Wiko U FEEL PRIME เป็นรุ่น Top สุดจากทางค่าย Wiko ที่มาพร้อมกับความครบเครื่องในราคาจับต้องได้ ซึ่งตลาดสมาร์ทโฟนในกลุ่ม Mid-range นั้น U FEEL PRIME กำลังมาแรงและได้รับความสนใจอย่างท้วมท้น ซึ่งทีเด็ดของ U FEEL PRIME ไม่ได้อยู่ตรงเรื่องสเปคสักเท่าไหร่ แต่ไฮไลน์หลักคือดีไซน์และงานประกอบ รวมไปถึงคุณภาพกล้อง และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่พกฟีเจอร์เทพ ๆ มาด้วยนั้นเอง ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5 นิ้วราคาไม่แรง และได้ฟังก์ชั่นในแบบครบครัน ไม่ควรมองข้าม U FEEL PRIME นะครับ
สเปคเบื้องต้นของ Wiko U FEEL PRIME
● หน่วยประมวลผล Qualcomm® Snapdragon™ 430 MSM8937 Octa-Core 1.4 GHz, Cortex-A53
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 505
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB รองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD CARD 64GB
● แรม : 4GB
● จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels กระจก 2.5D, Full Lamination, CABC Technology
● การเชื่อมต่อ 4G LTE 800/1800/2100/2600 MHz
● H+/3G+/3G WCDMA 850/900/1900/2100 MHz
● GSM/GPRS/EDGE 850/900/1800/1900 MHz
● รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด
● การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ , Bluetooth 4.1
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + แฟลช ,
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + Selfie Flash
● ระบบปฏิบัติการ Android™ 6.0
● ขนาดตัวเครื่อง 142.5*69.9*8.7 มิลลิเมตร
● น้ำหนัก 150 กรัม
● แบตเตอรี่ 3000mAh
มีสีให้เลือก 3 สี Silver, Anthracite, Gold
ราคาวางจำหน่าย 7,990 บาท
Packaging & Accessories
กล่องของ Wiko U FEEL PRIME ยังคงใช้รูปลักษณ์และโทนสีอันเป็นเอกลักษณ์ของทางค่าย โดยด้านหลังกล่องมีการพิมพ์บอกสเปคเบื่องต้นและสีที่มีวางจำหน่าย
แง้มกล่องออกมาดูกันครับ ว่ามีอะไรให้มาบ้าง
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของ Wiko U FEEL PRIME จะประกอบไปด้วย
1. อแดปเตอร์แปลงขนาดซิม
2. เคสซิลิโคนชนิดใส + ฟิลม์กันรอยตรงรุ่น
3. เข็มจิ้มเปิดถาดซิม ตรงนี้ออกแบบเป็นพวงกุญแจในตัว ซึ่งช่วยป้องกันการตกหล่นสูญหายได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ
4. อแดปเตอร์ชาร์จไฟชนิดขากลม ให้ Output มาที่ 1A และสาย Micro USB สำหรับซิงค์ข้อมูลและชาร์จไฟ
5. ชุดหูฟังสมอลทอร์คแบบ “อินเอียร์” และมีจุกยางสำรองมาให้ใช้งานอีก 2 ขนาด
Design & Hardware
U FEEL PRIME เป็นรุ่น Top สุดของทางค่าย Wiko ที่มาพร้อมวัสดุพรีเมี่ยมและงานประกอบแข็งแรงแน่นหนามาก ๆ โดยดีไซน์นั้นจะเป็นแบบ Full metal unibody ผสานด้วยกระจกโค้ง 2.5D ของหน้าจอ และเน้นความโค้งมนจากมุมและขอบข้างของตัวเครื่อง การตัดขอบจะไม่ได้เป็นแบบไดม่อนคัท แต่เลือกใช้เส้นคาดจากวัสดุโลหะแวววาว ให้อารมณ์หรูหราพรีเมี่ยมและสัมผัสที่นุ่มนวล ส่วนด้านหลังจัดวางเลย์เอาท์ได้ดูลงตัวสวยงาม โดยมีความโดดเด่นจากเส้นคาดเสารับสัญญาณจากมุมบน-ล่างนั่นเอง
