เปรียบเทียบ Share Plan AIS, dtac, truemove H ค่ายไหนน่าสนใจที่สุด

เชื่อเหลือเกินว่าทุกวันนี้ในครอบครัวเรามีโทรศัพท์ใช้งานกันทุกคน บางบ้านก็คนละ 2 เบอร์ รวมๆ กันแล้วก็มีอย่างต่ำสัก 4-5 เบอร์ล่ะ และโปรโมชั่นเดี๋ยวนี้ก็มีการพัฒนาออกแบบมาใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งานในแบบครอบครัว ที่ใช้งานกันหลายคน แต่จ่ายแค่คนเดียว ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก มีทุกค่าย แต่ทว่าค่ายไหนจะคุ้มที่สุดล่ะ? วันนี้จะพามาเกาะ Share Plan แต่ละค่าย และแกะดูสิว่า ค่ายไหนจะคุ้มและเหมาะกับเรามากที่สุด มาดูกันครับ

Join PDAMobiz on Telegram

อย่างที่เกริ่นล่ะ อย่างน้อยครอบครัวนึงก็ต้องมี 2 คน ก็อาจจะมีสัก 3-4 เบอร์ ถ้าแยกจ่าย โปรปัจจุบัน เลือกแบบให้ใช้งานพอเพียง อย่างน้อยเชื่อว่าก็ต้องมี 400-500 บาทขึ้นไป บางทีก็ใช้งานคุ้มบ้างไม่คุ้มบ้าง ถ้าเปลี่ยนมาใช้ Share Plan ล่ะก็ ค่ายไหนจะดีที่สุดล่ะ ก็มีให้เลือกค่ายหลักๆ 3 ค่าย ก็คือ AIS, dtac และ truemove H แค่นั้นเอง ค่ายอื่นๆ ยังไม่มีนะ ดังนั้นเรามาดูกันครับว่า ค่ายไหนมีโปรโมชั่น Share Plan อะไรน่าใช้งานกันมั่ง

Share Plan มีประโยชน์ยังไง

ก่อนที่จะเข้าไปในเรื่องของโปรโมชั่นค่ายต่างๆ มาดูประโยชน์กันหน่อยดีกว่านะครับ ถึงแม้ว่าเราจะใช้งานคนเดียว Share Plan ก็ยังมีประโยชน์ เนื่องจากปัจจุบันนี้อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น Car WiFi ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในบ้านเราไม่นาน หรือไม่ก็ Pocket WiFi ที่ใช้กระจายสัญญาณ ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อีกเพียบในอนาคต เช่นอุปกรณ์ IoT ที่จะเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรา เรารู้จัก Smart Home กันบ้างไหมครับ การสั่งงานให้บ้านฉลาดขึ้น อุปกรณ์ต่างๆ ที่เราสั่งงานไป ก็อาจจะใส่ซิมได้ สั่งเปิด ปิดไฟ ปิดทีวี ล็อคประตู อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้น ล้วนแต่ต้องการเชื่อมต่อกับเครือข่ายทั้งนั้น หรืออีกตัวอย่างนึงคือ เด็กๆ ที่ต้องมีอุปกรณ์ติดตามตัว ก็ต้องการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตทั้งนั้น ดังนั้น การที่เราจะมีเบอร์หรือซิมที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้หลายๆ เบอร์ในยุคนี้และยุคถัดๆ ไป ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป อาจจะดูเหมือนจะไกลตัว แต่เชื่อผมเถอะ ใกล้กว่าที่เราคิดเยอะมาก รวมถึง Share Plan ยังช่วยให้การใช้งานเป็นครอบครัวสะดวก และเรื่องค่าใช้จ่ายควบคุมได้ และคุ้มค่าแน่นอน

มาดูเรื่องโปรโมชั่นกันบ้าง

ขอเริ่มด้วยค่าย AIS 4G Share

AIS เริ่มต้นด้วยแพ็กเกจ 888 บาท และแพงที่สุด 1,888 บาท โดยหลักๆ แล้ว ข้อดีก็คือ ใช้งานได้สูงสุด 5 เบอร์ และสามารถใช้งานได้ทั้งเบอร์ในระบบรายเดือนและระบบเติมเงิน อีกอย่างนึงคือ มี eservice ที่สามารถดูรายละเอียดการใช้งานได้ตามแต่ละเบอร์ ้และยังสามารถโทรในกลุ่มเดียวกันฟรีด้วยนะ แต่ได้ครั้งละ 1 ชั่วโมง เท่านั้น และยังมีการแยกการใช้งาน 4G และ 3G ออกจากกัน สุดท้ายก็คือเอินเตอร์เน็ตหมดต้องซื้อเพิ่ม

