Panasonic Lumix GF9 เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา https://goo.gl/2GH4Lo ซึ่งผมไปร่วมงานและทำพรีวิวจุดเด่นที่น่าสนใจเบื้องต้นของ Lumix GF9 ให้ได้รับชมกันไปบ้างแล้ว https://goo.gl/f8MeOx วันนี้มารับชมกันต่อกับ Full Review ของสุดยอดกล้องมิลเลอร์เลส เทพซลฟี่ 4K รุ่นแรกของโลกกันครับ
คีย์ไฮไลท์หลักของ Panasonic Lumix GF9
กล้อง Mirrorless สำหรับผู้รักการถ่ายเซลฟี่ และครั้งแรกของโลกด้วยความละเอียดระดับ 4K
บันทึกวีดีโอระดับ 4K พร้อมฟีเจอร์อัดแน่นเหมือนรุ่นพี่ในตระกูล GX
ค่าความไวแสง iso 200-25600
ชิปประมวลผลภาพ Venus Engine
เซ็นเซอร์ Live Mos แบบไม่มี Low Pass Filter ทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้วแบบทัชสกรีน ปรับพลิกจอได้ 180 องศา
โฟกัสรวดเร็ว 240fps ด้งยเทคโนโลยี DFD
ถ่ายภาพต่อเนื่องรวดเร็ว 5.8 ภาพต่อวินาที
สามารถชาร์จแบตเตอรี่ ผ่านช่องต่อ USB ได้แล้ว
แชร์รูปง่าย ๆ ด้วย Wi-Fi ในเครื่อง พร้อมอัพโหลดขึ้นโซเชี่ยลได้ทันทีด้วย Panasonic Image App
ราคาวางจำหน่าย
ชุดบอดี้พร้อมเลนส์คิท 12-32 mm ราคา 23,990 บาท
ชุดบอดี้พร้อมเลนส์ 20mm f/1.7 ราคา 27,990 บาท
ชุดมบอดี้พร้อมเลนส์ 12-32 mm และ 35-100 mm ราคา 29,900 บาท
มี 4 สีให้เลือกใช้งานประกอบไปด้วย ส้ม, ดำ/เงิน, ชมพูซากุระ และสีดำ
สเปคเบื้องต้น
Unboxing
ตัวกล่องมาในขนาดกะทัดรัด ด้านหน้าโชว์รูปตัวกล้อง Lumix GF9 เป็นสีดำ แต่สีจริงภายในกล่องจะมีการพิมม์กำกับไว้ที่มุมขวาด้านล่างครับ
และแน่นอนว่าจุดขายของ Lumix GF9 คือการอัพเกรดเพิ่มฟีเจอร์ 4K VDO มาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกของซีรีย์ GF และไม่ได้มีดีแค่การถ่ายวีดีโอระดับความละเอียดสูงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่าง 4K Selfie, Panorama Selfie และ Depth from Defocus อีกด้วย
อุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาอาจจะแตกต่างชุดจำหน่ายจริงอยู่บ้างนะครับ โดยเครื่องรีวิวนั้นมีคู่มือการใช้งานอย่างย่อ, อแดปเตอร์ชาร์จแบบขากลมให้ OUTPUT มาที่ 1A , สาย Micro USB สำหรับชาร์จไฟและถ่ายโอนข้อมูล สุดท้ายคือสายคล้องกล้อง
บอดี้ของ Lumix GF9 จะเป็นโพลีคาร์บอเนต์เกรดพรีเมี่ยมและผสานด้วยการหุ้มหนังแท้ โดยดีไซน์ของ Lumix GF9 จะเป็นแบบทูโทนและยังมีกลิ่นอายของรุ่นพี่ GF8 อยู่บ้าง ถ้ามองผ่าน ๆ จะไม่ค่อยเห็นความแตกต่างสักเท่าไหร่ แต่ในภาพรวมแล้ว Lumix GF9 นั้นมีการขัดเกลาในหลาย ๆ จุด จนลงตัวและกลมกลืนขึ้นจากตัว GF8 ครับ
สำหรับด้านหน้า ยังให้ฟิลลิ่งที่เรียบง่าย โดยมีเพียงปุ่มถอดเปลี่ยนเลนส์ที่มุมขวาและไฟช่วยหาโฟกัสอยู่ทางด้านฝั่งซ้ายมือ
ตัวเซ็นเซอร์ยังคงมาพร้อมความละเอียดเท่าเดิมที่ 16 ล้านพิกเซล แต่ถอด Low-pass Filter ออกไป ได้ทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
