ฝั่ง Cool Master ดูเหมือนจะรุกตลาดหูฟังเหมือนกันนะ ล่าสุดก็ส่ง MasterPulse ที่เป็นรุ่นต่อยอดของ Resonar ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Bass FX สามารถปรับเบสได้ง่ายๆ ได้เสียงที่ทุ้มนุ่มลึกตามที่ต้องการ จะฟังเพลง จะเล่นเกมส์ก็ไม่เกี่ยง ได้ทุกอิริยาบท ทุกการใช้งาน เป็น in-ear อีกรุ่นที่น่าสนใจ วันนี้จับมารีวิว และแนะนำให้ชมกันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ชอบเสียงดนตรี
Cool Master แบรนด์นี้ ท่านได้แต่ใดมา ฝั่ง PC Gamer คงรู้จักกันดี มีอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย รวมถึงหูฟังในแบบ in-ear MasterPulse รุ่นนี้ด้วย ที่เพิ่งออกมาล่าสุดไม่นานนัก ด้วยราคาค่าตัวที่ 1,690 บาท จุดเด่นเลยสำหรับ MasterPulse คือเทคโนโลยี Bass FX หรือการปรับเสียงทุ้มได้ในทันทีที่ต้องการ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ หรือดูหนังประเภทต่างๆ ต้องการเบสมากน้อยแค่ไหน ก็จัดไปง่ายๆ ไม่ต้องปรับในมือถือ แต่เราสามารถหมุนหูฟังเพื่อปิดหรือเปิดการใช้งานเบสได้เลย
สเปคเบื้องต้น
ดูจากสเปคโดยรวมๆ แล้วก็ไม่ธรรมดานะ แต่ตัวเลขก็อาจจะไม่ใช่ข้อสรุปทั้งหมดในการเลือกหูฟัง
ตัวกล่องออกแบบมาเป็นสีดำ MasterPulse เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่มาในนามของ Cooler Master หันมาทำหูฟังมัลติมีเดีย และเล่นเกมส์ไปในตัว ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใครอย่าง Base FX
ตัวกล่องมีลักษณะคล้ายกับ Resonar เดิม และมีกระเป๋าสำหรับใส่หูฟังติดตัวมาด้วย ส่วนด้านข้างในกล่องจะมีรายละเอียดเป็นรูปของคลื่น อธิบายความต่าง ระหว่างการใช้งาน Bass FX On และ Base FX Off ซึ่งจริงๆ แล้ว เราไม่รู้หรอก ต้องลองฟัง ถึงจะรู้ว่าแตกต่างยงไง
ในกระเป๋ามีอุปกรณ์ให้ก็คือ ear tips อีก 2 ขนาด ซึ่งแนะนำให้ใส่ให้ถูกกับขนาดรูหูของเรา ไม่อย่างนั้นจะฟังเสียงได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
MasterPulse บรรจุอยู่ในกล่องอย่างดี โดยโครงสร้างแล้ว MasterPulse ทำมาจากอลูมิเนียมเกรดดี ซึ่งมีทั้งเรื่องความคงทน และความเบา รวมถึงสวยงามอีกด้วย
แจ็คสำหรับเสียบเป็นลักษณะสีทอง ส่วนแบรนด์ Cooler Master ก็แปะเอาไว้ชัดเจนมาก
ส่วนของรีโมท อยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งใช้รับสาย หรือควบคุมการเล่นเพลงได้ จะหยุดหรือเล่นต่อก็แค่กด 1 ครั้ง หากต้องการเดินหน้าหรือเลื่อนไปฟังเพลงถัดไป ให้กด 2 ครั้งค้างไว้ ถ้ากลับไปฟังเพลงก่อนหน้าให้กด 3 ครั้ง ค้างเอาไว้
ส่วนเรื่องการออกแบบนั้น ยังคงคล้ายกับ Resonar ทั้งรูปร่างและหน้าตา ขนาดและน้ำหนัก ก็แทบจะไม่ต่างกันเลย หรือใครเพิ่งมาเจอแบรนด์นี้เป็นครั้งแรก รูปทรงการออกแบบก็ดูสวย แต่ดุหน่อย
ด้านซ้ายเป็นสีฟ้า ส่วนด้านขาวเป็นสีแดง แยกสีเอาไว้ชัดเจน
การออกแบบการใช้งาน Bass FX ในการปรับแต่าง ก็แค่หมุนไปทางด้านซ้ายหรือทางด้านขวามือ การออกแบบเป็นลักษณะคล้ายเฟือง มีซี่สลับกันรอบหูฟัง เวลาใช้นิ้วสัมผัสจะหมุนได้ไม่ยากนัก และต้องบอกว่าเป็นการปรับแบบ hardware ไม่ต้องไปอาศัยการปรับแต่งจากแอพหรือโปรแกรมใดๆ บน Smartphone อีกต่างหาก