และตามที่เกริ่นไปในตอนต้น วัสดุและงานประกอบของ U FEEL PRIME นั้นดีมาก ๆ คือดีที่สุดของทางค่ายครับ และเมื่อเทียบกับคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน U FEEL PRIME ก็ไม่ด้อยกว่าอย่างแน่นอน
สุดท้าย Handle การจับถือพกพา ด้วยดีไซน์โค้งมนให้ความกระชับรับกับสรีระของฝ่ามือ และมีขนาดหน้าจอเพียง 5 นิ้ว ทำให้การจับถือพกและใช้งานค่อนข้างสะดวกดีมากครับ โดยส่วนตัวผมให้สอบผ่านทั้งดีไซน์ วัสดุ และ Handle
U FEEL PRIME มาพร้อมจอแสดงผล IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels กระจกโค้ง 2.5D, พร้อมเทคโนโลยี Full Lamination และ CABC Technology ที่นอกจากจะทำให้สีสัน คอนทราสต์ ความคมชัดดีขึ้นกว่าเดิม ยังช่วยลดแสงสะท้อนของจอได้ดีขึ้นอีกด้วย
สำหรับคุณภาพจอแสดงผลของ U FEEL PRIME อยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ ให้สีสันมุมมองที่กว้างและคมชัด แต่จะไม่เด่นเรื่องความสว่างมากนัก และดูเหมือนในด้านฟีเจอร์การปรับความสว่างนั้นยังมีปัญหาอยู่บ้างคงต้องรอการปรับปรุง Firmware ในอนาคตครับ
การจัดวางเลย์เอาท์ด้านหน้าของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย ไฟแฟลช, ลำโพงสนทนา, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, ชุดเซ็นเซอร์ Proximity sensor และ Light sensor สุดท้ายคือไฟแจ้งเตือน LED Notification
ด้านล่างของส่วนหน้า สามปุ่มนำทางจะเป็นแบบ On Screen Button และถัดลงมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำหน้าที่สารพัดประโยชน์แถมพกฟีเจอร์มาแบบอัดแน่นไม่เหมือนใคร
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีเพียงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.เท่านั้น
สำหรับด้านล่างด้าน เป็นลำโพงมีเดียหรือลำโพงหลักของตัวเครื่อง ที่เห็นเป็นช่องสองฝั่งนั้นไม่ใช่ลำโพงแบบสเตอริโอนะครับ แต่เป็นการออกแบบเพื่อให้ดูกลมกลืน โดยฝั่งซ้ายจะเป็นไมค์สนทนา ทางฝั่งขวาจะเป็นลำโพงหลัก ส่วนพอร์ตการเชื่อมต่อยังคงเป็น Micro USB ตามมาตรฐานเดิม
ฝาหลังจะมี Texture จาง ๆ คล้ายลายบรัชของขนแปลง และตัวขอบด้านบนล่างจะเล่นโทนสีที่มีความเข้มขึ้นมาจากตัวฝาหลังเล็กน้อย ในภาพรวม ๆ ดูสวยลงตัวดีมาก ๆ เลยครับ
กล้องหลักด้านหลังมาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + ไฟแฟลชคู่ ส่วนไมค์บันทึกเสียงรวมถึงเป็นไมค์ที่ใช้ในการตัดเสียงรบกวนจะอยู่ทางด้านข้างของตัวเลนส์กล้อง
ด้านข้างทางฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วย ปุ่ม-เพิ่มลดระดับเสียง และปุ่ม Power ซึ่งใช้วัสดุและสีในโทนเดียวกับตัวเครื่องครับ และความแข็งแรงแน่นหนาของตัวปุ่มก็ทำออกมาได้ดีมาก ไม่มีอาการโยกหรือหลวมคลอนในเวลาที่ใช้งานแต่อย่างใด
ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิมและหน่วยความจำภายนอก MicroSD Card
ตัวถาดซิมมาในรูปแบบ Hybrid slot ที่ต้องใช้งานร่วมกับตัวหน่วยความจำภายนอกนั่นเอง สำหรับชนิดของซิมจะเป็นแบบ nano sim ทั้งซิม 1-2 ส่วนตัวหน่วยความจำภายนอกนั้นรองรับได้สูงสุดที่ 64GB
สำหรับการสำรวจทางด้าน Hardware ภายนอกของ Wiko U FEEL PRIME ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้
Software & Features
