เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมเผยราคาวางจำหน่ายออกมาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Android Phone ชุดแรกจากอดีตยักษ์ใหญ่ของวงการ โดยในการเปิดตัวครั้งนี้ เป็นแบบ Global ซึ่งจะเป็นรุ่นมาตรฐานต่างจากที่วางจำหน่ายในจีนอยู่บ้างครับ และผมได้ทำสรุปสเปคและไฮไลท์ที่น่าสนใจของทั้ง 3 มาฝากเพื่อน ๆ เหมือนเช่นครับ
Nokia 6 Specifications
● ระบบปฏิบัติการ Android V.7.1.1 (Nougat)
● จอแสดงผล : ชนิด IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080 x 1920 pixels (~403 ppi pixel density) จอโค้ง 2.5D กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 3
● หน่วยประมวลผล MSM8937 Snapdragon 430 Octa-core 1.4 GHz Cortex-A53
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 505
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 32GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
● แรม : 3GB
● สี Arte Black มาพร้อมความจำภายในตัวเครื่อง 64GB/แรม 4GB
● การเชื่อมต่อ รองรับ 2G, 3G, 4G LTE Cat 4, 150Mbps DL/50Mbps UL
● รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด แบบไฮบริด (Nano-SIM, dual stand-by)
● การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/, Bluetooth V. 4.1 , NFC
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 แฟลชคู่ dual-LED (dual tone) ระบบโฟกัส PDAF, พิกเซลไซส์ขนาด 1.0 µm
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , รูรับแสง f/2.0, พิกเซลไซส์ขนาด1.12 µm เลนส์มุมกว้าง 84 องศา
● ลำโพงคู่สเตอริโอ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos® และ Smart amplifier (TFA9891)
● fingerprint sensor สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮมด้านหน้า
● ระบบตัดเสียงรบกวน Active noise cancellation with dedicated mic
● ขนาดตัวเครื่อง 154 x 75.8 x 8.4 มิลลิเมตร
● น้ำหนัก 169 กรัม
● แบตเตอรี่ 3,000 mAh
● สีที่มีวางจำหน่าย Arte Black, Matte Black, Tempered Blue, Silver, Copper
ราคาวางจำหน่ายประมาณ ประมาณ 8,500 บาท ส่วน Special Edition ราคา 11,000 บาท
สรุปไฮไลท์ Nokia 6 เป็นรุ่น TOP สุด ณ ตอนนี้ โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่และมีความละเอียดที่สุดของทั้ง 3 รุ่น ทางฝั่งตัวชิปเซ็ตนั้นเน้นไปในเรื่องการประหยัดพลังงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ร้อนแรงเท่าตระกูล Snapdragon 8xx หรือ 6xx แต่ในการใช้งานทั่ว ๆ ไปก็ถือว่าเพียงต่อการใช้งานในยุคนี้ครับ
Nokia 6 ที่เปิดตัวแบบ Global จะมาพร้อม Google Service ครบถ้วนตามมาตรฐานของ Google ครับ ไม่ได้ถูกตัดออกไปเหมือนรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศจีน
สำหรับ Nokia 6 จะมีรุ่นพิเศษ คือสี Arte Black มาพร้อมความจำภายในตัวเครื่อง 64GB/แรม 4GB และราคาก็อัพขึ้นมากว่ารุ่นปรกติเล็กน้อย
กล้องของ Nokia 6 ชูจุดเด่นในเรื่อง พิกเซลไซส์ ที่มีขนาด 1.0 µm ซึ่งอธิบายง่ายก็คือ ยิ่งพิกเซลไซส์มีขนาดใหญ่ก็ยิ่งให้คุณภาพดี ภาพรวมสเปคทางฝั่งกล้องนั้นดีทั้งกล้องหน้าและหลัง
นอกจากเรื่องกล้องที่ให้สเปคมาได้น่าสนใจ ทางฝั่งระบบเสียงเองก็ถือว่าโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยมีลำโพงคู่สเตอริโอ + ระบบเสียง Dolby Atmos® และ Smart amplifier (TFA9891) เป็นตัวชูโรง และระบบตัดเสียงรบกวน Active noise cancellation with dedicated mic ที่จะช่วยให้การสนทนามีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อค่อนข้างครบถ้วนครับ มีทั้ง fingerprint sensor , NFC แต่น่าเสียดายที่พอร์ตการเชื่อมต่อยังเป็น microUSB ไม่ได้เป็นเบบ Type C ตามสมัยนิยม
Nokia 5 Specifications