ภายในมีค่าความต้านทาง 20 โอห์ม และ output 20 mW จากลำโพงขนาด 8 มม. ซึ่งสเปคบอกอะไรเอาไว้ ผมว่าอาจจะดูได้ระดับนึง แต่ว่าถ้าจะให้บอกว่าดีหรือไม่ อันนี้ต้องลองฟังอย่างเดียวล่ะครับ
น้ำหนักเบา ใช้งานได้นานแน่ๆ ล่ะครับ เชื่อขนมกินเลยว่าต้องเเบื่อและเปลี่ยนก่อนแน่ๆ
ตัว ear tips นุ่มใช้ได้ ไม่เจ็บหู
อีกด้านนึง
สายเป็นลักษณะแบน ไม่ใช่สายกลม ทำให้การพับเก็บง่าย สะดวก ไม่พันกันยุ่ง รวมถึงไม่ขาดง่ายด้วย
สายความยาม 1.3 เมตร เพียงพอกับทุกการใช้งาน
ลองเอามาเปรียบเทียบกับ Resonar รุ่นเดิมซะหน่อย
ด้านซ้ายกันบ้าง ตัว MasterPulse จะมีขีดสีตามหู เช่นด้านซ้าย เป็ฯสีฟ้า ตรงปุ่มปรับ Bass FX ซึ่ง Resonar เป็นสีเขียวอ่อนๆ ทั้งสองข้าง
รีโมท ก็ใกล้เคียงกัน แค่ความเงาต่างกัน สะท้อนแสง กับแบบด้านของ MasterPulse
ส่วนของแจ็คก็เป็นเพลทสีทองเหมืนอกัน แต่แบรนด์ อันนี้ชัดเจน เปลี่ยนเป็น Cooler Master แล้ว
ลองใช้งานดูกันดีกว่า เวลาใส่กับรูหู ยังเน้นย้ำว่า ให้เปลี่ยน ear tips ให้เหมาะกับขนาดรูหูของเรานะครับ เพราะ in-ear หากไม่แนบชิด หรือไม่เข้าไปด้านใน พลังเสียงก็จะหายไปในทันที
ใส่ใช้งานหลายวันแล้ว ก็ฟังสบาย จะปรับเบสเพื่อให้เหมาะกับเพลงที่ฟัง ก็ได้เลย หรือจะลดเบสลง ฟังเพลงชิลๆ ก็ได้ รวมถึงจะไปเล่นเกมส์ก็ยังไหว
สรุปกันสักหน่อย
ต้องออกตัวเลยว่าไม่ได้เป็นคนหูทอง ฟังไม่ได้ออกมามายขนาดนั้น แต่เอาเรื่องดีไซน์ก่อนละกันครับ เรื่องดีไซน์ เนื่องจากผมเคยใช้ Resonar มาแล้ว จึงรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก แต่อย่างว่าของใหม่ก็ดีกว่ารุ่นเดิมอย่างแน่นอน ดีไซน์ภายนอกต่างกันไม่มากนัก การใช้งาน Bass FX เหมือนที่เคยเม้นท์ไปเมื่อคราวก่อน จริงๆ เป็นเทคโนโลยีที่ดี แต่การปรับโดยการหมุนที่ตัวหูฟังนั้น มือใหม่จะรู้สึกยาก และอาจจะไม่มั่นใจว่า ปรับไปทางด้านไหนเพื่อเร่งหรือลดเสียง Bass ซึ่งอันนี้บอกเลยว่าต้องอาศัยความคุ้นเคย เพราะปกติหูฟังทั่วๆ ไป ไม่สามารถปรับอะไรแบบนี้ได้ แต่การดีไซน์โดยการหมุนลักษณะนี้ อาจจะเป็น analog ที่ดี แต่อนาคตอาจจะเป็นลักษณะของ digital ที่อาจจะใช้การกดคล้ายรีโมท หนึ่งครั้ง สองครั้ง หรือสามครั้ง เพื่อใส่คำสั่งไล่ระดับ Bass FX หรือเปิดปิด Bass FX ได้ แต่ถามว่าสะดวกกว่าการไปเปิด Bass หรือปรับ effect บนหน้าจอ Smartphone ไหม คำตอบก็คือใช่ สะดวกกว่า ปรับแป๊ปเดียว เสียงในหูฟังก็เข้าสู่โหมดที่เราต้องการได้ทันที
พลังเสียงสำหรับ MasterPulse มีความเป็นเบสมากขึ้นกว่า Resonar จนบางจังหวะก็อาจจะกลบเสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ ไปเหมือนกัน ก็ต้องปรับกันไป และอีกส่วนนึงก็คือแนวเพลงที่ฟัง ส่วนใหญ่ผมจะฟังอารมณ์ประมาณ Linking Park อยู่เป็นประจำ หรือไม่ก็พวกร็อคเก่าๆ หน่อย ก็ตอบโจทย์นะ บางเพลงก็ไม่ได้เน้นเบสมาก ก็ปรับ Bass FX Off ซะ ฟังสบายๆ ใส่เล่นเกมส์หรือดูหนังก็ใช้ได้อยู่ ด้วยราคาค่าตัวที่ 1,690 บาท ก็ต้องบอกเลยว่า เหมาะกับทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่แค่รูปร่างอาจจะไม่ได้โดนใจทุกคน แต่ก่อนซื้อยังไงก็แนะนำว่า ลองฟังก่อน โดยเฉพาะเพลงที่ชื่นชอบ หรือเพลงที่ฟังประจำๆ จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ นะครับ
ขอบคุณ Cooler Master ที่ให้ยืมอุปกรณ์ทดสอบ
ถูกใจบทความนี้ 4
You must be logged in to post a comment.