เคยพกโทรศัพท์เครื่องที่เล็กที่สุด ขนาดไหนครับ? ที่ถามแบบนี้เพราะว่า วันนี้ผมมีเจ้า VPhone S8 ขนาดเล็กสุดๆ เป็นโทรศัพท์ที่พกพาได้สะดวกที่สุด ใส่ในกระเป๋าเสื้อแล้วหล่นหายก็ยังไม่รู้ (ขนาดนั้น) จริงๆ มันไม่ขนาดนั้นหรอก แค่เล็ก และพกสะดวกแค่นั้นเอง แต่ผมเชื่อเลยว่า ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาล่ะก็ อย่าเพิ่งบอกว่าที่เคยพกมาน่ะเล็กที่สุดแล้ว มาเจอเจ้า Vphone S8 ซะก่อน แล้วค่อยมาดูว่าเล็กจริงหรือเปล่า(โทรศัพท์นะ)
ต้องบอกเลยว่าเจ้า VPhone S8 ไม่ใช่ Smartphone นะ แต่ว่าเป็นโทรศัพท์ที่ฉลาดพอตัวเลยทีเดียว ฉลาดกว่าพวก Nokia 3310 ที่เล่นเกมส์งูได้ ก็แล้วกัน มันไม่ได้เอาไว้สำหรับแค่โทรเท่านั้น ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้เพียบ รวมถึงเชื่อมต่อโทรศัพท์อีกเครื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการโทรได้อีกด้วย ยังมีฟีเจอร์อีกเพียบ แต่ก่อนอื่นไปดูสเปคกันเลยครับ แน่นอนสิ โทรศัพท์ที่ไม่ใช่ Smartphone ก็ต้องมีสเปค
Generales | |||
Model | Vphone S8 | ||
Platform | MTK2502 | ||
ROM | 128MB | ||
RAM | 64MB | ||
Operation frequency | GSM/ 850/900/1800/1900 ; | ||
SIM | 1 Micro Sim | ||
Screen | 1.54 Inch 2.5D screen | ||
Touch screen | Yes | ||
Bluetooth | Bluetooth 4.0 | ||
FM Radio | Yes | ||
Expansion T-Flash card | support 8G | ||
USB | Yes,5PIN USB, USB2.0 | ||
Heart rate | Yes | ||
Pedometer | Yes | ||
G-Sensor | Yes | ||
Light-sensor | Yes | ||
Machinery Features | |||
Size(L*W*H) | 46.7*37.3*9.9mm | ||
Weight | 30g | ||
Battery | 380mAh battery; Built-in battery | ||
USB Port | 5pin USB | ||
Color | Silver, Black |
ดูสเปคแล้ว ไม่ใช่ของแรงแต่อย่างใด หน่วยความจำไม่เยอะ แต่ว่าจุดเด่นอยู่ที่น้ำหนัก ขนาด และฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ครับ จะมีอะไรบ้างต้องมาติดตามกันแล้วล่ะ งานนี้มาแกะกล่องเล็กๆ กันดีกว่า
ตัวกล่องมาลักษณะนี้ทำให้ผมนึกถึง Xiaomi เลยทีเดียว กล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนๆ เป็นคล้ายๆ กล่องที่มาจากรีไซเคิล
ในกล่องมีอุปกรณ์ตามนี้เลยครับ คู่มือเป็นภาษาจีนนะ ซึ่งเจ้า Vphone S8 บินมาจากสโตร์ออนไลน์ที่จีน ใครสนใจไว้ท้ายบทความละกันนะครับ ส่วนอุปกรณ์ที่เห็น สายชาร์จ และมีสายห้อยคอมาด้วย สำหรับคล้องเจ้า Vphone HS8 นี่ล่ะ
ดูๆ ไปเหมือนจะใหญ่ แต่จริงๆ เล็กนิดเดียวเอง ขนาดตัวเครื่อง 46.7*37.3*9.9 มม. นี่ถือว่าเล็กมากเลยนะ อย่างที่บอกล่ะครับว่า เล็กกว่าที่เคยใช้งานมาแน่ๆ หน้าจอเป็นกระจก 2.5D อินเทรนด์ในยุคนี้และปกป้องได้ดีระดับนึงเลยล่ะ ขนาดหน้าจอ 1.54 นิ้ว ก็ไม่ได้เล็กมากนัก ใช้งานทั่วๆ ไปสบายๆ
