มาแล้วจ้า สำหรับใครที่มีลูกน้อย หรือลูกใหญ่ มีสองลูก เอ๊ยไม่ใช่ ลูกสอง ก็ได้หมดเลย มาแนะนำ Wearable ชนิดนึงใช้กับเด็กๆ นี่ล่ะ มีประโยชน์มากมาย ได้ทั้งวัดไข้ วันอุณหภูมิต่างๆ ดูการเคลื่อนไหว และกันเด็กหาย ในบริเวณใกล้เคียง ได้อีกด้วย ซื้อมา 1 แต่ว่าได้ฟีเจอร์เพียบเลย สำหรับคุณพ่อคุณแม่ ที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กอ่อน หรือเด็กโตก็ใช้ประโยชน์ได้หมด ถึงได้บอกว่าสารพัดประโยชน์ วันนี้จับมารีวิวให้ชมกันครับ
POMO Bebe เป็นอุปกรณ์วัดไข้อัจฉริยะที่เป็นมากกว่าอุปกรณ์วัดไข้ทั่วๆ ไป มีประโยชน์มากมาย คุ้มค่ากับการลงทุนด้วยราคา 2,990 บาทอย่างแน่นอน เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อย หรือเด็กโตในช่วงระหว่างวัยถึง 10 ขวบเลยนะครับ หรือจริงๆ สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผู้ใหญ่หรือคนแก่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เช่นกัน จะมีฟีเจอร์และสเปคพร้อมประโยชน์ยังไงบ้างมาดูกันคับ
ฟีเจอร์ต่างๆ มีแปะ อยู่ด้านข้างกล่องเรียบร้อย
ด้านหลังมีสเปคและ QR Code สำหรับสแกนลงแอพ ซึ่งแอพรองรับทั้ง Android และ iOS
ในกล่องก็ตามนี้เลยครับ เปิดมาเจอเป็นตัวกลมๆ สองชิ้น โดยชิ้นแรกคอ POMO Bebe ส่วนที่เห็นสีฟ้าๆ นั่นคือส่วนของแม่เหล็กสำหรับติดกับเสื้อผ้าของน้องๆ เดี๋ยวมาดูกันว่าติดยังไง
อุปกรณ์ทั้งหมดในกล่องมีเท่านี้เลย มีสาย Micro USB ให้ด้วย
ซึ่งปกติแล้วตัว POMO Bebe เป็นชิ้นที่เอาไว้ติดตัวเด็กๆ ซึ่งจะมี dock สำหรับชาร์จแยกต่างหาก ลักษณะก็ตามนี้เลย อันนี้ห้ามหายเลยนะครับ เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มพลังงานของ POMO Bebe เลยล่ะ
ตรงนี้เองที่เป็นที่ชาร์จ พอร์ท Micro USB ปกติ สามารถชาร์จผ่านพอร์ท USB ได้ หรือว่าใช้ อะแดปเตอร์ที่จ่ายไฟสัก 0.5A หรือ 500mAh ก็พอแล้ว
ส่วนของด้านหน้า Dock จะมีขั้วเป็นลักษณะของหน้าสัมผัส ซึ่งทำบล็อคเอาไว้พอดีกับตัว POMO Bebe ส่วนหนึ่งของการออกแบบ POMO Bebe ที่ไม่กลมซะทีเดียว ก็คือการชาร์จที่จะลงล็อคพอดีนี่ล่ะครับ วางกลับหัวก็จะไม่พอดีและชาร์จไม่ได้อีกต่างหาก เรียกว่าออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาตรงจุด
ด้านหน้จริงๆ เป็นส่วนของ Display เป็น dot metrix led บอกได้ทั้งอุณภูมิเป็นตัวเลข และสัญลัษณ์ภาษาอังกฤษย่อๆ เพื่อให้เข้าใจว่าอุณภภูมิสูงหรือต่ำ