ส่วนค่ายถัดมา dtac Share Package

dtac เอง มีการจำกัดจำนวนเบอร์ แล้วแต่แพ็กเกจให้เลือก เริ่มต้น 1,099 บาท ไปจนถึง 2,499 บาท โดยเริ่มต้นสามารถใช้งานได้ 2 เบอร์ในกลุ่ม และสูงสุด 4 เบอร์ ซึ่งหากเปิดพร้อมเบอร์สวยแต่ละแพ็กเกจได้ส่วนลด โทรในกลุ่มแบบไม่จำกัดด้วย

ค่ายสุดท้าย truemove H 4G+ Family Share Plan

โดยมีให้เลือกเริ่มต้นที่ 888 บาท ไปจนถึง 2,499 บาท ข้อดีก็คงเป็นเรื่องของเบอร์ ที่เริ่มต้นให้ใช้งานในกลุ่มได้ 5 เบอร์ แต่สูงสุดถึง 9 เบอร์เลยทีเดียว ต้องบอกว่าเหมาะกับครอบครัวจริงๆ รวมถึงอุปกรณ์ IoT เยอะๆ นี่ก็เหมาะเลย และโทรหากันฟรีในกลุ่มอีกด้วย

คราวนี้ก็มาดูกันล่ะครับว่าค่ายไหนจะคุ้มกว่ากัน

ก่อนอื่นอย่างที่เห็นตามตารางครับว่า ใครอยากใช้งานเรื่อง Cloud ที่ได้มากสุดๆ ก็เลือก truemove H ได้เลย เก็บภาพไม่จำกัด ผ่านแอพ true id คล้ายกับ AIS และ dtac ที่อาจจะมีบริการอย่าง AIS Play, AIS Safe & Care หรือ Prime Time รวมถึง Xtra Reward อยากได้ส่วนไหนก็จัดไปครับ ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เน้นถ่ายรูปและวีดีโอเป็นหลัก ดังนั้นการเก็บรูปถ่ายหรือวีดีโอเป็นเรื่องสำคัญนะ แต่มีส่วนอื่นๆ ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการเก็บรูปและวีดีโอ และมีผลกับคนใช้งานส่วนใหญ่กัน นั่นก็คือ ค่าใช้จ่าย จำนวนนาทีที่โทรได้ และปริมาณการใช้งานอินเเตอร์เน็ต

สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน เริ่มต้นที่ 5 เบอร์ ที่ราคา 899 บาท มีแค่ค่าย AIS และ truemove H ซึ่ง จำนวนพอๆ กันหากต้องการใช้งาน Cloud หรือ AIS Play หรือว่า Safe&Care ก็คงต้องเลือกที่ AIS แต่อย่าลืมว่ามีแอพเยอะ ก็กินเน็ตเยอะ และหากหมดต้องซื้อเพิ่มนะ แต่ถ้ามีเน้นใช้โทรอยู่ล่ะก็ truemove H ให้มากกว่า 100 นาที สำหรับคนที่โทรเยอะๆ เลือก truemove H คุ้มกว่า และเน็ตก็ไม่คิดตังค์เพิ่มด้วย หากคิดเฉลี่ยต่อเบอร์ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 180 บาท ซึ่ง AIS กับ treumove H จ่ายพอๆ กัน

สำหรับผู้ใช้งานระดับกลาง มีผู้ใช้งาน 5-7 เบอร์ ที่ราคา 1,299 บาท ค่าย dtac ยังให้จำนวนเบอร์ที่ใช้แค่ 2 เบอร์เท่านั้น ยังไม่เหมาะกับการใช้งานกับอุปกรณ์หลายๆ ชิ้น รวมถึงเป็นลักษณะครอบครัว ซึ่งทาง AIS เองก็ได้ 5 เบอร์ตั้งแต่ต้น แต่ truemove H ชัดเจน ใช้งานได้ถึง 7 เบอร์เลยทีเดียว เรียกว่าครอบคลุมทั้งการใช้งานส่วนตัวและครอบครัว เรื่องการโทร ที่ปัจจุบันยังมีคนส่วนใหญ่ ใช้งานโทรผ่านการโทรปกติ จำนวนนาทีก็ให้มากกว่า AIS ถึง 250 นาที ส่วนเรื่องอินเตอร์เน็ตนั้น AIS 50GB ให้มากกว่า truemove H ซึ่งให้อยู่ที่ 22GB ซึ่งการใช้งานโดยทั่วๆ ไปแล้วเพียงพอ อาจจะเรียกว่าเหลือใช้เสียด้วยซ้ำสำหรับบางครบครัว หรือถ้าไม่พอ ก็ยังใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มในความเร็ว 384Kbps สุดท้ายลองคิดเฉลี่ยด้านเงินที่เสียไปด้วยแล้ว หากเราใช้งาน 7 เบอร์เต็มๆ truemove H คิดแล้วเหลือเบอร์ละประมาณ 214 บาทเท่านั้นเอง

