็ตด้า และแอสทรีจะทำงานร่วมกันในโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวกับฟินเทค ครอบคลุมทั้งด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ไปจนถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานกลาง และการพัฒนาอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนา ความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมถึงการฝึกอบรมและบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างมืออาชีพในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเอ็ตด้าและแอสทรีจะมองหาความเป็นไปได้ในทุกทางที่จะแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลสำคัญในด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ผ่านระบบที่เรียกว่า SecShare ที่ทางแอสทรีได้พัฒนาขึ้น และได้มีการนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางทั้งภาคธนาคารและสถาบันทางการเงินในฮ่องกง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญซึ่งนำไปใช้ป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามไซเบอร์ที่มาในรูปแบบต่างๆ กัน
ดร.แฟรงค์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอสทรี กล่าวว่า “ในขณะที่ฮ่องกงอยู่ระหว่างการเพิ่มศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางด้านการเงินระหว่างประเทศ ประเทศไทยเองก็มีการเติบโตด้านอีคอมเมิร์ซอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงเป็นที่น่ายินดีว่าความร่วมมือกับเอ็ตด้าในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคจากแอสทรี และเอ็ตด้าได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญระหว่างกันในส่วนต่างๆ อาทิ อีเพย์เมนต์ และอื่น ๆ เชื่อมั่นว่าความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งสองจะเอื้อประโยชน์ให้กับการพัฒนาทั้งในประเทศไทยและฮ่องกงอย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ แอสทรีคือสถาบันการวิจัยที่ได้รับการก่อตั้งจากรัฐบาลของเขตการปกครองพิเศษฮ่องกงในปี 2543 ด้วยเป้าหมายในการสร้างเสริมความแข็งแกร่ง พร้อมเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่อุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีของฮ่องกงด้วยการวิจัยแบบประยุกต์ ความสามารถที่เป็นแกนหลักของแอสทรีในด้านการวิจัยและพัฒนาครอบคลุมในหลายด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การออกแบบวงจรรวม (IC) ทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัล ออปโตอิเล็กทรอนิกส์ ซิเคียวริตีและวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) ระบบและซอฟต์แวร์อัจฉริยะ นอกจากนี้ แอสทรียังดำเนินการวิจัยและพัฒนาแอปพลิเคชันใน 5 ส่วนหลัก ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีด้านการเงิน การผลิตแบบอัจฉริยะ ระบบเครือข่ายยุคหน้า ไปจนถึงสมาร์ตซิตี เป็นต้น
You must be logged in to post a comment.