เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและวางจำหน่ายมาได้สักพักใหญ่ ๆ (มาก) สำหรับ Zenfone 3 Max สมาร์ทโฟนที่ชูจุดขายด้านประสิทธิภาพความทนนานของแบตเตอรี่ ซึ่งกล้าท้าชนกับทุก ๆ แบรนด์ในท้องตลาด และนอกจากเรื่องความอึดทนทานใช้งานอย่างต่อเนื่องได้อย่างยาวนานแล้ว ในภาพรวม Zenfone 3 Max ยังมาพร้อมกับจุดเด่นในอีกหลาย ๆ ด้าน แต่จะมีอะไรมาบ้าง มาติดตามอ่านกันได้เลยครับ
Zenfone 3 Max ถึงแม้จะลดขนาดความจุของขนาดแบตเตอรี่ลงมาเหลือเพียง 4100mAh แต่ในด้านการใช้งานจริงนั้นทำได้ดีกว่าเดิม ด้วยสถาปัตยกรรมของตัว Haedware บวกกับ Software ที่ปรับแต่งมาอย่างลงตัว ทำให้ Zenfone 3 Max สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่ารุ่นเดิม แม้จะมีขนาดความจุแบตเตอรี่ที่ลดลงก็ตามที
และแน่นอนว่า ฟีเจอร์เด่น ๆ ยังอยู่ครับ ไม่โดดนตัดไปไหน สามารถใช้งาน Zenfone 3 Max แทนพาวเวอร์แบงค์เพื่อชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่น ๆ ได้เหมือนเช่นเคยครับ
นอกจากจุดขายหลักเรื่องความอึดของแบตเตอรี่แล้ว ฟีเจอร์ทางด้านการถ่ายภาพของ Zenfone 3 Max ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
สำหรับโหมดการถ่ายที่ถือว่าเป็นจุดขายของ Zenfone 3 Max หลัก ๆ จะประกอบไปด้วย Super Resolution , HDR และ Low Light
กล้องหน้าทางค่าย ASUS บอกขอท้าชนทุกแบรนด์เหมือนกันนะ
ด้านดีไซน์และวัสดุนั้นถือว่าดีกว่าในยุคแรก ๆ ที่เน้นใช้แต่วัสดุโพลีคาร์บอเนต ในยุคหลัง ASUS จะเน้นดีไซน์แบบ Full Metal Unibody จึงได้ความลงตัวทั้งสวยงามและแข็งแรง
ประสิทธิภาพต่อราคาก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของค่าย ASUS ครับ ทางฝั่ง Software มีการปรับปรุงพัฒนามาโดยตลอด สำหรับ Zenfone 3 Max นั้นมีแพลนจะได้อัพเดต Android 7.0 ในอนาคตอีกด้วย ตรงนี้อุ่นใจได้ว่าไม่โดนลอยแพอย่างแน่นอน
สเปคเบื้องต้นของ Zenfone 3 Max ในรุ่นจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว
มาแรกจับลองสัมผัสกันสักหน่อย
ตามที่เกริ่นไปในตอนต้น Zenfone 3 Max มาพร้อมดีไซน์ Full Metal Unibody โดยเล่น curve ทั้งด้านข้างและรวมไปถึงด้านหลัง จึงช่วยให้การสัมผัสจับถือนั้นรองรับเข้ากับสรีระของฝามือได้เป็นอย่างดี
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีไมค์ตัดเสียงรบกวน และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างจะประกอบไปด้วย ไมค์สนทนา, พอร์ต Micro USB และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ซ้ายมือของตัวเครื่องด้านบนจะเป็นที่อยู่ของปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และถัดลงมาคือปุ่ม Power สำหรับทางฝั่งขวามือของตัวเครื่องจะเมีช่องถามซิมการ์ด + หน่วยความจำภายนอกอยู่ที่มุมด้านบน โดยตัวถาดซิมจะเป็นแบบไฮบริด คือรองรับการใช้งานในรูปแบบ 2 ซิมการ์และแบบ 1 ซิมการ์ด + MicroSD Card
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจัดวางตำแหน่งอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง และฟีเจอร์เด่นอันเป็นจุดขายก็คือสามารถแปลงร่างตัวเองให้กลายเป็นพาวเวอร์แบงค์เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย
เปิดตัวมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 แต่ก็มีแพลนที่จะได้อัพเดต Android 7.0 ในอนาคตอันใกล้นี้ครับ
มาดูกันต่อกับรุ่นหน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว ซึ่งจะมีสเปคที่ลดหลั่นลงมานิดหน่อยครับ
ด้านดีไซย์และการจัดวางเลเอาท์ตำแหน่งของปุ่มหรือพอร์ตจะไม่ค่อยแตกต่างไปจากรุ่น 5.5 นิ้วครับ จะมีก็เพียงลำโพงหลักที่จะย้ายตำแหน่งมาอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
มาพร้อม Android 6.0 เช่นกัน และก็มีแพลนที่จะได้อัพเดต Android 7.0 ในอนาคตอันใกล้นี้ครับ
สรุปราคา
สรุปราคา ASUS Zenfone 3 Max ในรุ่นจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว จะอยู่ที่ 7,990 บาท และในรุ่น 5.2 นิ้วที่ 5,990 บาท ซึ่งเมื่อดูจากองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ เรื่องจุดเด่นแน่นอนว่าชูเรื่องความทนทานของแบตเตอรี่ สำหรับสเปคและดีไซน์งานประกอบรวมไปถึงฟีเจอร์และคุณภาพกล้องก็ต้องบอกว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีครับ เมื่อเทียบสเปคต่อราคาแล้ว ยังอยู่ในกลุ่มที่เป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ แต่น่าเสียดายที่เปิดตัวและวางจำหนายมาสักพักใหญ่ ๆ เรื่องความสดและความน่าสนใจจึงดูแผ่วไ ปสักนิด และที่สำคัญ ตลาด Mid-Range ในช่วงนี้แข่งกันดุเดือน แถมมีตัวเลือกเยอะพอสมควร ก็คงต้องชั่งใจดูก็แล้วกันนะครับ
You must be logged in to post a comment.