สำหรับผู้ใช้งานในระดับสูง 5-9 เบอร์ ที่ราคา 1,899 บาท dtac เอง ยังอยู่ที่ 3 เบอร์เท่านั้น ก็อาจจะเพียงพอสำหรับบางครบครัวบางการใช้งานนะ ส่วน AIS ก็ได้ใช้งานกัน 5 เบอร์สูงสุดอยู่แล้ว ให้การโทรน้อยกว่า truemove H ถึง 500 นาที และ truemove H ใช้งานได้ถึง 9 เบอร์เลยทีเดียว เรื่องเน็ต AIS ให้มากมาย 75GB เหลือๆ ส่วน truemove H ให้ที่ 32GB พอใช้งานอยู่แล้ว ไม่พอก็ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มยังใช้งานได้ต่อไปที่ 384 Kbps คิดเฉลี่ยแล้ว truemove H จ่ายถูกสุด เหลือจ่ายเบอร์ละประมาณ 211 บาทเท่านั้น

กลุ่มผู้ใช้งานระดับพิเศษสุด คนกลุ่มนี้ ถ้าไม่ใช่ครอบครัวใหญ่หน่อย ก็ต้องเป็นกลุ่มที่มีอุปกรณ์ IoT ใหม่ๆ เยอะพอสมควร คงเลือกแพ็ค 2,499 บาทซึ่งจะมีแค่ dtac และ truemove H เท่านั้น ถึงแม้ว่า dtac เองจะให้อินเตอร์เน็ตเยอะกว่า คืออัดมาเต็ม 100GB ก็จริง แต่ใช้งานคงไม่หมดแน่ๆ ส่วน truemove H เห็นๆ ว่าจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเฉลี่ยต่อเบอร์ประมาณ 278 บาทเท่านั้น เรียกว่าคุ้มๆ สุดๆ ได้โทรเยอะ อินเตอร์เน็ตใช้แบบสบายใจ จ่ายเงินไม่ถึง 300 บาท หาได้ยากแล้วใน ขณะนี้

สรุปทิ้งท้ายกันสักนิด

AIS มีให้เลือก 3 แพ็กเกจ โทรหากันในกลุ่มมีข้อจำกัดเรื่องของจำนวนชั่วโมง คือโทรได้ครั้งละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น เน้นเรื่องการใช้งาน internet และแอพพลิเคชั่น ถ้าอินเตอร์เน็ตหมดต้องซื้อเพิ่มเท่านั้น ใช้งานต่อไม่ได้

dtac เน้นทั้งโทรและอินเตอร์เน็ต แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องของจำนวนเบอร์ที่ใช้งานที่ไม่ยืดหยุ่นนัก

truemove H เป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นที่สุด เหมาะสำหรับการใช้งานจำนวนอุปกรณ์มากๆ หรือจำนวนผู้ใช้งานเป็นครบครัวตามชื่อ 4G+ Family Share Plan จริงๆ ทั้งโทรมากสูงสุด 2,500 นาที โทรหากันในกลุ่มก็ฟรี ไม่มีจำนวนชั่วโมงการโทร โทรได้ฟรีตลอดเวลา อินเตอร์เน็ตอาจจะดูให้มาน้อยแต่บอกเลยว่าที่ให้มาก็ใช้งานไม่หมดแน่ๆ ถึงหมดแพ็กเกจที่ให้ ก็ยังใช้อินเตอร์เน็ตได้ที่ 384 Kbps โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม อีกทั้งใช้งานได้สูงสุดถึง 9 เบอร์เลยทีเดียว ถ้าต้องใช้งานแพ็กเกจแบบไม่เสียตังค์เพิ่มและทั้ง 9 เบอร์สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบไม่จำกัดได้ด้วยล่ะก็ รวมๆ กันจ่ายแพงกว่าที่เห็นแน่นอน ยังไม่รวมเรื่อง Cloud ที่ให้พื้นที่แบ็คอัพข้อมูลแบบไม่อั้นอีกต่างหาก เรียกว่าครบทุกการใช้งานจริงๆ

ซึ่งแต่ละค่ายก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างเช่น โทรฟรีในกลุ่มก็จริง แต่จำกัดชั่วโมงการโทร อินเตอร์เน็ตหมดจากปริมาณที่ได้รับต้องซื้อเพิ่ม เฉลี่ยต่อเบอร์อาจจะจ่ายแล้วไม่คุ้มนะครับ แล้วเพื่อนๆ คิดว่า Share Plan ค่ายไหนเหมาะกับการใช้งานของตัวเองและครอบครัวล่ะครับ?

บทความนี้เป็นบทความ Advertorial