ในเรื่องความไวของระบบโฟกัส ค่ายพานาโซนิคนั้นขึ้นลือชาอยู่แล้วเรื่องความไว สำหรับ LUMIX GF9 จะใช้ระบบโฟกัสแบบ Contrast Detect ผสานกับเทคโนโลยี DFD (Depth from Defocus ) ทำให้โฟกัสได้ไวและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
ในชุดวางจำหน่าย เลนส์คิทที่มาพร้อมกับ Lumix GF9 ยังคงเป็นตัว 12-32mm เหมือนเช่นเดิมครับ โดยจุดเด่นคือได้ความกะทัดรัด ในเรื่องของระยะและความคมถือว่าพอใช้งานในระดับหนึ่ง แต่ด้วยดีไซน์ของ Lumix GF9 การประกบกับเลนส์ตัวนี้ถือว่าลงตัวเข้ากันได้เป็นอย่างดี
สำหรับด้านบน Top Panels เป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมและ Dial เลือกโหมดการถ่าย โดยไล่เรียงจากขวามาซ้าย จะประกอบไปด้วย ปุ่ม Dial โหมดการถ่ายภาพต่าง ๆ เช่น P A S M ซึ่งไม่ต่างไปจากกล้อง Mirrorless ทั่ว ๆ ไป ถัดมาคือปุ่มชัตเตอร์ที่อยู่ภายในวงแหวนคันโยก Power สำหรับเปิด-ปิดกล้อง
ถัดมาจะเป็นปุ่ม Fn1 ที่สกรีน 4K Photo ฟีเจอร์อันเป็นจุดขายของ Lumix GF9 และทำให้เราสามารถเรียกใช้งานโหมด 4K ได้อย่างสะดวกรวดเร็วจากปุ่มลัดตรงนี้ครับ
สำหรับด้านล่างของปุ่ม Fn1 จะเป็นสลักสำหรับเปิดแฟลชป็อบอัพหัวกล้อง แน่นอนว่าพื้นที่ตรงกลางไม่มีฮอตชูมาให้เชื่อมต่อกับแฟลชนอก แต่ตัว Lumix GF9 นั้นมีแฟลชป็อบอัพในตัว
สุดท้าย ปุ่ม Fn3 ซึ่งค่าเริ่มต้นถูกเซ็ทมาให้เป็นปุ่มสำหรับเลือกเลือกเปิด-ปิดโหมด Post Focus นอกจากนี้ยังสามารถทำงานเป็นปุ่มชัตเตอร์ที่ 2 เมื่อเราผลิกจอขึ้นมาด้านบนเพื่อถ่ายเซลฟี่ ตัวฟีเจอร์นี้ดีมากครับ เพราะตอบโจททย์และอำนวยความสะดวกในการถ่ายเซลฟี่ให้ทั้งคนที่ถนัดมือซ้ายหรือขวานั่นเอง
แฟลชป็อบอัพในตัวและสามารถ Bounce Flash โดยใช้นิ้วปรับองศาก้ม-เงยเพื่อเลือกรูปแบบการยิงแฟลชให้เหมาะสมกับสถานการณ์
แผงควบคุมที่ด้านหลัง ยังคงเหมือนกับตัว Lumix GF8 ถ้าใครเคยใช้ซีรีย์นี้มาก่อน ก็ไม่ต้องปรับตัวแต่อย่างใดครับ
ทางฝั่งขวามือของกล้อง จะมีพอร์ต Micro HDMI และพอร์ต Micro USB
ซึ่งในรอบนี้มาพร้อมฟีเจอร์ชาร์จไฟผ่าน Micro USB ได้แล้ว แต่ไม่สามารถชาร์จไปพร้อมกับการใช้งานได้เหมือนค่าย Sony นะ แอบเสียดายเหมือนกันครับ
ส่วนทางฝั่งซ้ายจะเป็นลำโพงของกล้องครับ เอาไว้ฟังในแบบแก้ขัดพอได้อยู่ แต่อย่าไปคาดหวังอะไรมากจากลำโพงโมโนที่ใส่มาให้นะครับ
ด้านล่าง ฝั่งซ้ายจะเป็นที่อยู่ของเกลียวขาตั้งกล้องขนาดมาตรฐาน, ช่องใส่แบตเตอรี่, และช่องใส่หน่วยความจำภายนอก
โดยใน Lumix GF9 ได้เปลี่ยนมาใช้เป็น Micro SD Card แทน SD Card แล้วครับ สำหรับแบตที่ใช้ใน Lumix GF9 คือรุ่น BLH7E เหมือนที่ใช้อยู่ใน GF8 นั่นเอง
พับจอขึ้นได้ 180 องศา เกิดมาเพื่อเตอบโจทย์การเซลฟี่โดยเฉพาะ แต่ทั้งนี้ตัวจอพับในมุมกลับลงมาด้านล่างไม่ได้ ทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการใช้ไปบ้างครับ