● ระบบปฏิบัติการ Android V.7.1.1 (Nougat)
● จอแสดงผล : ชนิด Super IPS ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280 pixels (~282 ppi pixel density) จอโค้ง 2.5D กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass (ไม่ระบุรุ่น)
● หน่วยประมวลผล MSM8937 Snapdragon 430 Octa-core 1.4 GHz Cortex-A53
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Adreno 505
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
● แรม : 2GB
● การเชื่อมต่อ รองรับ 2G, 3G, 4G LTE Cat 4, 150Mbps DL/50Mbps UL
● รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด แบบไฮบริด (Nano-SIM, dual stand-by)
● การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/, Bluetooth V. 4.1 , NFC
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/3″ รูรับแสง f/2.0 แฟลชคู่ dual-LED (dual tone) ระบบโฟกัส PDAF, พิกเซลไซส์ขนาด 1.12 µm
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , รูรับแสง f/2.0, พิกเซลไซส์ขนาด1.12 µm เลนส์มุมกว้าง 84 องศา
● ลำโพงโมโน พร้อม Smart amplifier (TFA9891)
● fingerprint sensor สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮมด้านหน้า
● ขนาดตัวเครื่อง 149.7 x 72.5 x 8 มิลลิเมตร
● น้ำหนัก – กรัม
● แบตเตอรี่ 3,000 mAh
● สีที่มีวางจำหน่าย Tempered Blue, Silver, Matte Black, Copper
ราคาวางจำหน่ายประมาณ ประมาณ 6,900 บาท
ในฝั่งของ Nokia 5 จะมีสเปคที่ใกล้เคียงกับ Nokia 6 ครับ โดยสเปคนั้นลดหลั่นลงมา ทั้งขนาดหน้าจอและความละเอียดของกล้องหลัง และลำโพงตัวเครื่องจะเป็นแบบ โมโน ไม่มีระบบเสียง Dolby Atmos® แต่ยังให้ Smart amplifier (TFA9891) มาใช้งาน ส่วน fingerprint sensor และ NFC ก็ยังใส่มาให้เหมือนเดิมไม่ได้ถูกตัดทอนออกไป
Nokia 3 Specifications
● ระบบปฏิบัติการ Android V.7.0 (Nougat)
● จอแสดงผล : ชนิด Super IPS ขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1280 pixels (~294 ppi pixel density) จอโค้ง 2.5D กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass (ไม่ระบุรุ่น)
● หน่วยประมวลผล Mediatek MT6737 Quad-core 1.4 GHz Cortex-A53
● หน่วยประมวลผลกราฟฟิค Mali-T720MP2
● หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง 16GB และรองรับหน่วยความจำภายนอก MicroSD card ได้สูงสุด 128GB
● แรม : 2GB
● การเชื่อมต่อ รองรับ 2G, 3G, 4G LTE Cat 4, 150Mbps DL/50Mbps UL
● รองรับการใช้งานในระบบ 2 ซิมการ์ด แบบไฮบริด (Nano-SIM, dual stand-by)
● การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/, Bluetooth V. 4.1 , FM radio
● กล้องหลักด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/2.0 , LED flash พิกเซลไซส์ขนาด 1.12 µm
● กล้องด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล , รูรับแสง f/2.0, พิกเซลไซส์ขนาด1.12 µm เลนส์มุมกว้าง 84 องศา
● ลำโพงโมโน
● ขนาดตัวเครื่อง 143.4 x 71.4 x 8.5 มิลลิเมตร
● น้ำหนัก – กรัม
● แบตเตอรี่ 2,650 mAh
● สีที่มีวางจำหน่าย Silver White, Matte Black, Tempered Blue, Copper White
ราคาวางจำหน่ายประมาณ ประมาณ 5,190 บาท
Nokia 3 เป็นน้องเล็กสุด มาในดีไซน์คลาสสิคของทางแบรนด์โนเกีย ตัวบอดี้วัสดุหลักจะเป็นโพลีคาร์บอเนตผสานด้วยกรอบตัวเครื่องที่เป็นโลหะ ทางฝั่งชิปเซ็ตเปลี่ยนมาจับมือกับ Mediatek ตามสไตล์รุ่นเล็กของหลาย ๆ แบรนด์นั่นเอง สเปคโดยรวมถ้าเปิดราคามาในไทยที่ไม่เกิน 5,000 บาท คาดว่าจะสามารถต่อกรกับแบรนด์จีนและเจ้าตลาดที่มีอยู่ในบ้านเราได้สบาย ๆ ครับ
ทั้งนี้หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม ทางทีมงานจะรีบมาอัพเดตให้เพื่อน ๆ ได้ทราบในทันทีนะครับ
ถูกใจบทความนี้ 2
You must be logged in to post a comment.