หน้าสัมผัสที่ตัว POMO Bebe สำหรับชาร์จ
ตรงด้านล่างเป็นเซ็นเซอร์อินฟราเรด ตรงนี้ใช้วัดอุณภหูมิครับ ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะมีพวกฝุ่นเกาะได้โดยเฉพาะการใช้งานในบ้านเรานั้นควรมีที่เป่าลมทำความสะอาดก่อนใช้งานก็จะดี จะได้ค่าอุณหภูมิที่ถูกต้อง
และแน่นอนเลยครับว่า การใช้งาน POMO Bebe นั้นต้องอาศัยการเชื่อมต่อกับ Smartphone เพื่อการใช้งานที่สมบูรณ์ขึ้น ปกติหากไม่เชื่อมต่อ ก็จะแสดงผลเรื่องอุณภภูมิได้เพียงเท่านั้น แต่ฟีเจอร์อื่นๆ อีกเพียบที่เราจะพลาดไป ด้านบนคือฟีเจอร์ที่เราจะใช้งาน POMO Bebe ให้คุ้มค่าเงินที่เราเสียไป
การติดและใช้งาน POMO Bebe
การติดตั้งและใช้งาน จริงๆแล้ว สามารถติดแบบลักษณะเป็นคลิปหนีบไว้กับเสื้อผ้าได้เลยตามที่เราต้องการ อย่างเช่นผมเองหนีบเอาไว้กับคอเสื้อของลูก
หรืออีกกรณีนึงคือ จะมีแม่เหล็กอีกขิ้นนึงเอาไว้หนีบกับจุดที่เราต้องการก็ได้ ซึ่งได้ทั้งถอดเจ้า POMO Bebe ออกจาก cover แล้วเอามาติดกันได้เลย หรือจะติดเป็นลักษณะห้อยแบบนี้ก็ได้ แล้วแต่ลักษณะการใช้งาน แต่ทั่วๆ ไปแนะนำให้ติดแบบแรกจะดีที่สุด
การใช้งานจะให้สมบูรณ์จะต้องใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น ที่ช่วยเก็บข้อมูลและใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูกของเราได้อีกเพียบ มาดูเรื่องแอพกันหน่อยว่ามีประโยชน์อะไรบ้างนะครับ
แอพต้องมีการจับคู่และใช้งานเบื้องต้นก่อน ซึ่งครั้งแรกเลยก็คือให้เขย่า POMO Bebe ครั้งนึงก่อน เพื่อปลุกให้ตื่นจากนั้นก็ไปที่ setting => connect เพื่อกดเชื่อมต่อ หรือเชื่อมต่อไว้แล้วก็เขย่าครั้งนึงแล้วกด สัญลัษณ์การเชื่อมต่อด้านบน และอย่าลืมตั้งค่ารายละเอียดของเด็กๆ ด้วยนะครับ
สำหรับ POMO Bebe ถ้าเขย่าหนึ่งครั้งจะเป็นการเข้าโหมดการวัดไข้ปกติ โดยเอา POMO Bebe วัดตรงหน้าผาก หรือจุดต่างๆ อย่างที่แนะนำในการติดตั้งคือตรงหน้าอกก็ได้เช่นกัน เพราะจะมีการแจ้งเตือนผ่านแอพของเราด้วยครับ แต่ถ้าเขย่าสองครั้ง จะเข้าสู่โหมดการวัดอุณหภูมิห้องหรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่นขวดนม หรือประยุกต์ใช้กับภาชนะใส่น้ำร้อนก็ได้ อันนี้แล้วแต่เลย สรุปก็คือมีสองโหมดครับ การใช้งานเขย่า 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง
โหมดการใช้งานหลักๆ มีอะไรบ้าง?