จอแสดงผลของ Lumix GF9 นั้นมาพร้อมกับจอ LCD ทัชสกรีนขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 1,040,000 พิกเซล ให้ความสว่างสดใส และใช้งานได้ลื่น ๆ ให้ฟิลลิ่งคล้ายกับการใช้งานบนสมาร์ทโฟนครับ และการที่เป็นจอทัชสกรีนทำให้การใช้งานนั้นสะดวกยิ่งขึ้น เช่นแตะหน้าจอเพื่อกำหนดจุดโฟกัสหรือล็อคค่าแสงเป็นต้น
สำหรับเมนูการตั้งค่า ยังคงใช้สไตล์ของทาง Panasonic เหมือนเดิม ไม่มีการปรับ UI ใหม่ แต่จริง ๆ แล้ว Interface ของทาง Panasonic ก็ใช้ง่ายนะ ดูไม่ซับซ้อนจนเกินไป ใครที่ใช้ค่ายอื่น ๆ มาก่อน น่าจะใช้เวลาปรับตัวไม่นานครับ
เรื่องโฟกัสคุยไปแล้ว โดยในภาพรวมไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงในแบบ Major Change สรุปคือรวดเร็วแม่นยำตามสไตล์ของทางค่ายพานาโซนิค มาดูในส่วนของ ISO หรือค่าความไวแสงกันดีกว่าครับ ว่าจะปรับปรุงหรือทำได้ดีกว่าตัว GF8 หรือไม่
สรุป Lumix GF9 เมื่อเริ่มดัน ISO ไปที่ 3200 ก็เริ่มมี Noise ออกอาการให้เห็นค่อนข้างชัดเจน ซึ่งไม่ต่างไปจาก GF8 เท่าไหร หากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไป ที่ไม่เน้นในเรื่องดีเทลมากนัก ที่ ISO 3200 ก็พอจะนำไปใช้งานได้อยู่ครับ
ฟีเจอร์เซลฟี่ที่โดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาด
จุดขายหลักของ Lumix GF9 อย่างที่รู้กันคือเรื่องการถ่ายเซลฟี่ แค่บิดผลิกจอขึ้นมาก็จะเข้าสู่โหมดเซลฟี่ให้โดยอัตโนมัติ
โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้
1. Soft Skin โหมดปรับหน้าเนียนใส ที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ โหมดบิวตี้บนสมาร์ทโฟนนั่นเอง
2. Filter Effect ใส่ ฟิลเตอร์ให้ภาพเช่น ภาพขาวดำ, ภาพในโทนย้อนยุค เป็นต้น
3. Background Control เลือกการเบลอฉากหลังด้วย Software
4. Slimming Mode ปรับหน้าให้เรียวลง
5. Shutter mode โหมดการถ่ายที่รองรับการลั่นชัตเตอร์โดยอัตโนมัติ เช่น Buddy Shutter , Face Shutter
โหมดต่าง ๆ ที่เราสามารถเรียกใช้งานได้หลังจากพับจอขึ้นมาเพื่อถ่ายเซลฟี่
ทดสอบใช้งานจริงกับโหมดเซลฟี่ของ Lumix GF9
ลองถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมด Auto โดยไม่ปรับแต่งหรือใส่ Effect ใด ๆ โดยส่วนตัวผมชื่นชอบสกินโทนของค่ายพานาโซนิคอยู่แล้ว และในสภาพแสงปรกตินั้นให้คุณภาพที่ดีเยี่ยมมาก ๆ ครับ
เมื่อเปิดใช้งาน Soft Skin ที่ระดับ 4 ก็ยังถือว่าให้ความเป็นธรรมชาติไม่โอเวอร์หรือหลอกตาจนเกินไป
ลองปรับ Soft Skin ที่ระดับ 10 ก็จะดูหลอก ๆ โอเวอร์ไปสักนิด สำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบการเซลฟี่ ผมแนะนำที่ระดับ 3-4 น่าจะพียงพอและถือว่ากำลังดีแล้วครับ
โหมด Background Control สามารถถ่ายแบบละลายฉากหลัง (ด้วย Software) ประมาณไม่มีเลนส์ฟิกเอฟกว้าง ๆ มีเพียงเลนส์คิทก็ละลายหลังได้เหมือนกัน เพียงแต่จะไม่ค่อนเนียนสักเท่าไหร่นะครับ ต้องเข้าใจว่าตรงนี้ใช้การประมวลผลจากตัว Software เป็นหลัก
