Sharp Z2 สมาร์ทโฟนเรือธงที่กลับมาทำตลาดในเมืองไทยตัวแรก ด้วยราคาหนึ่งหมื่นมีทอนกับสเปคตัวเครื่องที่แรงพร้อมชนคนอื่นในราคาใกล้กันได้แบบไม่หวั่น ทว่าลุกเล่นต่างๆ ยังคงมีน้อยอยู่ซึ่งข้อดีก็มีตรงที่ไม่มีอะไรมากินพื้นที่เครื่องและ Ram แต่ข้อเสียก็คือต้องหาแอพฯ ต่างๆ มาติดตั้งเองซึ่งแล้วแต่ว่าใครจะถนัดแบบใด แต่หน้าตาตัวเครื่องและการใช้งานจะเป็นอย่างไร คงต้องไปอ่านกันต่อแล้วตัดสินใจดูว่าโดนหรือไม่
Sharp Z2 Specs:
– หน้าจอ IPS LCD ความละเอียด FHD ขนาด 5.5 นิ้ว
– Mediatek MT6797 Helio X20 Deca-core (2×2.3GHz Cortex-A72, 4×2.0GHz Cortex-A53, 4×1.4GHz Cortex-A53)
– Ram 4GB
– หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 64GB
– ถาดซิมแบบ Hybrid ใช้งานสองซิมหรือหนึ่งซิมใส่ Micro SD Card
– กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช LED
– กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F1.8
– Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, hotspot
– Bluetooth v4.1, A2DP, LE
– Fingerprint Scanner
– รองรับ 4G LTE
– แบตเตอรี่ขนาด 3,000mAh
– ราคา 9,900 บาท
แกะกล่อง
กล่องขาวเครื่องก็ขาว มีโลโก้พร้อมชื่อรุ่นและหน้าตาตัวเครื่องบอกครบครัน แต่สเปคไม่มีบอกนะ
อุปกรณ์ภายในกล่องจะไม่เหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ กล่าวคือไม่มีสมอลทอล์คแถมมาให้ คืออุปกรณืจะมีแค่ Adapter, สาย USB A to C, เคสยางใส และ เข็มจิ้มถาดซิม แค่นี้
หัวอแดปเตอร์จะเป็นแบบขากลม
ตัวเครื่องสีขาวไร้ปุ่มบนตัวเครื่อง หน้าตาหล่อเหลาเอาการ
ด้านบนตัวเครื่องมีปุ่มกลมๆ เอ้ยนั่นลำโพงสนทนา มีกล้องหน้าอยู่ทางซ้าย
ด้านล่างหน้าจอไม่มีปุ่มใดๆ เพราะป่มไปอยู่บนจอตามแบบ Google
ด้านหลังตัวเครื่องน่าจะทำมาจากโลหะนะ เพราะวางไว้ในห้องแอร์แล้วมันเย็น หรือถ้าเป็นพลาสติกก็ต้องบอกว่าเคลือบมาเนียนมาก งานประกอบแน่นหนา จับละรู้สึกดี (แต่ใส่เคสในกล่องที่แถมมาให้ดีกว่าเดี๋ยวเป็นรอย)
ด้านหลังก็ต้องมีกล้องล่ะ แต่การวางตำแหน่งนั้นอยู่ตรงกลาง ใต้กล้องมีไมโครโฟนตัวที่สอง (แปลกดี) และไฟแฟลช LED ถัดมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่แตะปุ๊บปลดล็อคหน้าจอปั๊บ
ด้านบนตัวเครื่องมี IR Blaster ไว้ใช้งานเป็นรีโมทได้ด้วย พร้อมขนาบด้วยช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5มม.