Body Temperature เป็นการวัดไข้ตามปกติ สามารถแทรคเก็บไว้เป็นกราฟได้
Movement Tracking แทรคว่าลูกเราขยับตัวมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน
Sleep Quality การหลับของเด็กๆ ก็เป็นเรื่องสำคัญ สามารถแทรคเรื่องการหลับว่ามีคุณภาพแค่ไหน กลางดึกลูกตื่นช่วงไหนบ้าง
Find Me โหมดป้องกันเด็กหาย หรือออกไปไกลจากบริเวณ จะใช้ก็กรณีออกไปข้างนอกด้วยกันเช่นเดินห้าง หรือตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เปิดโหมดนี้ไว้ หากลูกวิ่งไปไกลเกินบริเวณที่สัญญาณ bluetooth ส่งไปถึง คาดว่าประมาณ 10 เมตร ก็จะมีการแจ้งเตือน
Sleeping Temperature Aleart ผมเรียกว่าเป็นโหมดวัดไข้ก็แล้วกัน หากมีอุณหภูมิสูงก็จะเตือนเราให้ตื่นขึ้นมาเช็ดตัวให้ลูกได้ทันที เตือนผ่าน Smartphone ของเรานะครับ
การนอนหลับก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กนะครับ หากนอนน้อยเกินไปร่างกายก็เจริญเติบโตช้า ว่าง่ายๆ สูงช้านั่นล่ะ ดูสรุปได้ทั้งรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน
การเคลื่อนไว้ก็เช่นกัน ลูกน้อยก็ยิ่งต้องดูว่าการเคลื่อนไหวของเขาเป็นยังไงบ้าง การเคลื่อนไหวของเด็กๆ ยิ่งเคลื่อนไหวมากก็ยิ่งดี กล้ามเนื้อต่างๆ จะได้ถูกใช้งานและพัฒนาให้สมวัย แต่ส่วนใหญ่เด็กๆ จะไม่อยู่นิ่งอยู่แล้วล่ะ
และอย่าลืมอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้ใหม่อยู่เสมอ อันนี้เราต้องกดอัพเดทกันเองนะ
มีการแจ้งเตือนด้วยหากอุณภูมิสูงไป
ตัวเลข LED ด้านหน้าบอกอุณหภูมิและสัญลักษณ์ต่างๆ เช่นการวัดในอุณภูมิห้อง หรือวัดกับตัวคน
สรุปทิ้งท้ายกันสักนิด ให้ข้อคิดเอาไว้สักหน่อย
สรุปว่า POMO Bebe เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีคุณลูกที่น่ารัก ไม่ว่าะจเป็นวัยไหน ตั้งแต่แบเบาะ ไปจนถึงโตแล้วก็ยังใช้ประโยชน์จาก POMO Bebe ได้ โดยเฉพาะเด็กทารกที่ยังกินนมอยู่ ฟีเจอร์วัดอุณหภูมิที่ขวดนมคือหนึ่งในการใช้งานที่ผมไม่ทันได้ใช้เพราะลูกๆ โต และไม่ได้กินนมจากขวดนมแล้ว น่าเสียดาย แต่ก็ยังได้ใช้งานส่วนอื่นๆ นะครับ ซื้อแค่ครั้งแรก ก็ใช้งานกันยาวๆ แบตเตอรี่อยู่ได้เป็นเดือน แต่อย่างนึงก็คือการแทรคการเคลื่อนไหว และ Lost Mode นี่ล่ะ ต้องติดตั้งกระดุมแม่เหล็กเข้ากับ POMO Bebe ดีๆ ต้องเป็นจุดที่ขยับแล้วไม่ตกหล่น เพราะต้องเข้าใจว่าโหมดนี้คือ ลูกๆ เราต้องอยู่ในพื้นที่ประมาณ 10 เมตรซึ่งหากเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้ใช้การเคลื่อนไหวอะไรมากนัก เช่นเดินห้าง ไปเที่ยวเล่นกันตามปกติ อันนี้ก็แนะนำให้แปะไว้ที่คอเสื้อก็โอเค แต่ถ้าหากเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวมากๆ เช่นวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่น เล่นไล่จับ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายมากๆ แนะนำให้ติดเอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงจะดีกว่า ถึงแม้ว่า กระดุมแม่เหล็กของ POMO Bebe จะมีแรงดึงดูดมาก แต่เสื้อผ้าก็มีการขยับตลอดเวลา ดังนั้นมีโอกาสที่จะร่วงหล่นได้
ฟีเจอร์อื่นๆ ผมว่ามีประโยชน์มาก โดยเฉพาะการวัดไข้ หากมีไข้สูงก็ตั้งเตือนได้ ซึ่งช่วยปลุกให้เราตื่นขึ้นมาเช็ดตัวเพื่อลดไข้ได้ทัน ไข้สูงนี่เป็นอันตรายกับเด็กๆ มากนะครับ ถ้าหากสูงเกินไปจะถึงขั้นชัก อาจจะกัดลิ้นตัวเองได้ จนถึงหากปล่อยให้ชักเป็นเวลานาน ก็มีผลต่อสมองอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายอย่างมาก รวมถึงยังช่วยแทรคการนอนของเด็กๆ ได้อีกด้วย ลงทุนครั้งเดียว ได้ประโยชน์ครบ ถึงแม้ว่าจะแพงกว่าอุปกรณ์วัดไข้ทั่วไปสักหน่อย แต่ประโยชน์ที่ได้รับผมว่าก็คุ้มค่กับเงินที่เสียไปครับ เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่แนะนำสำหรับคนมีครอบครัว
ขอบคุณ POMO House ที่สนับสนุนอุปกรณ์ทดสอบ
ถูกใจบทความนี้ 2
You must be logged in to post a comment.