นอกจากนี้ทีเด็ดของ Lumix GF9 ยังรองรับการถ่ายเซลฟี่ด้วยโหมด 4K Photo และ Panorama ได้อีกด้วย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้แหละที่เป็นการเติมเต็มขึ้นมาอีกขั้นจากตัวรุ่นพี่ GF8
*ส่วนโหมด Beauty Retouch ที่สามารถปรับแต่งได้โดยตรงจากตัวกล้อง ต้องรอการอัพเดตฟิร์มแวร์ในภายหลังถึงจะใช้งานได้ครับ
ถึงจะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็เล็กพริกขี้หนู ด้วยฟีเจอร์ไม้เด็ด 4K Photo Mode
ฟีเจอร์ 4K Photo ยกมาจากรุ่นพี่ในตระกูล GX มาอย่างครบถ้วน โดยประกอบไปด้วย 3 โหมดย่อย
4K Burst (S/S)
4K Pre Burst
4K Burst
หลักการทำงานของ 4K Photo Mode ก็คือการถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด 4K และดึงไฟล์ภาพนิ่งที่แบ่งเป็นช็อตจากวีดีโอมาใช้งาน ซึ่งไฟล์ภาพนิ่งจะมีความละเอียดอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านพิกเซล ประโยชน์ของโหมด 4K Photo Mode ช่วยให้เราได้ภาพในช่วงเวลาที่สำคัญ ๆ อย่างวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น นกบิน หรือในการแข่งขันกีฬาเป็นต้น
ตัวอย่างภาพนกบิน ถ้าเราถ่ายปรกติ ต้องใช้การตั้งค่าสปีดชัตเตอร์สูง ๆ เพื่อหยุดความเคลื่อนไหว แต่ถ้าสมมุติเราไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนก็อาจจะถ่ายไม่ทันอยู่ดีครับ ฉะนั้นโหมด 4K Photo จึงเป็นตัวช่วยที่ดีมาก ทำให้เราไม่พลาดช็อตสำคัญ ๆ
หรือตัวอย่างจากภาพนี้ก็คือ เราสามารถเก็บแอคชั่นความเคลื่อนไหวของสัตว์ที่ไม่ได้อยู่นิ่ง ๆ จาก 4K Photo ได้แบบง่าย ๆ แถมคุณภาพไฟล์ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ
โหมด Post Focus ถ่ายก่อนโฟกัสที่หลัง สร้างสรรค์ได้อย่างยืดหยุ่น
สำหรับโหมดนี้ยังคงใช้ความสามารถจากตัววีดีโอเหมือนเดิมครับ โดยหลักการทำงาน Post Focus หลังจากกดชัตเตอร์ตัวกล้องจะทำการโฟกัสไปทั่วทั้งภาพ จากนั้นเราสามารถมาเลือกจุดโฟกัสที่เราต้องการในภายหลังได้ นอกจากช่วยแก้ปัญหาเรื่องการถ่ายภาพแบบหลุดโฟกัสได้แล้ว โหมด Post Focus ยังสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายของเราให้ดูน่าสนใจได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ
ภาพตัวอย่างของการใช้งานโหมด Post Focus หลังจากถ่ายแล้วสามารถมาเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการได้ในภายหลัง เช่นอยากได้หน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัดเป็นต้น
สุดท้าย รองรับการแชร์ไฟล์ง่าย ๆ ผ่าน Wifi และแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังสามารถคอนโทรลกล้องได้เต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ โดยเฉพาะหากใช้เลนส์ซูมไฟฟ้าอย่างในรุ่น PZ เราสามารถสั่งซูมจากตัวสมาร์ทโฟนได้อีกด้วยครับ
จากนี้มาดูกันต่อในภาพรวม ๆ ของไฟล์ภาพจาก LUMIC GF9 ซึ่งผมจะใช้โหมด iA ร่วมกับเลนส์คิท 12-32mm. เป็นหลักนะครับ
ระยะไวด์กับเทเลสูงสุดของเลนส์คิท 12-32mm.