Wiko U FEEL PRIME เปิดตัวมาพร้อมกับ Android 6.0 (Marshmallow) ตั้งแต่โรงงาน สำหรับพื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานจริงราว ๆ 22.GB
ในส่วนของ Interface จะเป็น Wiko UI ที่คนใช้งานสมาร์ทโฟนค่ายนี้น่าจะคุ้นเคยกับรูปแบบไอคอนกลมสีสด ๆ และไม่มีหน้า App Drawer ตามเทรนด์ที่หลาย ๆ ค่ายโดยเฉพาะในฝั่งแบรนด์จีนจะชื่นชอบเป็นพิเศษ ตัว My Apps จะเป็นหน้ารวมของแอพทั้งหมดที่มีภายในครื่องโดยจะจัดเรียงลำดับตามรายชื่อ สำหรับคนที่เปิดหลาย ๆ โปรแกรมและอยากปิดในครั้งเดียวพร้อมกับคืนหน่วยความจำกลับมา สามารถสั่งงานได้จาก One Clean ครับ
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Wiko U FEEL PRIME นั้นถือว่าโดดเด่นแตกต่างไปจากค่ายอื่น ๆ โดยมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายอย่างครับ เรียกว่าทำหน้าที่เป็นปุ่มสารพัดประโยชน์ก็ว่าได้ ฟีเจอร์หลักนอกจากปลดล็อคแล้ว ยังสามารถทำหน้าที่เป็นปุ่มโฮม + สามปุ่มนำทางของระบบแอนดรอยได้อีกด้วยครับ (Back,Home,Recent)
โดยมีวิธีการทำงานดังนี้
1.สั่งล็อคด้วยการกดปุ่มเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ 2 ครั้งติดกัน
2.ใช้วิธี Swip บนปุ่มเซ็นเซอร์จะเป็นการ ย้อนกลับ (ปุ่ม Back)
3.และถ้ากดค้างไว้จะเป็นการเรียก Recent App ครับ
นอกจากนี้ยังสามารถ ล็อคไฟล์, รูปภาพ, เพลง และวีดีโอ , หรือสั่งให้หลังจากสแกนแล้วเปิดแอพหรือโทรออกไปยังเบอร์ที่กำหนดเป็นต้น
ทีเด็ดอีกอย่างคือการล็อคแอพพิเคชั่นภายในเครื่องครับ หากมีคนพยายามแอบมาใช้ ด้วยการใส่รหัสแบบมั่ว ๆ รั่ว ๆ ตัวกล้องหน้าจะทำการถ่ายรูปของผู้ที่พยายามแอบมาใช้แอพของเราไว้ให้ด้วย เจ๋งมั้ยล่ะ ^^
ฟีเจอร์ที่มีมาให้ใช้งานใน Wiko ทุกรุ่นก็คือ Smart Action และ Smart Gesture โดยหลักกการทำงานนั้นจะไม่แตกต่างไปจากฟีเจอร์ของแบรนด์อื่น ๆ มากนัก เช่น Smart Action ที่มีฟังก์ชั่นเคาะหน้าจอเพื่อล็อค-ปลดล็อค หรือการทำงานร่วมกับตัวเซ็นเซอร์อย่างเช่นการคว่ำหน้าจอเพื่อหยุดเสียงชั่วคราวเป็นต้นครับ สำหรับ Smart Gesture ก็เช่นกันครับ เป็นฟีเจอร์ในการวาดหน้าจอเพื่อเรียกใช้งานแอพพิเคชั่น ส่วนข้อดีคือฟีเจอร์ Smart Gesture ของค่าย Wiko ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นที่ดีมาก คือจะไม่ฟิกมาแบบตายตัว โดยเราสามารถสร้าง Gesture ได้อย่างอิสระในภายหลัง Security
Phone Assist จะเป็นศูนย์กลางในการดูแลและจัดการระบบของตัวเครื่อง เช่น เปิด-ปิดการใช้โหมดประหยัดพลังงาน, บล็อคสาย – ข้อความ เคลียร์แรมเพิ่มความเร็ว กำหนดสิทธิ์และการรันแอพอัตโนมัติเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแอพ 360 Security ที่ช่วยในการดูแลเรื่องความปลอดภัย สำหรับเคสฝาปิดแบบพิเศษ WiBOARD Folio นั้นผมไม่ได้รับมาด้วย จึงไม่สามารถอธิบายได้ แต่หลักการทำงานก็คงไม่แตกต่างไปจากเคส Folio จากค่ายอื่น ๆ
Performance
สำหรับชิปเซ็ต Snapdragon™ 430 อาจจะไม่ได้แรงสักเท่าไหร่ เพราะตามไลน์การตลาดที่ผ่านมาซีรีย์ 4xx จะเน้นเรื่องการประหยัดพลังงานมากกว่าประสิทธิภาพ แต่การที่ให้ RAM มาถึง 4GB ก็พอช่วยเสริมจุดอ่อนตรงนี้ได้บ้าง สเปคในภาพรวมของ Wiko U FEEL PRIME สามารถใช้งานทั่ว ๆ ไปได้อย่างไหลลื่น ไม่หน่วงหรือสะดุดติดขัด ยกเว้นการประมวลผลหนัก ๆ เช่นเล่นเกมที่มีกราฟฟิคโหด ๆ ก็อาจจะรู้สึกได้บ้างนิดหน่อย แต่ไม่ถือว่าเป็นปัญหาร้ายแรงแต่อย่างใด สำหรับเซ็นเซอร์นั้นให้มาค่อนข้างครบถ้วน และภาครับสัญญาณ GPS ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากครับ
Camera & Sample
เมนูอินเตอร์เฟซกล้องของ Wiko U FEEL PRIME มีการปรับเปลี่ยนใหม่ ดูค่อนข้างเรียบง่ายสะอาดตา แถมการเข้าสู่โหมดการตั้งค่าหรือสลับกล้องหน้า-หลัง นั้นยังทำได้ง่าย ๆ ด้วยการ Swip บนหน้าจอ
โหมดการถ่ายภาพมีมาให้ใช้งานครบถ้วน ทั้ง Panorama, Night, Professional, HDR, Face Beauty และ Sport รวมไปถึงการปรับตั้งค่าต่าง ๆ ที่แม้จะไม่ละเอียดมากนัก แต่ก็เพียงต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันแล้วครับ
มีโหมดโปรมาให้ใช้งานกันด้วย สามารถปรับรูปแบบการโฟกัส, ISO, ชดเชยแสง, ไวท์บาลานซ์ ความอิ่มตัวของสีและความคมชัด แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถปรับสปีดชัตเตอร์ได้ครับ
จากนี้มารับชมภาพตัวอย่างกันได้เลยครับ ซึ่งผมจะใช้โหมด Auto เป็นส่วนใหญ่นะครับ
คุณภาพกล้องของ Wiko U FEEL PRIME ทำผลงานได้น่าประทับใจมากครับ ให้ไวท์บาลานซ์ที่แม่นยำ เรื่องสีสันและความคมชัดก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีสมราคาค่าตัว
ทดสอบในโหมด HDR กันบ้าง
HDR Off
HDR On
HDR Off
HDR On
ในโหมด HDR ยังไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ เพราะโทนภาพจะออกซอฟท์และฟุ้ง ๆ ไปสักนิดครับ
คราวนี้มาทดสอบในที่แสงน้อยกันต่อ
Auto Mode Flash Off
Auto Mode Flash On
Night Mode
ในที่แสงน้อย Wiko U FEEL PRIME ทำผลงานได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ แม้จะเปลี่ยนมาใช้ Night Mode ก็ได้แค่เพียงความสว่าง แต่นอยส์ยังเยอะเหมือนเดิม ส่วนโหมดแฟลชนั้นน่าประทับใจครับ เพราะมีการคำนวนระยะห่างและปริมาณแฟลชที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล + ไฟแฟลช และมาพร้อมเลนส์มุมกว้างและมีโหมดบิ้วตี้อันยอดเยี่ยมมาให้ใช้งาน
ผมชอบสกินโทนจากกล้องหน้าของ U FEEL PRIME มาก ๆ ครับ สำหรับโหมดบิวตี้ก็สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างยืดหยุ่น ให้ภาพที่ดูดีในแบบธรรมชาติ ไม่โอเวอร์จนเกินไปนัก แถมยังมีไฟแฟลชมาให้ใช้งานกันด้วย สรุปกล้องหน้าตอบโจทย์คอเซลฟี่กันอย่างแน่นอน
สรุป Wiko U FEEL PRIME
ข้อดี
1. ดีไซน์ วัสดุดูพรีเมี่ยม และงานประกอบเรียบร้อยแข็งแรงดีมาก
2. ให้ RAM มาถึง 4GB ในราคาไม่ถึง 8,000 บาท
3. คุณภาพกล้องหน้าและหลังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าประทับใจ
4. ระบบสแกนลายนิ้วมีฟีเจอร์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
5. การจัดสรรพลังงานทำได้ดี ส่งผลให้แบตค่อนข้างอึด
สิ่งที่ต้องพิจารณา
1. ชิปเซ็ตซีรีย์ 4xx ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องความแรงเท่าตระกูล 6xx
2. กล้องถ่ายรูปในที่แสงน้อยคุณภาพยังไม่น่าประทับใจ
3. ไม่มี Quick Charge หรือ VolTE ซึ่งคู่แข่งในราคาเดียวกันบางแบรนด์เริ่มใส่มาให้ใช้งานกันบ้างแล้ว
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามรับชมกันนะครับ
ถูกใจบทความนี้ 0
You must be logged in to post a comment.