ด้านล่างเป็นพอร์ท micro USB สำหรับชาร์จ ส่วนปุ่มที่เห็นด้านล่างตัวเครื่อง คือปุ่มคอนโทรลปกติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับ Android เลยนะครับ แต่เห็นปุ่มนี่ทำให้ชวนคิด
รอบๆ ตัวเครื่องเป็นพลาสติกนะ
ด้านข้างมีปุ่ม ปิด และ เปิดเครื่อง
อีกด้านนึงว่างเปล่า ที่เห็นท้ายเครื่องจะมีช่อง คือช่องสำหรับร้อยสายคล้องคอหรือคล้องข้อมือครับ สมัยนี้ไม่ค่อยมีโทรศัพท์ออกแบบให้ใช้งานกันแล้ว
ด้านหลังมีเซ็นเซอร์ด้วยครับ ที่เห็นก็คือเซ็นเซอร์วัด Heart Rate โทรศัพท์เครื่องนี้ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ
ขึ้นชื่อว่าโทรศัพท์ ใส่ซิมได้แน่นอน แต่ว่านิดนึงก็คือ รองรับทุกเครือข่าย แต่ยังอยู่แค่ยุค 2G เท่านั้น อย่าหวังใช้งานเรื่อง data ในเครื่องนี้นะ และใส่ microSD ได้ 64GB ตามสเปค
แบตเตอรี่ขนาด 380 mAh ดูแล้วน้อยไป่ ซึ่งถ้าใช้ฟีเจอร์เต็มๆ ก็หมดวันนึงแน่ๆ ต้องชาร์จทุกวัน อันนี้เป็นเรื่องปกติของโทรศัพท์ที่ฉลาดๆ มีฟีเจอร์เยอะๆ
หน้า Home เป็นลักษณะนี้ครับ ปุ่มกดใหญ่พอใช้นิ้วกดโดนอยู่ ใช้ได้สองอย่างก็คือโทรศัพท์ และ SMS ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถเปลี่ยน Theme กับหน้าจอได้ แต่ว่าการใช้งานหลักยังเหมือนเดิม
ปุ่มกดก็มีครบถ้วนใช้งานได้ ตัวเลขใหญ่กดได้สะดวกอยู่นะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับนิ้วแต่ละคนด้วย ถ้านิ้วใหญ่มากๆ ก็อาจจะกดไม่ถนัดนัก คราวนี้มาดูเรื่องฟีเจอร์กับหน้าจอต่างๆ กันบ้างครับ มีอะไรที่ทำได้อีก นอกจากโทรศัพท์
นี่เลย มี Motion ให้เล่นด้วย โทรศัพท์ สามารถคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียงเรียกเข้าได้ เผื่อมีประชุมอยู่ก็คว่ำตัวเครื่องได้ทันที Magic voice ที่สามารถเปลี่ยนเสียงเป็นเสียงเด็ก ผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ได้ เสียดายไม่มีเสียงคนแก่
มีโหมดไฟฉายให้ใช้งานด้วยนะ แต่ว่าใช้แสงสว่างจากหน้าจอล่ะ ซึ่งพวกฟีเจอร์พวกนี้ล่ะที่กินแบต
มีแอพให้ใช้งาน แต่ว่าบ้านเราคงไม่ได้ใช้หรอก อันนี้คือ pre-install มาให้เลย เราลบก็ไม่ได้นะ ส่วนภาษาน่าจะเป็นส่วนที่หลายๆ คนให้ความสนใจมาก บอกเลยว่าไม่รองรับภาษาไทย ดังนั้นใครจะใช้งานด้านโทรศัพท์ ก็เน้นเมมชื่อเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว ส่วน SMS ที่รับเข้ามาอ่านไม่ออกครับ ถ้าติดตรงนี้ก็ ผ่านไปได้เลย