ด้านซ้ายตัวเครื่องมีช่องใส่ถาดซิม/Micro SD Card
ซิมที่ใช้เป็นแบบ Nano Sim แต่แปลกตรงถ้าจะใช้งาน Micro SD Card มันดันเป็นช่องซิม 1
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่ม Power ตัวนี้แอบคมนิดๆ
ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องเสียบสายชาร์จแบบ USB-C ไม่ใช่ Micro USB นะ พร้อมลำโพงตัวเครื่องทางขวา ส่วนไมโครโฟนอยู่ทางซ้าย
ตัวเครื่องขนาด 5.5 นิ้ว สำหรับผมที่มือใหญ่ถือใช้งานมือเดียวสบายๆ
Sharp ได้ทำ User Interface ของตนเองขึ้นมาครอบ Android อีกทีซึ่งหน้าตาถือว่าค่อนข้างแปลกประหลาดสำหรับผมเหมือนกันคือมีการแบ่งแยกหน้า Home กับหน้า App Drawer แหละ แต่ว่ามันเป็นการแบ่งแบบไม่มีปุ่มกด อ้าว งงสิ คือเค้าแบ่งเป็นหน้าทางขวาคือหน้า Home และหน้าทางซ้ายคือ App Drawer ครับ ส่วนวิธีใช้ไม่ได้ปาดไปซ้ายขวา ต้องปาดขึ้นลงเอา ฮ่าๆๆ งงๆ กันไปแต่ก็ถือว่าใช้งานไม่ยากและเข้าใจง่ายอยู่
ส่วน Notification Bar คล้ายกับ Android เดิมๆ คือลากมาทีนึงเป็นการแจ้งเตือนพร้อมทางลัดหลักๆ ถ้าลากอีกครั้งจึงจะเห็นทางลัดทั้งหมดนั่นเอง
อย่างที่บอกว่าลูกเล่นพี่มีน้อย มีมันแค่ Motion เนี่ยล่ะ ซึ่งก็มีดังนี้
– คว่ำหน้าจอลงเมื่อมีสายเข้าเพื่อตัดสาย
– ปิดเสียงเมื่อมีสายเข้า โดยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อันนี้เหมือนเราวางไว้กับโต๊ะ เวลามีสายเข้าหยิบขึ้นมามันก็จะเงียบนั่นล่ะ
– เอาโทรศัพท์มาแนบหูเพื่อรับสายได้ทันที เมื่อมีสายเรียกเข้า
Benchmark
ทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องผ่านแอพพลิเคชั่น Benchmark ต่างๆ ได้คะแนนเยอะกว่าที่คาดการณ์เหมือนกัน แต่หลังๆ ผมไม่ค่อยใส่ใจตัวเลขพวกนี้ละล่ะ เพราะสมาร์ทโฟนในยุคใหม่ๆ นั้นแรงมากพอที่จะใช้งานได้สบายๆ แล้ว
Z2 มาพร้อมกล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.0 พร้อมไฟแฟลช LED และกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F1.8 ตรงนี้ Hardware ถือว่าดูดีมากนะสำหรับสมาร์ทโฟนราคาหมื่นมีทอน แต่น่าเสียดายที Software กล้องเหมือนยังใช้ของทาง Mediatek อยู่ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรให้เล่นและอาจจะยังดึงประสิทธิภาพของ Hardware ออกมาได้อย่างไม่เต็มที่นัก
โดยการถ่ายรูปด้วยกล้องหลังเนียมีแค่ Auto, HDR, Panorama ส่วนกล้องหน้าก็มี Beauty แบบปรับระดับได้อย่างเดียวไม่สามารถปรับแยกหน้าเรียวได้ ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบโหมดหน้าสวยของ Mediatek เพราะมันถ่ายออกมาแล้วหน้าแปลกๆ พิกล
Filter มีมาให้ประมาณนี้
ลองดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก Sharp Z2 กันว่าทำได้ดีแค่ไหน ภาพทุกภาพไม่ได้แต่งภาพใดๆ เพิ่มเติมเช่นเคย ใส่แค่ลายน้ำและใช้โหมด Auto ซัดเอาล้วนๆ บางภาพมีเปิด HDR เพื่อเก็บรายละเอียด
แสงเย็นย้อนแสงพระอาทิตย์ตกดินโดยถ่ายผ่านหน้าต่างที่ฝุ่นเขรอะๆ ดู ได้แฟลร์มาเต็มๆ แต่ภาพดูฟุ้งๆ สวยดี
แสงเย็นเช่นกัน ท้องฟ้ามืดมัว
อันนี้ก็แสงเย็นแบบตะวันจากไปละ โดยแตะโฟกัสที่ท้องฟ้าเพื่อเก็บรายละเอียดท้องฟ้า HDR ก็ไม่เปิด ฉะนั้นส่วนอื่นเลยมืดไป
แสงกลางคืนกันบ้าง ตามข้างทางของห้างที่มีของมาขาย
ถ่ายตึกลอนดอนสตรีทยามค่ำคืน แสงไฟตรงป้ายมันแรง ฉะนั้นจ้าจนมองไม่เห็นเลยว่ามีอะไรบ้าง
ลองถ่ายวัตถุต่างๆ ดูบ้าง เริ่มจากกาแฟนี่ล่ะ
ย้อนแสงด้วย HDR
ลองถ่าย Laptop ในแสงสีเหลืองนวลๆ น้อยๆ ภาพก็ถือว่าพอใช้ได้อยู่
ถ่ายขนมในร้านแสงเหลืองจางๆ บางๆ ยังเก็บภาพมาได้ถือว่าโอเค และไกลๆ มีไฟหลอดแขวนอยู่เลยได้โบเก้ติดมาหน่อยด้วย
ลองถ่ายกล้องหน้าดู ใช้แฟนเป็นแบบดีที่สุดละ ฮ่าๆๆ ถือ
กลับกันพอไปถ่ายในร้านที่แสงไฟเหลืองๆ นวลๆ หน่อย อย่างแบล็คแคนยอน เก็บรายละเอียดหน้าผมได้ดีกว่าแฮะ เห็นผมเป็นเส้นๆ เลย
สรุป: Sharp Z2 ถือเป็นน้องใหม่สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในบ้านเรา แม้การกลับมากับชื่อแบรนด์ญี่ปุ่นนั้นอาจดูดีมีชาติตระกูล แต่ในปัจจุบันตลาดสมาร์ทโฟนนั้นมีการแข่งขันกันรุนแรงมากถึงมากที่สุด ฉะนั้นแม้จะเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นเองหากทำตลาดในบ้านเราไม่ดีพอก็อาจลำบากได้ ทั้งนี้จากที่ลองใช้งานมาราวสองสัปดาหฺ์ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะกับราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท เพราะได้สเปคที่แทบจะไปฟัดเหวี่ยงกับมือถือราคาสองหมื่นได้ และการใช้งานก็ลื่นแรงตามสเปค เล่นเกมส์ไม่ติดขัด หน่วยความจำมีให้พอประมาณ Ram นี่เหลือๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหมดเลย หน้าจอก็สวยงามคมชัดอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้ Sharp เองก็ขึ้นชื่ออยู่
อย่างไรก็ตามยังมีจุดอ่อนในเรื่องของลูกเล่นต่างๆ ในส่วนของตัวเครื่องหรือ Motion อะไรนี่ไม่เท่าไหร่มีก็ดีไม่มีก็ได้ แต่สำหรับกล้องถ่ายรูปนั้นกลับไม่ทำ Software ของตนเองซึ่งหวังว่าในรุ่นต่อไปจะมีการปรับปรุงในจุดนี้ เพื่อที่จะเอาลูกเล่นของกล้องไปชนกับคนอื่นเค้าได้และอาจรีดประสิทธิภาพของกล้องออกมาได้ดีกว่านี้
สำหรับใครที่เล็งๆ อยู่ก็สามารถไปหาซื้อกันได้แล้วนะครับ แต่ถ้าอยากได้ราคาพิเศษหน่อยก็คงต้องไปซื้อกับทางทรูล่ะเพราะเค้ามีโปรโมชั่นติดสัญญาพร้อมลดค่าเครื่องให้อยู่ โดยโปรโมชั่นนั้นสามารถไปตรวจสอบได้ตามร้านค้าเลยครับ
ถูกใจบทความนี้ 11
You must be logged in to post a comment.