ย้อนแสงก็เจอ Flare บ้างเป็นเรื่องปรกติครับ
ไวท์บาลานส์ในสภาพแสงที่ยุ่งเหยิง Lumix GF9 อาจจะงง ๆ เลยยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่ถ้าสภาพแสงปรกติก็ถือว่าค่อนข้างแม่นยำใช้ได้ครับ
สนุกและใช้งานง่ายด้วย Scenc mode และ Creative Mode
Lumix GF9 มี Scenc mode และ Creative Mode หลากหลายรูปแบบ ที่ช่วยสร้างสรรค์รูปถ่ายให้ดูน่าสนใจได้มากยิ่งขึ้น
โหมด Glistening Water สร้างเงาประกายให้กับน้ำพุ
โหมด One Point Color
Creative Mode
Panoroma สำหรับโหมดพาโนรามานั้นรองรับการเซลฟี่ได้ด้วยนะครับ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์เด็ดของ Lumix GF9
ลองถ่ายในสภาพแสงน้อยกันต่อครับ
คุณภาพของไฟล์ในที่แสงน้อยถือว่าพอใช้ได้ครับ และข้อดีของการมีแฟลชในตัว อีกทั้งยังสามารถ Bounce Flash ได้ ก็ช่วยให้เราถ่ายในโหมดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นครับ คือไม่ต้องยิงแฟลชไปตรง ๆ ทำให้ภาพสว่างจ้าจนสูญเสียดีเทลของ Subject ไปนั่นเอง
ปิดท้ายกันไปด้วยการทดสอบถ่ายวีดีรโอที่ความละเอียด 4K
สรุปส่งท้าย Panasonic Lumix GF9
สำหรับซีรีย์ GF ในช่วงหลัง ๆ ตั้งแต่ GF7 เป็นต้นมาจะชูเรื่องเซลฟี่เป็นจุดขายหลัก ซึ่งทางพานาโซนิคทำออกมาได้ค่อนข้างดีมาก ไม่แพ้ค่ายอื่น ๆ เลยครับ โดยเฉพาะ Gen ล่าสุดอย่าง Lumix GF9 นั้นต้องบอกเลยว่า นี่คือที่สุดของ mirrorless selfie ของชั่วโมงนี้ ด้วยฟีเจอร์จัดเต็มทางด้านการเซลฟี่ ไม่ว่าจะเป็น 4K Selfie, Panorama Selfie, 4K Photo Hand free selfie ฯลฯ แถมมี Beauty Retouch (รอการอัพเดต Firmware) จึงช่วยให้การถ่ายเซลฟี่นั้นสนุกและจบหลังกล้องพร้อมใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องพึงพาการปรับแต่งจาก PC หรือสมาร์ทโฟนแต่อย่างใด ตรงนี้เป็นจุดแข็งที่ทำให้ LUMIX GF9 นั้นโดดเด่นเหนือคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาด ณ ตอนนี้ครับ
ส่วนสิ่งที่จะติ ก็คือเรื่องความร้อนในเวลาถ่ายวีดีโอ 4K ซึ่งบางครั้งมีการแจ้งเตือนเรื่องความร้อนขึ้นมา แม้เราจะถ่ายไปไม่ถึง 5 นาทีก็ตาม และอีกเรื่องก็คือแบตเตอรี่ที่ยังไม่อึดสักเท่าไหร่ เพราะจากการใช้งานจริงแบตจะหมดไวไปสักนิดครับ และถึงแม้จะชาร์จผ่าน Micro USB ได้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถชาร์จไปถ่ายไปได้เหมือนของค่าย Sony ถ้าปรับปรุงตรงจุดนี้ได้ก็จะสมบูรณ์แบบเลยครับ
Panasonic Lumix GF9 นั้นวางจำหน่ายแล้ว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.พ.60 ที่ผ่านมา โดยมีสนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 23,990 บาท
มีรายละเอียดดังนี้
ชุดบอดี้พร้อมเลนส์คิท 12-32 mm ราคา 23,990 บาท
ชุดบอดี้พร้อมเลนส์ 20mm f/1.7 ราคา 27,990 บาท
ชุดมบอดี้พร้อมเลนส์ 12-32 mm และ 35-100 mm ราคา 29,900 บาท
มี 4 สีให้เลือกใช้งานประกอบไปด้วย ส้ม, ดำ/เงิน, ชมพูซากุระ และสีดำ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Panasonic Thailand ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการรีวิวครับผม
You must be logged in to post a comment.