เมนูที่ใช้งานได้จริงก็คือ Phonebook เราสามารถซิงค์ข้อมูลกับ Android หรือ iOS เครื่องหลักเพื่อซิงค์รายชื่อมาเก็บไว้ในเครื่องได้ แต่ว่าก็ไม่รองรับภาษาไทยอีกนั่นล่ะ
เมื่อซิงค์กับเครื่อง Android หรือ iOS เครื่องหลักแล้ว สามารถค้นหาเครื่อง หรือดูพวก notification ได้ด้วย
ฟังเพลงได้ มี File manager สำหรับจัดการไฟล์ในเครื่อง และทำเป็นรีโมทแคปเจอร์ได้ โดยฟีเจอร์นี้ต้องซิงค์กับ Android หรือ iOS ก่อน
ยังมีโหมดเพื่อสุขภาพด้วย ไม่ว่าจะเป็นการวัด Heart rate หรือแทรคการนับก้าว การนอน รวมถึงการเตือนถ้าไม่ขยับนานๆ
และสิ่งที่น่าสนใจใน Vphone S8 เครื่องนี้ก็คือ การอัดเสียงนี่ล่ะ ผมว่าแอบอัดได้ง่ายๆ เลย
หน้าสุดท้าย มีโหมด Power saving ประหยัดแบตไปพอสมควร แอพในเครื่องไม่มีต้องลงเพิ่ม แต่ว่าที่ว่างในตัวเครื่องก็แทบแย่แล้ว และยังมี Sifi อีกต่างหาก ถ้าสำหรับซิงค์กับ iOS ก็ส่ง voice ใส่คำสั่งผ่านไปได้
พื้นที่มีอยู่นิดเดียวเอง ทำอะไรลำบากต้องใส่เมมโมรี่เพิ่ม
วัด Heart rate ได้จริงนะ
พวก Noti หรืออื่นๆ ที่เป็นภาษาไทย งานนี้อดครับ
มาดูคลิปรีวิวเพิ่มเติมกันครับ
สรุปและแชร์การใช้งาน Vphone S8
สำหรับการใช้งานสะดวกมากเวลาพกพาไปไหน แต่อย่างว่า เวลาใช้งานจริงๆ แล้ว ขนาดเล็กก็ต้องระวังหน่อย ที่ระวังคือกลัวหล่นหาย เวลาใส่กระเป๋าเสื้อเพราะไม่เคยชิน เวลาก้มๆ เงยๆ อาจจะหล่นหายได้ เค้าเลยมีสายคล้องแถมมาด้วย การคุยโทรศัพท์ เสียงอาจจะแตกไปนิด แต่ก็ดังใช้ได้อยู่นะ เสียดายที่ไม่ได้รับ 3G แต่รับ 2G ทุกคลื่นใช้งานได้ไม่มีปัญหาใดๆ การโทรศัพท์ สะดวกเมื่อซิงค์กับ Smartphone เครื่องหลัก เวลากดโทร ก็ผ่านเจ้า Vphone S8 ได้เลย สามารถเลือกโทรได้ว่าจะโทรจากเครื่องไหน รวมถึงเป็นรีโมทชัทเตอร์ให้ Smartphone ที่ซิงค์และจับคู่ได้ด้วยนะ ฟีเจอร์ต่างๆ ก็อัดแน่น จนไม่ใช่โทรศัพท์ธรรมดา และค่ายนี้จริงๆ เหมือน Smartwatch ของค่าย DT No.1 เลย เป็นผู้ผลิตเดียวกัน สังเกตเห็นว่า UI เหมือนๆ กัน
ฟีเจอร์ต่างๆ มีเพียบ ซึ่งปัญหาที่พบก็คือแบตเตอรี่ ซึ่งจริงๆ โทรศัพท์ธรรมดา น่าจะอยู่ได้สัก 3 วัน แต่นี่ก็ประมาณ 1 วันก็ต้องชาร์จแล้ว เรียกว่าชาร์จทุกวัน อาจจะเพราะฟีเจอร์ที่อัดมาเยอะ ทำให้แบตที่ให้มาไม่พอใช้งาน อีกปัญหานึงก็คือภาษาไทยนี่ล่ะ จบข่าวเลย ที่ประทับใจก็คือขนาดเล็กพกพาสะดวกไม่เหมือนใครนั่นล่ะครับ
งานนี้ใครสนใจก็ไปสั่งซื้อออนไลน์กันนะครับ ตอนนี้มีราคาโปรโมชั่นอยู่ที่ประมาณ 1,250 บาทเท่านั้น ที่ buyswear => https://goo.gl/rsA4cF ใส่ code แชร์บทความแล้วแคปเจอร์ส่งมาหลังไมค์บน facebook fanpage นะครับ แล้วจะได้ส่วนลดลดลงอีกสองร้อยบาท เหลือที่ 1,050 บาทเท่านั้น หมดเขต 31 ธันวาคมศกนี้นะครับ
You must be logged in to post a comment.